อัจฉริยะออทิสติกของวงการซอฟต์แวร์

แสดงความคิดเห็น

ดั๊ก แมคแนบบ์ มีอาการออทิสติกแต่กำเนิด

คอลัมน์ : เวิลด์วาไรตี้ ดั๊ก แมคแนบบ์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ปี 2554 แต่หลังจากเพียรพยายามสมัครเข้าทำงานในบริษัทต่างๆ นับตั้งแต่เรียนจบ เขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จได้เข้าทำงานในบริษัทใดเลย

อุปสรรคที่เป็นกำแพงกีดกั้นความสำเร็จของเขาคือสิ่งที่ติดตัวเขามาตั้งแต่กำเนิด นั่นคือเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ที่มีอาการออทิสติก จนเมื่ออายุ 35 ปีแมคแนบบ์ได้เข้ารับการตรวจจึงรู้ว่าตนเองมีอาการดังกล่าว ที่ทำให้แมคแนบบ์มีบุคลิกที่เข้ากับคนอื่นในสังคมได้ยากทำให้ไม่เป็นที่ต้องการของบริษัทส่วนใหญ่ ที่ต้องการการทำงานเป็นทีม

แต่ในที่สุด แมคแนบบ์ ก็ประสบความสำเร็จ ได้รับการว่างจ้างเข้าทำงานเป็นพนักงานของบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ อย่าง ไมโครซอฟท์ อิงค์ เมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมานี้เอง โดยทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์-ทดสอบซอฟต์แวร์ในโครงการอัลตร้า เทสติ้ง ที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีครึ่งมาแล้ว และไม่ต้องพึ่งพาการทำงานเป็นทีมทำให้เขาสามารถทำงานจากที่บ้านได้เพียงลำพัง เจ้าหน้าที่ในโครงการอัลตร้า เทสติ้งของไมโครซอฟท์นั้นมีพนักงานที่มีอาการออทิสติกมากถึง 80% เรียกได้ว่าเป็นกระดูกสันหลังของโครงการนี้เลย

แม้แมคแนบบ์จะมีปัญหาในด้านบุคลิกภาพ ทั้งการไม่ยอมสบตาผู้อื่น มีความอ่อนไหวต่อแสง หรือเสียง และมีบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ที่มีอาการออทิสติกซึ่งต้องการผู้ที่เข้าใจและอดทนที่จะทำการสื่อสารกับเขา แต่สวรรค์ได้ประทานพรสวรรค์ประการสำคัญให้เขา นั่นคือการทำงานที่ซับซ้อน จดจำรูปแบบข้อมูล และการค้นหาข้อผิดพลาดในชุดรหัสของโปรแกรมได้เป็นอย่างดี ทำให้แมคแนบบ์และผู้ที่มีอาการออทิสติกที่ได้รับคัดเลือกเข้าโครงการนี้ เป็นประโยชน์ต่อบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์อย่างไมโครซอฟท์เป็นอย่างมาก นอกจากไมโครซอฟท์แล้ว ผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายอื่น เช่น เอสเอพี เอสอี เฟรดดี แมค และเอชพี ออสเตรเลีย ก็เปิดโครงการรับพนักงานวิเคราะห์ซอฟต์แวร์ที่มีพรสวรรค์เฉพาะทางในกลุ่มผู้ที่มีอาการออทิสติกด้วยเช่นกัน

เมื่อปีที่แล้ว ทีมงานพิเศษที่ทำการวิเคราะห์ซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์ สามารถตรวจจับข้อผิดพลาด หรือ "บัก" ของชุดซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการจัดการมอบรางวัล เว็บบี อวอร์ดส์ ที่มอบให้แก่ผู้ที่มีความสามารถเป็นเลิศด้านอินเทอร์เน็ต ซึ่งผลงานการวิเคราะห์ซอฟต์แวร์ของกลุ่มผู้มีอาการออทิสติกกลุ่มนี้เป็นที่ยอมรับของเจ้าของชุดซอฟต์แวร์ดังกล่าว

นายสตีฟ มาร์เชส ผู้อำนวยการบริหารเว็บบี มีเดีย กรุ๊ป กล่าวยกย่องทีมงานกลุ่มนี้ว่า มีความสามารถในการตรวจจับบัก ในรหัสซอฟต์แวร์ ได้มากกว่าคนปกติ 5-10 เท่า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากสำหรับตนเอง และกล่าวชื่นชมโครงการของไมโครซอฟท์ว่าเป็นโครงการที่เฉียบแหลมที่ใช้พรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ในกลุ่มคนพิเศษของสังคม

อย่างไรก็ตามในมุมของผู้ทำธุรกิจ เจ้าของโครงการว่าจ้างผู้ที่มีอาการออทิสติกเข้าทำงานนั้น เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เพราะบริษัทต้องยกเครื่องระบบการฝึกอบรม เพิ่มทักษะการสื่อสาร และยอมรับขั้นตอนการทำงานที่ไม่เป็นไปตามแบบแผนเดิมของบริษัท เพื่อให้พนักงานกลุ่มนี้สามารถรับสภาพการทำงานที่มีผู้อื่นอยู่ร่วมด้วย และมีเสียงรบกวนที่อาจทำลายสมาธิของผู้ที่ไม่ผ่านการฝึกอบรมในการรับสภาพมาก่อนได้

นอกจากนั้นนายจ้างและลูกจ้างยังต้องยอมรับอัตราค่าจ้างงานที่กำหนดขึ้นมาเฉพาะสำหรับคนกลุ่มนี้ได้อีกด้วย แต่จะอย่างไร การทำงานกับไมโครซอฟท์และบริษัทไอทีขนาดใหญ่ ให้ผลประโยชน์เป็นค่าตอบแทนมากกว่าบริษัทอื่นๆ ที่แมคแนบบ์เคยสมัครเข้าทำงานมาแล้วทั้งหมด

เฉพาะในสหรัฐอเมริกา มีผู้ที่มีอาการออทิสติกมากถึง 1 ใน 68 คน นั่นหมายถึงว่ามีบุคคลที่อาจจะมีพรสวรรค์พิเศษเช่นเดียวกับแมคแนบบ์มากถึง 3.5 ล้านคน รอเข้าทำงานในบริษัทที่มีสภาพแวดล้อมและรูปแบบ รวมทั้งงานที่เหมาะสม

ยิ่งไปกว่านั้นรัฐบาลสหรัฐอเมริกายังให้การสนับสนุนบริษัทต่างๆ ให้ว่าจ้างบุคคลกลุ่มนี้เข้าทำงาน โดยให้สิทธิพิเศษแก่บริษัทกลุ่มนี้ที่จะมีสิทธิ์ได้รับงานโครงการของภาครัฐมากกว่าบริษัทอื่นที่ไม่มีเงื่อนไขพิเศษนี้ คนกลุ่มนี้อาจจะเป็นเพชรในตม ที่รอการค้นหาและนำมาเจียระไน ถ้าสังคมให้โอกาสพวกเขาก็อาจจะทำประโยชน์ได้อย่างมหาศาลได้เช่นกัน

ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20150606/207476.html%22 (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: คมชัดลึกออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 6 มิ.ย.58
วันที่โพสต์: 12/06/2558 เวลา 11:00:37 ดูภาพสไลด์โชว์ อัจฉริยะออทิสติกของวงการซอฟต์แวร์

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

ดั๊ก แมคแนบบ์ มีอาการออทิสติกแต่กำเนิด คอลัมน์ : เวิลด์วาไรตี้ ดั๊ก แมคแนบบ์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ปี 2554 แต่หลังจากเพียรพยายามสมัครเข้าทำงานในบริษัทต่างๆ นับตั้งแต่เรียนจบ เขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จได้เข้าทำงานในบริษัทใดเลย อุปสรรคที่เป็นกำแพงกีดกั้นความสำเร็จของเขาคือสิ่งที่ติดตัวเขามาตั้งแต่กำเนิด นั่นคือเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ที่มีอาการออทิสติก จนเมื่ออายุ 35 ปีแมคแนบบ์ได้เข้ารับการตรวจจึงรู้ว่าตนเองมีอาการดังกล่าว ที่ทำให้แมคแนบบ์มีบุคลิกที่เข้ากับคนอื่นในสังคมได้ยากทำให้ไม่เป็นที่ต้องการของบริษัทส่วนใหญ่ ที่ต้องการการทำงานเป็นทีม แต่ในที่สุด แมคแนบบ์ ก็ประสบความสำเร็จ ได้รับการว่างจ้างเข้าทำงานเป็นพนักงานของบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ อย่าง ไมโครซอฟท์ อิงค์ เมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมานี้เอง โดยทำงานในตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์-ทดสอบซอฟต์แวร์ในโครงการอัลตร้า เทสติ้ง ที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีครึ่งมาแล้ว และไม่ต้องพึ่งพาการทำงานเป็นทีมทำให้เขาสามารถทำงานจากที่บ้านได้เพียงลำพัง เจ้าหน้าที่ในโครงการอัลตร้า เทสติ้งของไมโครซอฟท์นั้นมีพนักงานที่มีอาการออทิสติกมากถึง 80% เรียกได้ว่าเป็นกระดูกสันหลังของโครงการนี้เลย แม้แมคแนบบ์จะมีปัญหาในด้านบุคลิกภาพ ทั้งการไม่ยอมสบตาผู้อื่น มีความอ่อนไหวต่อแสง หรือเสียง และมีบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ที่มีอาการออทิสติกซึ่งต้องการผู้ที่เข้าใจและอดทนที่จะทำการสื่อสารกับเขา แต่สวรรค์ได้ประทานพรสวรรค์ประการสำคัญให้เขา นั่นคือการทำงานที่ซับซ้อน จดจำรูปแบบข้อมูล และการค้นหาข้อผิดพลาดในชุดรหัสของโปรแกรมได้เป็นอย่างดี ทำให้แมคแนบบ์และผู้ที่มีอาการออทิสติกที่ได้รับคัดเลือกเข้าโครงการนี้ เป็นประโยชน์ต่อบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์อย่างไมโครซอฟท์เป็นอย่างมาก นอกจากไมโครซอฟท์แล้ว ผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายอื่น เช่น เอสเอพี เอสอี เฟรดดี แมค และเอชพี ออสเตรเลีย ก็เปิดโครงการรับพนักงานวิเคราะห์ซอฟต์แวร์ที่มีพรสวรรค์เฉพาะทางในกลุ่มผู้ที่มีอาการออทิสติกด้วยเช่นกัน เมื่อปีที่แล้ว ทีมงานพิเศษที่ทำการวิเคราะห์ซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์ สามารถตรวจจับข้อผิดพลาด หรือ "บัก" ของชุดซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการจัดการมอบรางวัล เว็บบี อวอร์ดส์ ที่มอบให้แก่ผู้ที่มีความสามารถเป็นเลิศด้านอินเทอร์เน็ต ซึ่งผลงานการวิเคราะห์ซอฟต์แวร์ของกลุ่มผู้มีอาการออทิสติกกลุ่มนี้เป็นที่ยอมรับของเจ้าของชุดซอฟต์แวร์ดังกล่าว นายสตีฟ มาร์เชส ผู้อำนวยการบริหารเว็บบี มีเดีย กรุ๊ป กล่าวยกย่องทีมงานกลุ่มนี้ว่า มีความสามารถในการตรวจจับบัก ในรหัสซอฟต์แวร์ ได้มากกว่าคนปกติ 5-10 เท่า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากสำหรับตนเอง และกล่าวชื่นชมโครงการของไมโครซอฟท์ว่าเป็นโครงการที่เฉียบแหลมที่ใช้พรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ในกลุ่มคนพิเศษของสังคม อย่างไรก็ตามในมุมของผู้ทำธุรกิจ เจ้าของโครงการว่าจ้างผู้ที่มีอาการออทิสติกเข้าทำงานนั้น เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เพราะบริษัทต้องยกเครื่องระบบการฝึกอบรม เพิ่มทักษะการสื่อสาร และยอมรับขั้นตอนการทำงานที่ไม่เป็นไปตามแบบแผนเดิมของบริษัท เพื่อให้พนักงานกลุ่มนี้สามารถรับสภาพการทำงานที่มีผู้อื่นอยู่ร่วมด้วย และมีเสียงรบกวนที่อาจทำลายสมาธิของผู้ที่ไม่ผ่านการฝึกอบรมในการรับสภาพมาก่อนได้ นอกจากนั้นนายจ้างและลูกจ้างยังต้องยอมรับอัตราค่าจ้างงานที่กำหนดขึ้นมาเฉพาะสำหรับคนกลุ่มนี้ได้อีกด้วย แต่จะอย่างไร การทำงานกับไมโครซอฟท์และบริษัทไอทีขนาดใหญ่ ให้ผลประโยชน์เป็นค่าตอบแทนมากกว่าบริษัทอื่นๆ ที่แมคแนบบ์เคยสมัครเข้าทำงานมาแล้วทั้งหมด เฉพาะในสหรัฐอเมริกา มีผู้ที่มีอาการออทิสติกมากถึง 1 ใน 68 คน นั่นหมายถึงว่ามีบุคคลที่อาจจะมีพรสวรรค์พิเศษเช่นเดียวกับแมคแนบบ์มากถึง 3.5 ล้านคน รอเข้าทำงานในบริษัทที่มีสภาพแวดล้อมและรูปแบบ รวมทั้งงานที่เหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้นรัฐบาลสหรัฐอเมริกายังให้การสนับสนุนบริษัทต่างๆ ให้ว่าจ้างบุคคลกลุ่มนี้เข้าทำงาน โดยให้สิทธิพิเศษแก่บริษัทกลุ่มนี้ที่จะมีสิทธิ์ได้รับงานโครงการของภาครัฐมากกว่าบริษัทอื่นที่ไม่มีเงื่อนไขพิเศษนี้ คนกลุ่มนี้อาจจะเป็นเพชรในตม ที่รอการค้นหาและนำมาเจียระไน ถ้าสังคมให้โอกาสพวกเขาก็อาจจะทำประโยชน์ได้อย่างมหาศาลได้เช่นกัน ขอบคุณ... http://www.komchadluek.net/detail/20150606/207476.html%22

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...