แม่ร่ำไห้ ลูกสาววัย15 ต้องเป็นคนพิการ ถูกชนแล้วหนี หลายเดือนยังจับไม่ได้
แม่พาลูกวัย 15 ปีร้องรองผู้การฯถูกกระบะชนแล้วหนี ร่ำไห้ ผ่านไป 5เดือน รู้ตัวคนขับแต่คดีไม่คืบ ลูกสาวต้องออกโรงเรียน
วันที่ 30 ส.ค. 66 นายภาณุมาศ จิตรวศินกุล หรือเฮียเปี๊ยก เจ้าของเพจ “เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย” ได้พานางพิกุล สอนดี อายุ 36 ปี ชาวอุดรธานี พร้อมลูกสาว อายุ 15 ปี เข้าพบกับ พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม กรณีอุบัติเหตุรถกระบะชนแล้วหนี ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ที่ซอยสุวรรณ ต.บ้านเลื่อม อ.เมืองแต่ผ่านมาเกือบ 5 เดือนกว่าแล้วคดีไม่คืบหน้า ลูกสาวต้องพิการ ส่วนคนขับยังลอยนวลไม่ได้รับผิดแต่อย่างใด
นางพิกุล กล่าวว่า ลูกสาวเกิดอุบัติเหตุรถกระบะชนโดยคู่กรณีได้หลบหนีไปไม่มาเหลียวแล หลังเกิดอุบัติเหตุก็พาลูกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอุดรธานีประมาณ 6 วัน โดยได้รับบาดเจ็บขาหัก และแขนหัก รักษาออกมาก็กลายเป็นคนพิการ กระดูกขาผิดรูปและขาสั้นยาวไม่เท่ากัน จนเวลานี้เวลาผ่านไปเกือบ 5 เดือนกว่าแล้ว คดีไม่มีความคืบหน้า
เมื่อมาติดตามคดีก็ได้รับคำตอบกับร้อยเวรเจ้าของคดีว่าจะติดตามให้ จนตำรวจเจ้าของคดีคนเก่าย้ายไปและมีตำรวจคนใหม่มารับคดีต่อ เท่าที่ทราบตำรวจได้มีการออกหมายเรียกไปแล้ว 2 รอบ แต่เจ้าของรถก็ไม่มา และได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับมาว่าเจ้าของรถคันเก่าได้ขายรถคันนี้ออกไปแล้วและไม่รู้ขายไปให้ใคร หากรู้ว่าขายให้ใครก็ให้เจ้าทุกข์ไปตามมา
ตลอดเวลาที่ผ่านมาตนได้รับความยากลำบาก ลูกก็ต้องออกจากการเรียนเพราะพิการ ตนต้องดูแลลูกสาวจนต้องออกจากงานเช่นกัน ทำให้สามีต้องทำงานคนเดียว ส่วนลูกชายซึ่งเพิ่งเรียนจบชั้นป.6 ก็ไม่สามารถเรียนต่อได้ เพราะต้องออกไปช่วยงานพ่อทำงานเพื่อหารายได้ เดือนไหนเงินไม่พอก็ต้องหยิบยืม บางวันแทบไม่มีเงินซื้อข้าวกิน และบางครั้งต้องอาศัยเพื่อนบ้านขอยืมเงิน เพื่อซื้อข้าวให้ลูกกิน
ล่าสุดไฟแนนซ์ก็ฟ้องร้องที่ไม่ส่งงวดรถ ตอนนี้อยากรู้ว่าคดีความทำไมไม่ไปถึงไหน อยากให้คดีเรื่องนี้มีความคืบหน้า จากวันนั้นจนถึงวันนี้ตนยังไม่เห็นคู่กรณีเลยพยานหลักฐานที่มอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจมีครบ และอยากจะถามว่าตอนนี้ใครจะออกมารับผิดชอบ หัวอกคนเป็นแม่พูดไปปาดน้ำตาไป
ด้าน พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ตอนนี้เพิ่งรับเรื่องทั้งนี้รับปากจะตามเรื่องคดีความให้ เบื้องต้นจะได้เรียกเจ้าของรถมาให้ปากคำก่อน โดยให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้เจรจาคุยกัน ซึ่งเจ้าของรถจะเป็นคนใช้รถวันนั้นหรือไม่พนักงานสอบสวนต้องเรียกมาคุย หากคุยกันไม่ได้ก็ให้ทางผู้เสียหายนำหลักฐานข้อมูลที่มีไปห้องพนักงานสอบสวนเพื่อเรียกค่าเสียหายต่อไป
ด้านพนักงานสอบสวน ให้ข้อมูลว่า หลังเกิดอุบัติเหตุได้มีสอบถามไปยังเจ้าของรถตามชื่อที่ครอบครองโดยได้ข้อมูลว่าเจ้าของรถไม่ใช่คนขับ แต่รถคันนี้ได้ให้พี่เขยใช้ โดยพี่เขยทำงานระบบเหมาวางระบบท่อน้ำประปาที่อ.ปากชม จ.เลยวันเกิดเหตุคนงานรายวันใช้รถคันนี้พอเกิดอุบัติเหตุคนงานรายวันรายนี้ก็ขับรถไปจอดไว้อีกแห่งและไม่มาทำงานอีกเลย เมื่อสอบถามหาชื่อที่อยู่คนงานรายวันก็ทราบแต่เพียงชื่อเล่นไม่รู้ที่อยู่ โดยพรุ่งนี้ (31 ส.ค.66) ตร.จะได้เชิญเจ้าของรถมาให้ปากคำอีกครั้งหนึ่ง
ขอบคุณ... https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7841708