สำคัญไม่แพ้ร่างกาย"อาบน้ำใจ"ยุคนี้คนไทย"ต้องทำ"

หญิงสาวกำลังยืนสูดอากาศกลางทุ่งหญ้า และเงาชายหนุ่มกำลังปั่นจักรยาน ใครอาจคิดว่านี่เป็นกริยาเปรียบเปรยหรือคำเปรียบเปรยในทางธรรม ซึ่งจริง ๆ ก็เกี่ยว แต่โดยนัยที่จะมาดูกันในวันนี้ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ส่วนถ้าใครคิดว่าเป็นเรื่องทางจิตใจในเชิง ’สุขภาพจิต“ ละก็...ใช่เลย!!

จริง ๆ แล้ว “อาบน้ำใจ” นี่หลายคนก็อาจจะคุ้น ๆ อยู่บ้างซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ทาง “สกู๊ปหน้า ๑ เดลินิวส์” ก็ไปได้ยินมาจากปากของ นพ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย กรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลมนารมย์ พร้อม ๆ กับการเข้าเยี่ยมชมโรงพยาบาลแห่งนี้...ซึ่งก็มีความน่าสนใจมาก เช่นเดียวกับสุขภาพจิต...ที่ยุคนี้คนไทยต้องสนใจ โรงพยาบาลแห่งนี้ เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีจิตแพทย์จำนวนหลายสิบคนร่วมหุ้นดำเนินการ เพื่อให้เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านการดูแลรักษาปัญหาทางจิตเวช พฤติกรรม และส่งเสริมสุขภาพจิต ซึ่งก็มีทั้งการให้บริการในรูปแบบผู้ป่วยใน กิจกรรมบำบัด-ฝึกทักษะ ผู้ป่วยนอก และสัมมนา-บรรยายเกี่ยวกับสุขภาพจิต ฯลฯ

ทั้งนี้ เมื่อพูดถึงปัญหาสุขภาพจิต ปัญหาทางจิต หลายคนอาจคิดว่าก็เป็นเรื่องของคนที่ป่วยเป็นโรคจิต ซึ่งจริง ๆ แล้วมิใช่ทั้งหมด คนที่ไม่ได้ถึงขั้นป่วยทางจิต ก็อาจมีปัญหาทางจิตใจหรือสุขภาพจิตได้ และเรื่องสุขภาพจิตนั้น ก็สำคัญต่อคนเราตั้งแต่ยังเป็นทารกอยู่ในครรภ์แม่ จนถึงวัยแก่ชราหลง ๆ ลืม ๆ

ยกตัวอย่างการบริการของโรงพยาบาลมนารมย์ ในส่วนของการให้บริการแผนกผู้ป่วยนอก ที่โดยรวมก็มีทั้ง... ให้บริการด้านเภสัชบำบัด จิตบำบัด ทั้งรายบุคคล คู่สมรส กลุ่มครอบครัว พฤติกรรมบำบัด เช่น วิตกกังวล ย้ำคิดย้ำทำ อารมณ์ซึมเศร้า สมาธิสั้น ปัญหาการนอนหลับ กลัวอ้วน กลัวการเข้าสังคม ปัญหาด้านเพศ อาการปวดเรื้อรัง ติดบุหรี่ ติดสุรา-ติดยาเสพติด ให้คำปรึกษาต่าง ๆ รวมถึงปัญหาครอบครัว ชีวิตคู่ ฯลฯ ซึ่งต่าง ๆ ที่ว่ามานี้ ก็สะท้อนชัดว่า ’สุขภาพจิต“ เกี่ยวข้องกับคนเราได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกแวดวง จึงเป็นเรื่อง ’สำคัญ“

มีหลายเรื่องร้ายเกิดขึ้นโดยโยงถึงสุขภาพจิต โดยที่คนก่อเรื่องร้ายอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ?? คนที่ป่วยเป็นโรคจิตหรือ “มีอาการทางจิต” หมายถึง “หลุดจากความเป็นจริง” ไปแล้ว นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมทุกวันนี้โดยโยงถึงสุขภาพจิตของผู้ที่ก่อเรื่องนั้น มิได้หมายความว่าผู้ก่อเรื่องต้องป่วยเป็นโรคจิตหรือมีอาการทางจิตเสมอไป หากแต่เรา ๆ ท่าน ๆ ที่เห็นเป็นปกติทั่วไป ก็อาจจะก่อเรื่องขึ้นได้ เพราะ “สภาพแวดล้อมทางสังคมนับวันจะเปลี่ยนแปลงไปในทางลบต่อสุขภาพจิต” อย่างมาก ๆ ด้วยสภาพแวดล้อมทางสังคมที่นับวันจะเปลี่ยนแปลงไปในทางลบต่อสุขภาพจิตนี้ ผลอย่างเบาะ ๆ คือทำให้ ’เครียด“ ซึ่งยังไม่ต้องพูดถึงผลระดับ โรคซึมเศร้า โรคไบโพลาร์หรือโรคอารมณ์สองขั้ว โรคจิตเภท แค่เครียดนี่ก็อาจบานปลายกลายเป็น ’คลั่ง“ จนก่อเรื่องร้าย ๆ ที่น่าเสียใจ น่าสลดใจ กับตนเองหรือผู้อื่นได้ และว่ากันถึง “ความเครียด” จากข้อมูลในเว็บไซต์ www.manarom.com ของทางโรงพยาบาลมนารมย์ ระบุไว้บางช่วงบางตอนว่า... ความเครียดมี ๒ ชนิดคือ ความเครียดที่เกิดจากความสุข (Eustress) นี่เป็นแรงผลักดันให้เอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ได้ แต่ ที่น่าเป็นห่วงก็คือ ความเครียดที่เกิดขึ้นเนื่องจากความทุกข์ (Distress) ซึ่งเป็นความเครียดที่บั่นทอนความสามารถในการรับมือกับปัญหา และสามารถเป็นสาเหตุให้เกิดโรคได้

เมื่อคนเราเครียด ก็อาจเกิดความผิดปกติทางร่างกาย ได้แก่ ปวดศีรษะไมเกรน ท้องเสียหรือท้องผูก นอนไม่หลับหรือง่วงเหงาหาวนอนตลอดเวลา ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เบื่ออาหารหรือกินมากกว่าปกติ รู้สึกมีก้อนจุกอยู่ที่คอ ท้องอืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อย แพ้อากาศง่าย เป็นหวัดบ่อย ๆ ประจำเดือนมาไม่ปกติ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ มือเท้าเย็น เหงื่อออกตามมือตามเท้า ใจสั่น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ผิวหนังเป็นผื่นคัน ขณะเดียวกันก็อาจ ทำให้เกิดความผิดปกติด้านจิตใจ ได้แก่ วิตกกังวล คิดมาก คิดฟุ้งซ่าน หลงลืมง่าย ไม่มีสมาธิ เบื่อหน่าย ซึมเศร้า เหงา ว้าเหว่ หมดความรู้สึกสนุกสนาน สิ้นหวัง ซึ่งก็จะกระทบต่อการดำรงชีวิต

แต่ไม่เท่านั้น!! ความเครียดยังอาจจะ ทำให้เกิดความผิดปกติทางพฤติกรรม เช่น เก็บตัว เงียบขรึม จู้จี้ขี้บ่น สูบบุหรี่มากขึ้น ดื่มสุรามากขึ้น ใช้สารเสพติด มีเรื่องขัดแย้งกับผู้อื่นบ่อย ๆ ชวนทะเลาะ แค่เครียดก็ ’อาจทำให้มีคนเจ็บ-ตาย“ ได้!! ทั้งนี้ จริง ๆ แล้วทาง นพ.ไกรสิทธิ์ ได้ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง “สุขภาพจิต” ผ่าน “สกู๊ปหน้า ๑ เดลินิวส์” ไว้หลายประเด็น อย่างไรก็ตาม โดยสรุปแล้วทางกรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลมนารมย์ เน้นว่า... สุขภาพกายกับสุขภาพจิตนั้นมีผลต่อกัน สุขภาพจิตก็สำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย ซึ่งร่างกายยังต้องการการอาบน้ำชำระล้างเพื่อให้สุขภาพดี กับจิตใจก็เช่นกัน ก็จำเป็นต้องมีการดูแลสุขภาพจิต ที่เปรียบเสมือนการ ’อาบน้ำใจ“ ถ้าหนักหน่อยก็คงต้อง ’พึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ“ หรือโดยทั่ว ๆ ไป ’ใช้ธรรมะอาบน้ำใจ“ ก็ได้ ’อาบน้ำใจ“ ยุคนี้ต้องทำ-ทำประจำจะยิ่งดี!!!. ....(เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ๑๓ ก.พ.๕๖)

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ๑๓ ก.พ.๕๖
วันที่โพสต์: 13/02/2556 เวลา 03:28:14 ดูภาพสไลด์โชว์ สำคัญไม่แพ้ร่างกาย"อาบน้ำใจ"ยุคนี้คนไทย"ต้องทำ"