ไม่เป็นความจริง!! ฝ่ายปกครอง-ตำรวจชี้แจงข่าวจับหนุ่มขโมยบัตรแม่คนพิการ
ไม่เป็นความจริง!! ฝ่ายปกครอง-ตำรวจชี้แจงข่าวจับหนุ่มขโมยบัตรแม่คนพิการ เอาเงินหมื่นไปซื้อยามาค้าขายคึกคัก เงินยังอยู่ ผู้ต้องหาไม่ได้เอาเงินไปซื้อยาบ้ามาขาย
สระแก้ว – ฝ่ายปกครองอำเภอเขาฉกรรจ์ และตำรวจ สภ.เขาฉกรรจ์ ชี้แจงข่าวกรณีจับหนุ่มขโมยบัตรแม่คนพิการ เอาเงินหมื่นไปซื้อยาบ้ามาค้าขายคึกคัก ซึ่งเงินยังอยู่ ผู้ต้องหาไม่ได้เอาเงินหมื่นคนพิการไปซื้อยาบ้ามาขาย เจ้าตัวพูดเอง
เมื่อวันที่ 3 ต.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีมีการเสนอข่าว ขบวนการค้ายาคึกคัก รับเงินหมื่น หนุ่มขโมยบัตรแม่พิการไปกดเงิน 10,000 บาท ที่กลุ่มเปราะบางผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ จำนวน 14.5 ล้านคน ได้รับเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ไปซื้อยาบ้ามาขายหวังต่อยอด ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองสามารถจับกุม นายปกรณ์ หรือ เต้ย อายุ 29 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ต.พระเพลิง อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว ขณะนำยาบ้ามาส่งให้ลูกค้า ซึ่งข่าวดังกล่าวรายงานว่า หลังถูกจับกุม นายปกรณ์ บอกว่า แม่ซึ่งเป็นผู้พิการ ได้รับเงินจากโครงการเงินดิจิตอลวอลเล็ตของรัฐบาล 1 หมื่นบาท ซึ่งตนได้แอบเอาบัตรเอทีเอ็มของแม่พิการไปกดเงิน เอาไปซื้อยาบ้า เพื่อจะเอามาต่อยอด โดยรับยาบ้ามาปล่อย 3 ตัว 100 ซึ่งรับว่า ก่อนหน้านี้แค่เสพ แต่พอได้เงินหมื่นมาจึงหวังต่อยอดธุรกิจ
ขณะเดียวกัน ข่าวดังกล่าวระบุว่า นายสมใจ พุทธเสนา นายอำเภอเขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอเขาฉกรรจ์ ฝ่ายปกครองตำรวจพระเพลิง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบการแพร่ระบาดของยาบ้าในพื้นที่ ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนมาถึงซอยเขาแม่แหล่ม หมู่ที่ 15 ต.พระเพลิง อ.เขาฉกรรจ์ พบว่า นายปกรณ์ อายุ 29 ปี นั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์ริมทาง จึงหยุดตรวจสอบ แต่นายปกรณ์ฯ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ได้พยายามวิ่งหนี แต่เจ้าหน้าที่ตามจับตัวได้ในเวลาต่อมา ซึ่งจากการค้นตัวพบยาบ้า 49 เม็ด ถูกใส่ไว้ในถุงพลาสติก โดยนายปกรณ์ฯ ได้เหยียบเอาไว้ที่เท้า พร้อบกับ รับสารภาพว่า เพิ่งขายยาบ้าได้ 3 ตัว 100 ยังไม่ทันได้เก็บเงิน แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน โดยก่อนหน้านี้แม่ของตนซึ่งเป็นผู้พิการ เพิ่งได้เงินหมื่นจากรัฐบาล จึงแอบเอาบัตรเอทีเอ็มของแม่มากดเงิน 10,000 ออกมาทั้งหมด เอาไปซื้อยาบ้า เพื่อจะเอามาต่อยอด ก่อนหน้านี้แค่เป็นผู้เสพ แต่ครั้งนี้ตัดสินใจขาย เพราะมองว่าสามารถสร้างรายได้เพิ่มนั้น
จากกรณีดังกล่าว นายสมชาย ท่าใหญ่ กำนันตำบลพระเพลิง เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาว่า กระทำความผิดฐาน “มียาเสพติดไว้ครอบครอง ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต” และ”เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” จากนั้นควบคุมตัวนายปกรณ์ฯ ไปยังที่ว่าการอำเภอเขาฉกรรจ์ เพื่อทำบันทึกจับกุมและสอบสวนขยายผล ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.เขาฉกรรจ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายสมชาย เปิดเผยอีกว่า การออกข่าวว่า ผู้ต้องหาขโมยเงินแม่พิการที่ได้รับจากรัฐบาล 10,000 บาท ไปซื้อยาบ้ามาขายนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเงินของคุณยายพิการยังอยู่ครับ ซึ่งคุณยายได้นำเงินไปซื้อสิ่งของจำเป็นเข้าบ้าน และยังมีเงินเหลืออยู่ ไม่ได้ถูกนำเอาไปซื้อยาบ้าแต่อย่างใด ขณะที่เงินที่นายปรกรณ์ฯ นำไปซื้อยาบ้ามาขายนั้น เป็นเงินของนายปกรณ์ฯ เอง ซึ่งใช้ไปแค่ 1,000 กว่าบาทเท่านั้น จึงต้องการชี้แจงให้สังคมได้ทราบดังกล่าว เพราะมีคลิปเสียงการพูดคุยและสอบถามผู้ต้องหาด้วยตัวเอง โดยเค้าพูดเองว่า เอาเงินของตัวเองมาซื้อ ตนยังถามว่า ทำไมไปทำอย่างนี้ ส่วนเงินของยายไม่ได้เอาไป
ส่วน พ.ต.อ.เข็มชาติ สุวะศรี ผกก.สภ.เขาฉกรรจ์ กล่าวเช่นกันว่า กรณีที่กลุ่มโซเชียลออกข่าวว่า ผู้ต้องหาขโมยบัตรแม่ที่ได้เงินหมื่นจากรัฐบาลไปกดเงินตระเวนชื้อยาบ้า ไม่เป็นความจริง พอได้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ สอบถามป้าผู้ต้องหา นางอยู่ เกื้อญาต อายุ 67 ปี บ้านเลขที่ 200 หมู่ 15 ต.พระเพลิง อ.เขาฉกรรจ์ ซึ่งเป็นพี่สาว น.ส.สมหวัง แทวกระโทก อายุ 57 ปี เลขที่บ้าน 180 หมู่ที่ 15 ต.พระเพลิง อ.เขาฉกรรจ์ เป็นแม่ผู้ต้องหา เนื่องจากน้องสาวสายตาไม่ดี จึงให้ตนที่เป็นพี่สาวดูแลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ เพื่อความปลอดภัย ซึ่งเงินหมื่นดังกล่าว ตนพึ่งไปกดมาเมื่อวานนี้ขณะนี้เงินหมื่นยังอยู่ที่ตนครบทุกจำนวน ที่มีข่าวว่าหลานชายที่เป็นผู้ต้องหาเอาเงินหมื่นที่รัฐจ่ายไปชื้อยาบ้าไม่เป็นความจริง