“ครูวัฒน์” จากเด็กยากจน มุมานะจนจบปริญญา มุ่งมั่นพัฒนาชุมชน ช่วยเด็กยากไร้ได้เรียน บรรเทาทุกข์ผู้ป่วย-พิการ-เร่ร่อน

“ครูวัฒน์” จากเด็กยากจน มุมานะจนจบปริญญา มุ่งมั่นพัฒนาชุมชน ช่วยเด็กยากไร้ได้เรียน บรรเทาทุกข์ผู้ป่วย-พิการ-เร่ร่อน

รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปที่ย่านทุ่งครุ ของกรุงเทพฯ เพื่อรู้จัก “ครูวัฒน์” ครูที่แม้เกิดมาพร้อมกับความยากจน แต่โชคดีได้มีโอกาสบวชและเรียนจนจบปริญญา และได้ค้นพบสิ่งที่ตนเองรัก นั่นคือ การทำงานเพื่อเด็กยากไร้และกลุ่มเปราะบางให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“เราเป็นเด็กบ้านนอก ผมเกิดที่ จ.นครพนม เกิดในครอบครัวยากจน พ่อแม่ทำไร่ทำนา พอจบ ป.6 ปุ๊บ แม่ก็ไม่มีเงินส่งให้เรียนต่อ ตอนนั้นคิดว่าถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่าง เราก็คงจะเป็นชาวไร่ชาวนา”

ครูวัฒน์ (หรรษวรรธน์ บัวพรม) นักพัฒนาสังคม ศูนย์สร้างโอกาสเด็กทุ่งครุ กรุงเทพฯ ย้อนชีวิตวัยเด็กที่เติบโตมากับความยากจน ทำให้ครูเกือบต้องหยุดการศึกษาไว้แค่ ป.6 โชคดีได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อที่วัด หาไม่แล้ว ชีวิตครูอาจมาไม่ถึงจุดนี้

“เผอิญโชคดีว่ามีหลวงพ่อท่านอาจจะเห็นอะไรไม่ทราบ ท่านเลยชวนมาบวช เราเลยได้มาบวชกับท่าน (ถาม-ตอนนั้นอายุเท่าไหร่เริ่มบวช?) 13 ปี คือจบ ป.6 พอบวชก็อยู่กับท่าน อยู่ได้ 3 ปี เราก็เรียนนักธรรมไปจนจบนักธรรมตรี โท เอก ก็จบ 3 ปี ท่านเสียชีวิต เราก็เคว้งแล้ว ไม่รู้จะยังไง จะสึกหรือจะไปยังไง”

แม้จะรู้สึกเคว้งคว้างหลังหลวงพ่อมรณภาพ แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีที่ได้รับความเมตตาจากพี่สาวของหลวงพ่อ ทำให้ครูวัฒน์ยังมีหนทางให้เดินต่อ

“ครูวัฒน์” จากเด็กยากจน มุมานะจนจบปริญญา มุ่งมั่นพัฒนาชุมชน ช่วยเด็กยากไร้ได้เรียน บรรเทาทุกข์ผู้ป่วย-พิการ-เร่ร่อน

“พอดีว่า ญาติ พี่สาวของหลวงพ่อ คืออยู่อุดรฯ พี่สาวเลยถามว่า เณรอยากจะสึกไหม หรือไปเรียนต่อที่อุดรฯ ผมเลยบอกว่า ไป ตั้งแต่นั้นพี่สาวท่านก็เลยพาสามเณรมาอยู่ที่อุดรฯ ที่วัดมัชฌิมาวาส มาเรียนปีหนึ่ง และมีเพื่อนๆ ที่อยู่วัดนั้นมาอยู่วัดนิมมานรดี แถวบางแค ก็ชวนมาอีก ก็เลยได้มาอยู่วัดนิมมานรดี ก็เรียนหนังสือ เรียนบาลี อยู่วัดนิมฯ สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ก็ออกจากวัดนิมฯ ไปอยู่วัดมหรรณพาราม แถวเสาชิงช้า ก็อยู่ยาวจนลาสิกขา ตอนนั้นได้เรียนถึงเปรียญธรรม 5 ประโยค และจบปริญญาตรีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ก็สึกออกมา (ถาม-เบ็ดเสร็จใช้ชีวิตในการเป็นนักบวชกี่ปี?) ตั้งแต่อายุ 13 ถึง 24 ปี”

หลังออกจากเพศบรรพชิตพร้อมวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี ครูวัฒน์เริ่มหางานทำ ซึ่งแม้จะผ่านงานมาหลากหลาย แต่ก็ยังไม่ใช่งานที่ครูรัก

“ไปทำงานที่แรกคือ ร้านหนังสือบุ๊คสไมล์ แถวๆ ราชภัฎจันทรเกษม ไปสมัครและไปทำ แต่ทำได้ไม่นาน เพราะมันไม่ใช่ทางเรา เพราะไม่ชอบ พอดีญาติเขามีคนที่บ้านไปทำงานที่เกาะเต่า เป็นรีสอร์ท เขาก็ลองถามว่า อยากไปทำงานไหม เราก็ลองดู ทำอยู่ปีหนึ่ง ก็กลับขึ้นมา ก็มาทำงานที่โรงแรมมณเฑียร พระราม 3 ก็ทำอยู่ 5 ปี (ถาม-ทำตำแหน่งอะไร?) ตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟ และรูมเซอร์วิส (ถาม-แต่ตอนนั้นมีวุฒิปริญญาตรี ทำไมไปทำพนักงานเสิร์ฟ?) ตอนเรียนมหามกุฏราชวิทยาลัย จบมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ อยากเป็นไกด์ ตอนที่เรียนอยากเป็นไกด์ (ถาม-แล้วมีโอกาสได้ไปสู่เส้นทางที่ตั้งใจไหม?) ไม่ได้ไป”

“ครูวัฒน์” จากเด็กยากจน มุมานะจนจบปริญญา มุ่งมั่นพัฒนาชุมชน ช่วยเด็กยากไร้ได้เรียน บรรเทาทุกข์ผู้ป่วย-พิการ-เร่ร่อน

แม้ไม่มีโอกาสได้เป็นไกด์ดังที่เคยตั้งใจ แต่ในที่สุด โชคชะตาก็พาให้ครูวัฒน์ ได้มาทำงานที่ครูรักอย่างแท้จริง“พอดีมีเพื่อนที่จบสถาบันเดียวกัน แต่ท่านเป็นรุ่นพี่ ตอนนี้ท่านเสียชีวิตไปแล้ว คือเป็นครูเหมือนกันนี่แหละ ท่านก็เลยชวนว่า ลองมาทำศูนย์สร้างโอกาสเด็กไหม เป็นอย่างนี้นะ อยู่กับเด็ก ก็มา ศูนย์แรกที่ไปทำคือ ศูนย์สร้างโอกาสเด็กสะพานพระปกเกล้า อยู่แถวคลองสาน ตอนนั้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ก็จะเป็นศูนย์ที่มีคนเร่ร่อนเยอะ คนไร้บ้านเยอะ”

“(ถาม-แสดงว่าสนใจงานจิตอาสาหรืองานสาธารณะตั้งแต่ตอนนั้น?) ใช่ครับ มาทำแล้วรู้สึกว่า เอ๊ะ มันเหมือนถูกจริตเรา คือได้เห็นเด็กที่มอมแมมเดินเข้ามา แล้วถาม ครูมีข้าวอะไรให้กินไหม โอเค ไปดูมาม่า ปลากระป๋อง ในศูนย์เราจะมีข้าวสาร มาม่า ปลากระป๋อง เด็ก กลางคืนเขาจะไปทำงาน พอเช้ามา เขาก็จะมาที่ศูนย์เรา มาอาบน้ำ มาทำอาหาร มาทานข้าว เขากินเสร็จ เขาก็นอน คือศูนย์เราเปิดเวลาราชการ 8 โมงครึ่งถึงบ่าย 4 โมง เด็กก็ทานข้าวเสร็จ ตอนเย็น ปิดศูนย์ เขาก็ไปทำมาหากินของเขา อย่างน้อยๆ ผมมองว่า เขายังเห็นศูนย์ฯ ว่า ไปกินข้าวกับศูนย์ครูได้ โดยที่ไม่ต้องไปลักเล็กขโมยน้อย ซึ่งชีวิตจะดำดิ่งลงไปใช่ไหม อย่างน้อยๆ เขาพอมีที่พึ่งว่า ท้องฉันหิวนะ ฉันเข้าไปที่ศูนย์ฯ ครูมีข้าวให้กิน”

ครูวัฒน์เป็นนักพัฒนาสังคมอยู่ที่ศูนย์สร้างโอกาสเด็กสะพานพระปกเกล้าหลายปี ก่อนย้ายมาอยู่ที่ศูนย์สร้างโอกาสเด็กทุ่งครุหลายปีแล้วเช่นกัน “เราจะดูแลเด็กกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง กลุ่มภาวะยากลำบากหรือเด็กไร้บ้านอยู่กับครอบครัวที่พาออกมาอยู่นอกชุมชน”

“ครูวัฒน์” จากเด็กยากจน มุมานะจนจบปริญญา มุ่งมั่นพัฒนาชุมชน ช่วยเด็กยากไร้ได้เรียน บรรเทาทุกข์ผู้ป่วย-พิการ-เร่ร่อน

“(ถาม-ครูต้องนำสิ่งของไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ชาวบ้าน ของส่วนใหญ่เราเอามาจากไหน?) มาจากภาคีเครือข่าย หลักๆ คือจากครูเชาว์ (เชาวลิต สาดสมัย ครูประจำศูนย์สร้างโอกาสเด็กพระราม 8) ซึ่งท่านเป็นคนที่มีเครือข่ายเยอะบริจาคมา ครูเชาว์ก็จะส่งต่อมาที่ศูนย์ฯ ทุ่งครุ ศูนย์ฯ ทุ่งครุก็กระจายออกไปในชุมชน”

“ตอนนี้ที่ดูแลอยู่ประมาณ 7 ชุมชน เป็นชุมชนหลังวัดทุ่งครุ ชุมชนอาคารแฟลต ชุมชนหลัง สน.ทุ่งครุ ชุมชนวัดด่านฯ ใต้ทางด่วน เลียบทางด่วน และชุมชนคลองเก้าห้อง (ถาม-ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพอะไร?) ส่วนใหญ่หาเช้ากินค่ำ อาชีพรับจ้างทั่วไป โรงงาน (ถาม-เวลาครูลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านไปอย่างไร?) ถ้าของเยอะ ก็ใส่รถยนต์ไป ถ้าไม่เยอะก็ไปมอเตอร์ไซค์ ถ้าไม่ไกลมาก บางทีก็เดิน ปกติจะไปกัน 2 คนกับครูป้อม (ประสิทธิ์ พลมั่น เพื่อนร่วมงาน)”

นอกจากหาทุนการศึกษาให้เด็กยากไร้ในชุมชน รวมถึงเด็กเร่ร่อนได้เรียนและทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองแล้ว ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงก็เป็นอีกกลุ่มที่ครูวัฒน์ห่วงใยและให้ความสำคัญเช่นกัน ซึ่งครูไม่เพียงนำสิ่งของจำเป็นไปช่วยผู้ป่วย แต่บางครั้งยังมีการสร้างบ้านหรือสร้างห้องน้ำให้ครอบครัวที่บ้านทรุดบ้านพังหรือไม่มีห้องน้ำใช้อีกด้วย โดยร่วมกับภาคีเครือข่ายหรือผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมช่วยเหลือ

เปิดใจผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่มีต่อครูวัฒน์!

พยูร สีใส ประธานชุมชนวัดด่านประชาอุทิศ 101 :“ขอบคุณครูจริงๆ มีสิ่งของก็เอามาให้เราตลอด ขอทุนการศึกษาให้เด็กหรือผู้ยากไร้ เขาจะเดินเรื่องตลอด เขาไม่เห็นจะเหน็ดจะเหนื่อย บางทีชาวบ้านยังไม่ทันหาเอกสาร ยังไม่ครบ เขาก็ตามจนได้ เขามานั่งรอชาวบ้านนะ เขาช่วยเหลือชาวบ้านจริงๆ ขอบคุณครูวัฒน์ครูป้อมอย่างสูง”

วงเดือน คำพิมูล ลูกบ้านชุมชนวัดด่านประชาอุทิศ 101 : “ครูวัฒน์ช่วยมาหลายปีแล้ว เราขอแพมเพิสก็โอเค เรื่องของใช้ ขอให้บอก เขาช่วยเหลือตลอด ก็ขอให้ครูอยู่กับเราแบบนี้ไปนานๆ เขาดีมากๆ เรารักเขา”

จำรัส เหมือนโพธิ์ทอง ประธานชุมชนหมู่ 5 ทุ่งครุ :“ครูวัฒน์มีทุนมาให้เด็กๆ และผู้ด้อยโอกาสเยอะมาก บางครั้งมีแบบอยู่ในคลอง แกก็นั่งเรือไปกับเขา เพื่อหาทุนให้เด็กๆ ก็ขอให้ครูวัฒน์ทำงานช่วยเหลือเด็กๆ ต่อไป ทำดีแล้วค่ะครูวัฒน์”

โยษิตา บางใหญ่ :“ขอบคุณครูวัฒน์มากๆ ที่ช่วยสนับสนุนครอบครัวหนูและน้องๆ ให้ได้รับการศึกษา ครูช่วยไว้เยอะมากเลย ตอนนี้หนูเรียนจบแล้ว และได้งานทำแล้ว ดีใจมาก (ถาม-ถ้าวันนั้นไม่ได้เรียน คิดว่าจะมีโอกาสแบบนี้ไหม?) น่าจะหางานยากขึ้น”

สมพร เมฆกัลจาย จิตอาสาชุมชนวัดด่านประชาอุทิศ 101 :"ขอบคุณครูวัฒน์ที่มีน้ำใจไมตรีที่ดี ชุมชนนี้ไม่เคยมีใครเข้ามาเลย การเข้ามาของครูวัฒน์ เข้ามาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทำให้รู้สึกอบอุ่น อุ่นใจขึ้นมาบ้างว่า เวลาที่เราไม่รู้จะพึ่งใคร เรายังมีครูวัฒน์นะ พอจะติดต่อกันได้ ขอความช่วยเหลือได้ และครูก็ยินดีที่จะช่วยเหลือ"

15 ปีแล้ว ที่ครูวัฒน์ทุ่มเทอุทิศตนทำงานเพื่อเด็กยากไร้ และกลุ่มเปราะบางในชุมชน ไม่เว้นแม้แต่เด็กเร่ร่อนและผู้ใหญ่ไร้บ้านนอนใต้สะพาน ไม่ว่าสิ่งที่ทำหรือปัญหาที่เจอ จะยากลำบากแค่ไหน ครูวัฒน์ไม่เคยท้อหรือถอดใจ สู้ทำทุกทางเพื่อช่วยเหลือทุกคน ให้หลุดพ้นจากความเสี่ยงที่ชีวิตจะดำดิ่ง ให้กลับมามีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่สร้างภาระหรือก่อปัญหาให้กับสังคม แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้สำเร็จทุกคนทุกครั้ง แต่ครูพร้อมทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อเป็นที่พึ่งให้กับทุกคนต่อไป

หากท่านใดต้องการสนับสนุนข้าวสารอาหารแห้งหรือของใช้จำเป็นสำหรับผู้ป่วยผู้พิการ เพื่อให้ครูวัฒน์และครูป้อมนำไปช่วยเหลือเด็กๆ และผู้ป่วยผู้ยากไร้ ติดต่อได้ที่ศูนย์สร้างโอกาสเด็กทุ่งครุ กรุงเทพฯ หรือเพจเฟซบุ๊ก “ศูนย์สร้างโอกาสเด็กทุ่งครุ

ขอบคุณ... https://mgronline.com/news1/detail/9680000091937#google_vignette

ที่มา: mgronline.com/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 26 ก.ย. 68
วันที่โพสต์: 26/09/2568 เวลา 15:15:49 ดูภาพสไลด์โชว์ “ครูวัฒน์” จากเด็กยากจน มุมานะจนจบปริญญา มุ่งมั่นพัฒนาชุมชน ช่วยเด็กยากไร้ได้เรียน บรรเทาทุกข์ผู้ป่วย-พิการ-เร่ร่อน