ยายขายดอกมะลิ ทั้งชีวิตเก็บเงินเลี้ยงลูกพิการ ถูกแก๊งคอลหลอกหมดบัญชี สิ้นหวังเกือบคิดสั้น
ชัยภูมิ – สูญเงินเก็บมาทั้งชีวิตไว้ดูแลลูกสาวป่วยพิการมาแต่เกิดกว่านับแสนบาท หวิดตัดสินใจคิดจะฆ่าตัวตาย แต่กลัวลูกสาวที่ป่วยพิการไม่มีใครจะมาช่วยดูแลได้ วอน จนท.ช่วยเร่งติดตามคดีจับกุมตัวกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายนี้นำเงินมาคืน-ดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ จ.ชัยภูมิ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งให้ช่วยประสานงานติดตามคีของครอบครัวคุณยายวัย 76 ปี สุดรันทดที่ถูกแก๊งคอลเซ้นเตอร์หลอกจนหมดตัวรายนี้ ชื่อ นางวิภา อายุ 76 ปี เป็นชาวบ้านชุมชนคลองเลียง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ซึ่งมีอาชีพปลูกต้นดอกมะลิขายหาเลี้ยงชีพ พร้อมต้องเลี้ยงดูลูกสาวอีกคน ที่พิการทางสมอง หลังได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.ชัยพร พรหมเสนา สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ หลังจากเมื่อช่วงวันที่ 30-31 ต.ค.67 ที่ผ่านมา ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ซึ่งมีทั้งเป็นหญิงและชายรวม 3 คน อ้างตัวเป็นตำรวจระดับ ผกก.ปราบปรามยาเสพติด ใน จ.นครราชสีมา พร้อมโทรมาแจ้งว่าตนได้รับพัสดุของกลุ่มค้ายาเสพติด
จากนั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มนี้ได้หลอกให้ คุณยายวิภา อายุ 76 ปี ให้รีบไปถอนเงินในบัญชีแล้วโอนเงินส่งมาให้กับแก๊งคอเซ็นเตอร์ที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจดังกล่าว ซึ่งเงินในบัญชีของคุณยายวิภา อายุ 76 ปี มีเงินเก็บสะสมมาทั้งชีวิต ที่ได้จากการเก็บดอกมะลิขาย เงินช่วยเหลือผู้สูงอายุ, เงินช่วยเหลือผู้พิการของลูกสาว และล่าสุดได้เงินช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง 10,000 บาทจากรัฐบาล ที่ฝากสะสมไว้ในบัญชีธนาคาร เพื่อใช้เลี้ยงดูลูกสาวพิการ ซึ่งแก๊งคอเซ็นเตอร์ ได้หลอกให้คุณยายวิภา นำบัญชีเงินฝากธนาคารไปโอนเงิน โดยให้เจ้าหน้าที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ในตัวเมืองชัยภูมิ ช่วยโอนเงินให้ ครั้งแรก 30,000 บาท และโอนให้อีกรวมทั้งหมด 4 ครั้ง จนเงินหมดบัญชี รวมยอดเงินทั้งหมดที่โอนไป 105,000 บาท
และแก๊งคอเซ็นเตอร์ ยังหลอกให้ยายวิภา ไปขายที่ดินที่มีที่จะต้องถูกตรวจสอบว่าเป็นเงินมาจาการค้ายาเสพติดให้หมดเพื่อตรวจสอบแล้วโอนมาให้อีก แต่ทางยายวิภา ก็ขอเวลายังไม่ทำตาม จนคนร้ายไม่พอใจ ได้ดุด่ายายวิภาต่าง ๆ นาๆ จนยายวิภา ก็คิดว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกแล้วแน่นอน ถึงกับไม่เป็นอันกินอันนอน ถึงกับคิดจะฆ่าตัวตาย แต่พอยังคิดได้ต้องเลี้ยงดูลูกสาวที่พิการอยู่ จึงได้ไปเล่าให้กับ อสม.ประจำชุมชนฟัง ว่าน่าจะถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้โอนเงินสูญไปกว่า 105,000 บาทแล้ว ก่อนเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยภูมิ เพื่อให้ช่วยเร่งติดตามจับกุมตัวกลุ่มที่อ้างเป็นตำรวจเป็น “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” มาดำเนินคดี และช่วยติดตามนำเงินเก็บสะสมไว้ทั้งชีวิต และต้องเก็บไว้ใช้เลี้ยงดูลูกสาวที่พิการทางสมอง ที่ถูกแก๊งคอเซ็นเตอร์ หลอกเอาไปมาคืนให้โดยเร็วในครั้งนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าว ได้ลงพื้นที่ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ไปพบกับ นางวิภา อายุ 76 ปี ที่กำลังดูแลลูกสาวที่พิการตามลำพัง 2 คน พร้อมเพื่อนบ้าน อสม.ประจำชุมชน มาดูแลคอยปลอบให้กำลังในคุณยายวิภา วัย 76 ปี ให้คลายความกังวนจากที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้โอนเงินสูญเงินก้อนสุดท้ายที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิตไปกว่า 105,000 บาท และมีลูกสาวผู้พิการทางสมองต้องดูแล เพื่อไม่คิดจะฆ่าตัวตายอีก
ด้าน คุณยายวิภา อายุ 76 ปี บอกว่า ตนเองได้อาศัยและต้องดูแลลูกสาวผู้พิการทางสมองมาแต่กำเนิดนานหลายสิบปีแล้ว ปัจจุบันอายุ 52 ปี ลูกชายอีกคน ไปทำงานอยู่กรุงเทพฯ ส่วนสามีได้เสียชีวิตไปหลายปี ทุกวันตอนเช้าต้องเก็บดอกมะลิข้างบ้านที่ปลูกไว้ข้างบ้านไปขายหารายได้มาใช้ในชีวิตประจำวัน บางส่วนได้เก็บออมไว้ในบัญชีธนาคาร รวมกับเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุ เงินผู้พิการ และล่าสุดเงินกลุ่มเปราะบางจำนวน 10,000 บาท จากรัฐบาล จนมีเงินในธนาคารสะสมในปัจจุบันรวมกว่า 105,000 บาท
ก่อนที่เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา มีผู้ชายโทรศัพท์มาหาอ้างเป็นผู้กำกับปราบปรามยาเสพที่ จ.นครราชสีมา บอกเจ้าของโทรศัพท์หมายเลขนี้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพ จะต้องถูกจับกุมในคดีเกี่ยวกับยาเสพติด หากไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือไม่อยากถูกจับกุมต้องโอนเงินในบัญชีมาให้ตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบแล้วหากไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทางเจ้าหน้าที่ก็จะโอนเงินคืนมาให้ คุณยายวิภา วัย76 ปี จนเกิดความกลัว และหลงเชื่อจึงโอนเงินไปทั้งหมด 4 ครั้ง รวมเงินกว่า 105,000 บาท ซึ่งเมื่อมารู้ที่หลังเมื่อโอนเงินไปหมดแล้ว ว่ามาถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก และพยายามโทรกลับไปก็ไม่สามารถติดต่อไม่ได้เลย ซึ่งครั้งนี้รู้สึกเสียใจมาก แทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่ก็ยังห่วงลูกสาวที่ป่ายพิการจะไม่ดูแล จึงไปปรึกษาให้เพื่อนบ้าน อสม.ช่วย
ขณะที่ นางหนูเอื้อ อายุ 68 ปี อสม.ประจำชุมชน บอกว่า ขณะได้เดินตามชุมชนมาก็เห็นยายโทรศัพท์อยู่จึงได้สอบถาม และได้เตือนและห้ามไม่ให้โทร ไม่ให้โอนเงิน แต่ยายไม่ยอมฟังก่อนที่จะมาถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกในครั้งนี้จนได้ จึงบอกให้รีบไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยภูมิ ช่วย
ด้าน พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เปรมกมล ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ กล่าวว่า ความคืบหน้าของคดีคุณยายวิภา วัย 76 ปี หลังรับแจ้งความแล้ว ได้ส่งเรื่องให้ธนาคารเจ้าของบัญชีธนาคารให้อาญัติบัญชีธนาคารไว้ตรวจสอบแล้ว พร้อมได้ออกหมายเรียกเจ้าของบัญชีม้าที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้มาพบพนักงานงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ แล้วหาก 2 ครั้งไม่มาพบพนักงานสอบสวน จะออกหมายจับต่อไป
จึงอยากฝากเตือนเน้นย้ำไปถึงประชาชน ว่ากรณีที่เกิดขึ้นแบบนี้อย่าไปลงเชื่อคนที่โทรมาว่าเป็นเจ้าเหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ทางราชการในลักษณะแบบนี้เด็ดขาด ซึ่งจะไม่มีการโทรฯไปตรวจสอบใครให้โอนเงินในลีกษณะแบบนี้เด็ดขาด หากใครโทรมาที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่แบบนี้อย่าหลงเชื่อและให้มั่นใจได้เลยว่า เป็นพวกมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์แน่นอน