บอร์ด สปสช. ปรับหลักเกณฑ์ขึ้นทะเบียน "ศูนย์บริการคนพิการ"
บอร์ด สปสช. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการฯ ปรับหลักเกณฑ์พิจารณาขึ้นทะเบียน "ศูนย์บริการคนพิการ" เป็น "หน่วยบริการ ม. 3 แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ"
จากการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที่ 6/2568 ที่มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. เป็นประธานการประชุม มีมติเห็นชอบ "ร่างประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง กำหนดสถานบริการสาธารณสุขอื่นตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรณีศูนย์บริการคนพิการ พ.ศ. ...." พร้อมมอบหมายให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เสนอร่างประกาศฯ ต่อประธานบอร์ด สปสช. เพื่อพิจารณาลงนามต่อไป
ทั้งนี้ ร่างประกาศฯ ฉบับนี้มีสาระสำคัญในการกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาให้ "ศูนย์บริการคนพิการ" เป็น "สถานบริการสาธารณสุขอื่น" ตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 สอดคล้องตามแนวปฏิบัติในการพิจารณากำหนดสถานบริการสาธารณสุขอื่น ตามที่บอร์ด สปสช. มีมติเห็นชอบในการประชุมครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2563
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฯ กำหนดให้บอร์ด สปสช. สามารถกำหนดสถานบริการสาธารณสุขอื่นเพิ่มเติมได้ โดยมติของที่ประชุมบอร์ด สปสช. ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2563 เห็นชอบแนวปฏิบัติในการพิจารณากำหนดสถานบริการสาธารณสุขอื่นไว้ 3 หลักการ คือ เป็นองค์กรหรือหน่วยงานภาคเอกชนที่มีการดำเนินงานการให้บริการสาธารณสุขตามมาตรา 3 และไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของพระราชบัญญัติสถานพยาบาลฯ
เป็นองค์กรหรือหน่วยงานภาคเอกชนที่มีผลการดำเนินงานในด้านสาธารณสุขไม่น้อยกว่า 1 ปี และได้รับการรับรองจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง หรือองค์กรเอกชนที่เป็นนิติบุคคลที่ สปสช. รับรอง และมีบุคลากรที่มีประสบการณ์และได้รับรองสมรรถนะจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง หรือองค์กรเอกชนที่เป็นนิติบุคคลที่ สปสช. รับรอง
"ในกรณีของศูนย์บริการคนพิการ บอร์ด สปสช. ได้เคยมีมติเมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2562 โดยเห็นชอบให้เป็นสถานบริการสาธารณสุขอื่นตามมาตรา 3 แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนหน้าที่จะมีการออกแนวปฏิบัติใน 3 หลักการดังกล่าว ส่งผลให้การกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาของศูนย์บริการคนพิการมีความไม่สอดคล้องกับสถานบริการสาธารณสุขอื่น ๆ ตามมาตรา 3
ดังนั้น ที่ประชุมบอร์ด สปสช. จึงเห็นชอบต่อร่างประกาศฯ นี้ เพื่อปรับให้ศูนย์บริการคนพิการมีความสอดคล้องกับสถานบริการสาธารณสุขอื่นตามมาตรา 3 โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกันทั้งหมด" เลขาธิการ สปสช. กล่าว
สำหรับสถานบริการสาธารณสุขอื่นตามมาตรา 3 ที่ได้มีประกาศรองรับ ณ ปัจจุบัน นอกจากศูนย์บริการคนพิการแล้ว ได้แก่ ร้านขายยา (ขย.1) องค์กรภาคสังคมด้านเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สำนักงานสาธารณสุข ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์ สถานชีวาภิบาล และองค์กรหรือหน่วยงานที่ให้บริการปรึกษาเรื่องตั้งครรภ์ไม่พร้อม เป็นต้น
ทั้งนี้ ร่างประกาศฯ ฉบับดังกล่าว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ศูนย์บริการคนพิการทั่วไป หรือศูนย์บริการคนพิการอื่นที่มีลักษณะดังต่อไปนี้
1. เป็นองค์กรหรือหน่วยงานภาคเอกชนที่มีการดำเนินงานการให้บริการสาธารณสุข ตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 และไม่ได้อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล
2. เป็นองค์กรหรือหน่วยงานภาคเอกชนที่มีผลการดำเนินงานในด้านสาธารณสุขไม่น้อยกว่าหนึ่งปี โดยได้รับการรับรองผลการดำเนินงานและผ่านการประเมินการให้บริการว่าเป็นไปตามมาตรฐานจากกรมส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง หรือองค์กรเอกชนที่เป็นนิติบุคคลที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรับรอง
3. มีบุคลากรที่มีประสบการณ์และได้รับรองสมรรถนะ หรือมีบุคลากรที่ผ่านการอบรมหลักสูตรที่สอดคล้องกับบริการหรือกิจกรรมที่จะจัดบริการ เป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง หรือองค์กรเอกชนที่เป็นนิติบุคคลที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรับรอง
ขอบคุณ... https://www.thansettakij.com/health-wellness/health/629619