กัญจนา ศิลปอาชา...กับวันสบายใต้ดวงตา “แม่” ของลูกที่ต้องนั่งรถเข็น
กัญจนา ศิลปอาชา หรือ “คุณนา” เราคุ้นเคยกับเธออย่างดีในฐานะนักการเมืองสาวบุคลิกหวาน แต่เฉียบขาดในที เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในปี ๒๕๔๒-๒๕๔๔ เป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุพรรณบุรี หลายสมัย เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในปัจจุบัน และตำแหน่งอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงเป็นประธานมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย
วันนี้เราพักเรื่องงาน เปลี่ยนมาพูดคุยเรื่องราวสบาย ๆ ที่หลายคนไม่เคยรู้เกี่ยวกับเธอ เช่น เรื่องลูก เรื่องท่องเที่ยว เรื่องสัตว์ จากสายตามุ่งมั่นจริงจังคู่เดิม กลับกลายเป็นความอ่อนโยนและดูอ่อนไหวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะช่วงที่บทสนทนาวนเวียนพาเธอเข้าใกล้นิยามของคำว่า “แม่”
ปกติคุณนาชอบท่องเที่ยวแนวไหน และชอบที่ใดเป็นพิเศษ - ส่วนมากนาจะเลือกไปเที่ยวที่ที่สามารถพาลูกไปด้วยได้ เนื่องจากน้องแคท ลูกของนาต้องนั่งรถเข็น ทำให้เดินทางลำบาก จึงเลือกไปสถานที่ท่องเที่ยวที่รถเข้าถึง และไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มาก เช่น ทะเลแถวชะอำ หัวหิน ทั้ง ๆ ที่ตัวนาเองไม่ชอบทะเล เพราะไม่ชอบแดด ร้อน รู้สึกเหนียว และว่ายน้ำไม่เก่ง แต่คิดว่าเป็นสถานที่ที่สะดวกที่สุดในการทำกิจกรรมกับลูก นาจะชอบพาลูกไปนั่งตรงชายหาดให้คลื่นตี เหมือนให้ธรรมชาติบำบัด
แต่จริง ๆ แล้วนาเป็นคนชอบกิจกรรม Soft Adventure มีกิจกรรมอยู่ ๒ อย่างที่อยากไปลองมาก แต่ยังไม่มีโอกาสเสียที คือ อยากไปเล่น Treetop Adventure โหนจากยอดไม้ต้นหนึ่งไปต้นหนึ่ง มี ทั้งที่เชียงใหม่ หรือใกล้ ๆ ที่สวนสัตว์เขาเขียว ชลบุรี และขับรถเอทีวี ทั้ง ๒ อย่างนี้คือเป้าหมายต่อไป นาคงต้องรีบหน่อย เพราะร่างกายเริ่มไม่เอื้อ มีปัญหาตรงสะโพกขวา
คุณนาดูแลน้องแคทมานานหรือยัง - นาดูแลน้องมาตั้งแต่ ๓ ขวบ ตอนนี้น้องอายุ ๑๘ ขวบ แล้ว วันแรกที่เจอน้อง คือวันที่น้องลงข่าวหน้า ๑ หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ เป็นเด็กเล็กที่ถูกทารุณอย่างรุนแรงที่สุด สภาพยับเยิน หนังกำพร้าหลุดทั้งแผ่นหลัง โดนมีดกรีด บุหรี่จี้ ใช้ดัมเบลทุบ หัวกระแทกพื้น ทั้งที่จริงน้องแคทเกิดมาเป็นเด็กปกติทุกประการ แต่โดนพ่อเลี้ยงกระทำตั้งแต่น้องอายุได้ ๒ ขวบครึ่ง จนถึง ๓ ขวบ
วันแรกที่เป็นข่าว นาชวนคุณแม่ไปดู แล้วพาลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลอยู่ ๒ เดือน จนถึงวันที่หมอบอกว่าอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว นาจึงคิดว่าจะเอาลูกไปไว้ที่ไหนดี เพราะยังไม่ได้บอกคุณพ่อ จึงตัดสินใจพาไปฝากแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ที่เสถียรธรรมสถาน เพราะแม่ชีมีบ้านสายสัมพันธ์ ที่ดูแลทั้งแม่และเด็กที่มีปัญหา แล้วจ้างยายน้องแคทมาเลี้ยงหลานตัวเอง ตั้งแต่วันที่น้องอยู่โรงพยาบาลจนมาที่เสถียรธรรมสถาน นาหิ้วปิ่นโตไปหาลูกทุกวัน อยู่กับเขาตั้งแต่เย็นถึงห้าทุ่ม ไม่ขาดแม้แต่วันเดียว ทำอยู่ปีกว่า จนสบโอกาสที่คุณพ่อจะสร้างบ้านให้น้องชายและน้องสาว จึงขอให้พ่อสร้างห้องให้น้องแคทด้วย พ่อก็แสนใจดียินดีสร้างห้องให้น้อง และปรับทางเดินในบ้านให้เป็นทางลาดทั้งหมด แล้วรับน้องเข้ามาอยู่ตั้งแต่บัดนั้น
น้องแคทเป็นแรงบันดาลใจให้คุณนาตั้งมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทยหรือเปล่า -ไม่ใช่ค่ะ ที่จริงมูลนิธิฯ เกิดขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ สมัยที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาเฟสปิกเกมส์ หรือกีฬาคนพิการโซนอาเซียน หรือเดี๋ยวนี้เรียกอาเซียนพาราเกมส์ ตอนนั้นหน่วยงานที่จัดงานยังไม่มีความพร้อม ซึ่งเหลือเวลาอีก ๘ เดือนจะถึงการแข่งขัน ทุกคนกังวล เพราะถือว่าเป็นภาพลักษณ์ของประเทศ จึงเดินทางมาขอให้คุณพ่อช่วยเป็นพ่องาน ร่วมระดมทุกสรรพกำลัง จนงานประสบความสำเร็จ การแข่งขันกีฬาครั้งนั้นทำให้คนเข้าใจคนพิการมากขึ้น มองว่าเขามีความสามารถ ขอเพียงแต่มีโอกาสและมีพื้นที่ให้แสดงออก
พอเสร็จงานกีฬามีเงินเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง และอยากทำอะไรให้คนพิการต่อเนื่อง จึงจัดตั้งมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทยขึ้น โดยมีตัวเองเป็นประธาน มีหน่วยงานคนพิการ คนพิการเอง และภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประกอบเป็นคณะกรรมการ ดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพของคนพิการในทุกมิติ ทั้งการศึกษา กีฬา อาชีพ นันทนาการ เป็นตัวเชื่อมส่งความทุกข์ร้อนของคนพิการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และถ้าวันหนึ่งไม่มีมูลนิธิฯ ทรัพย์สินทั้งหมดจะตกอยู่ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ตามหลักการที่มูลนิธิฯ ตั้งไว้
ในด้านมิติการการท่องเที่ยวล่ะคะ มูลนิธิฯ มีบทบาทอย่างไร – ทางมูลนิธิฯ จะประสานกับ ททท. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาตลอดว่า หากมีการจัดโครงการหรือกิจกรรมใด ให้คำนึงถึงการเข้าถึงของคนพิการทั้งเรื่องแหล่งท่องเที่ยว บริการ และสวัสดิภาพ เป็นพิเศษ อย่าละเลย นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์ www.tddf.or.th ที่มีห้องกระทู้ให้คนพิการเข้ามาร้องเรียน บอกข่าวเล่าเรื่อง ว่าประสบปัญหาหรือได้รับความไม่สะดวกตรงไหนบ้าง ทางเราจะเป็นคนประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้
นอกจากนี้ทราบว่าคุณนาชอบไปเชียงใหม่ เพื่อไปนั่งมองหลินปิง - (หัวเราะ) นาติดตามหลินปิงมาตั้งแต่แรกเกิด ตัวเท่าลูกหนู ตอนนี้น้ำหนัก ๑๐๔ กิโลกรัมแล้ว และอายุครบ ๔ ปีไปเมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม รักมาก หลินปิงทำให้นารักสัตว์ทุกชนิด ช้าง หมา แมว รักหมด แต่ข่าวจะออกเฉพาะหลินปิง นาชอบมองลึกลงไปในตาของพวกเขา ทำให้เรารู้สึกว่าเขาเองคือเพื่อน คือลูก คือญาติ และมีสิทธิ์อยู่ร่วมโลกใบนี้เหมือนกับพวกเรา มนุษย์เราเองไม่ได้เป็นเจ้าของทุกอย่างของโลก
เราอาจช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่มีอะไรทำได้ก็ทำ เช่น การบริจาคเงินเข้ากองทุนที่ช่วยเหลือหมา ซึ่งเงินร่อยหรอลงทุกที พยายามบอกกับอธิบดีกรมปศุสัตว์ให้สร้างศูนย์พักพิงสุนัข เพราะทางจังหวัดเองเขารับไม่ไหวแล้ว และร่วมผลักดันให้ไทยมีพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ เพื่อลงโทษผู้ที่กระทำทารุณต่อสัตว์ เมืองนอกเขามีแล้ว แต่บ้านเราใครฆ่าหมาข้างถนนไม่มีความผิด เหมือนเขาไม่มีตัวตน ตอนนี้ทราบว่า พ.ร.บ. ผ่านวาระที่ ๒ แล้ว อยากให้ พ.ร.บ. ผ่านวาระ ๓ และประกาศใช้เสียที สัตว์ต่าง ๆ จะได้ไม่ถูกทารุณกรรมเหมือนปัจจุบัน
ส่วนที่หลินปิงจะอยู่ไทยหรือไปจีนนั้น นาอยากให้ทุกฝ่ายมองสวัสดิภาพและความสุขของแพนด้าเป็นหลัก อย่าเอาความต้องการของคนเป็นที่ตั้ง แต่ยังแอบกังวลอยู่บ้างว่าที่จีนแผ่นดินไหวบ่อย แล้วเขาค่อนข้างตกใจง่าย แต่ถ้าต้องกลับจีนก็ไม่อยากให้เขาไปตอนอายุมาก เพราะช่วงที่เหมาะสม คือ ๒ ขวบ ตอนนี้หลินปิง ๔ ขวบแล้ว ถ้าช้ากว่านี้จะปรับตัวลำบาก หลินปิงทำหน้าที่ทูตสันถวไมตรีมายาวนานแล้ว อยากให้เขามีความสุขในที่ทางที่เหมาะสมกับชีวิตที่เหลือของเขา
ในขณะที่เราพยายามแยกพูดคุยเรื่องส่วนตัวในวันสบาย ๆ ของเธอ แต่ก็ดูเหมือนว่ากิจกรรมยามว่างเหล่านั้น จะเป็นกิจกรรมเพื่อคนอื่น ๆ รวมถึงสัตว์ร่วมโลกก่อนตัวเองเสียส่วนใหญ่ จนทำให้เราเชื่อได้ในดวงตาคู่นั้นว่า แม้จะไม่ใช่ผู้ให้กำเนิด แต่ความรู้สึกเป็นแม่นั้นเกิดขึ้นได้จริง ๆ และมันเกิดขึ้นอย่างงดงามในหัวใจของหญิงเก่งที่ชื่อกัญจนา ศิลปอาชา
หมายเหตุโค้ทคำพูด : “พ่อก็แสนใจดียินดีสร้างห้องให้น้อง และปรับทางเดินในบ้านให้เป็นทางลาดทั้งหมด แล้วรับน้องเข้ามาอยู่ตั้งแต่บัดนั้น”
จริยา ชูช่วย...เรื่อง ชคัทพล ใจน้อม...ภาพ
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
กัญจนา ศิลปอาชา หรือ “คุณนา” กำลังเข็นรถเข็นให้ น้องแคท บุตรบุญธรรม กัญจนา ศิลปอาชา หรือ “คุณนา” เราคุ้นเคยกับเธออย่างดีในฐานะนักการเมืองสาวบุคลิกหวาน แต่เฉียบขาดในที เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในปี ๒๕๔๒-๒๕๔๔ เป็นอดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุพรรณบุรี หลายสมัย เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในปัจจุบัน และตำแหน่งอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงเป็นประธานมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย วันนี้เราพักเรื่องงาน เปลี่ยนมาพูดคุยเรื่องราวสบาย ๆ ที่หลายคนไม่เคยรู้เกี่ยวกับเธอ เช่น เรื่องลูก เรื่องท่องเที่ยว เรื่องสัตว์ จากสายตามุ่งมั่นจริงจังคู่เดิม กลับกลายเป็นความอ่อนโยนและดูอ่อนไหวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะช่วงที่บทสนทนาวนเวียนพาเธอเข้าใกล้นิยามของคำว่า “แม่” ปกติคุณนาชอบท่องเที่ยวแนวไหน และชอบที่ใดเป็นพิเศษ - ส่วนมากนาจะเลือกไปเที่ยวที่ที่สามารถพาลูกไปด้วยได้ เนื่องจากน้องแคท ลูกของนาต้องนั่งรถเข็น ทำให้เดินทางลำบาก จึงเลือกไปสถานที่ท่องเที่ยวที่รถเข้าถึง และไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มาก เช่น ทะเลแถวชะอำ หัวหิน ทั้ง ๆ ที่ตัวนาเองไม่ชอบทะเล เพราะไม่ชอบแดด ร้อน รู้สึกเหนียว และว่ายน้ำไม่เก่ง แต่คิดว่าเป็นสถานที่ที่สะดวกที่สุดในการทำกิจกรรมกับลูก นาจะชอบพาลูกไปนั่งตรงชายหาดให้คลื่นตี เหมือนให้ธรรมชาติบำบัด แต่จริง ๆ แล้วนาเป็นคนชอบกิจกรรม Soft Adventure มีกิจกรรมอยู่ ๒ อย่างที่อยากไปลองมาก แต่ยังไม่มีโอกาสเสียที คือ อยากไปเล่น Treetop Adventure โหนจากยอดไม้ต้นหนึ่งไปต้นหนึ่ง มี ทั้งที่เชียงใหม่ หรือใกล้ ๆ ที่สวนสัตว์เขาเขียว ชลบุรี และขับรถเอทีวี ทั้ง ๒ อย่างนี้คือเป้าหมายต่อไป นาคงต้องรีบหน่อย เพราะร่างกายเริ่มไม่เอื้อ มีปัญหาตรงสะโพกขวา กัญจนา ศิลปอาชา ประธานมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย คุณนาดูแลน้องแคทมานานหรือยัง - นาดูแลน้องมาตั้งแต่ ๓ ขวบ ตอนนี้น้องอายุ ๑๘ ขวบ แล้ว วันแรกที่เจอน้อง คือวันที่น้องลงข่าวหน้า ๑ หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ เป็นเด็กเล็กที่ถูกทารุณอย่างรุนแรงที่สุด สภาพยับเยิน หนังกำพร้าหลุดทั้งแผ่นหลัง โดนมีดกรีด บุหรี่จี้ ใช้ดัมเบลทุบ หัวกระแทกพื้น ทั้งที่จริงน้องแคทเกิดมาเป็นเด็กปกติทุกประการ แต่โดนพ่อเลี้ยงกระทำตั้งแต่น้องอายุได้ ๒ ขวบครึ่ง จนถึง ๓ ขวบ วันแรกที่เป็นข่าว นาชวนคุณแม่ไปดู แล้วพาลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลอยู่ ๒ เดือน จนถึงวันที่หมอบอกว่าอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว นาจึงคิดว่าจะเอาลูกไปไว้ที่ไหนดี เพราะยังไม่ได้บอกคุณพ่อ จึงตัดสินใจพาไปฝากแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ที่เสถียรธรรมสถาน เพราะแม่ชีมีบ้านสายสัมพันธ์ ที่ดูแลทั้งแม่และเด็กที่มีปัญหา แล้วจ้างยายน้องแคทมาเลี้ยงหลานตัวเอง ตั้งแต่วันที่น้องอยู่โรงพยาบาลจนมาที่เสถียรธรรมสถาน นาหิ้วปิ่นโตไปหาลูกทุกวัน อยู่กับเขาตั้งแต่เย็นถึงห้าทุ่ม ไม่ขาดแม้แต่วันเดียว ทำอยู่ปีกว่า จนสบโอกาสที่คุณพ่อจะสร้างบ้านให้น้องชายและน้องสาว จึงขอให้พ่อสร้างห้องให้น้องแคทด้วย พ่อก็แสนใจดียินดีสร้างห้องให้น้อง และปรับทางเดินในบ้านให้เป็นทางลาดทั้งหมด แล้วรับน้องเข้ามาอยู่ตั้งแต่บัดนั้น น้องแคทเป็นแรงบันดาลใจให้คุณนาตั้งมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทยหรือเปล่า -ไม่ใช่ค่ะ ที่จริงมูลนิธิฯ เกิดขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ สมัยที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาเฟสปิกเกมส์ หรือกีฬาคนพิการโซนอาเซียน หรือเดี๋ยวนี้เรียกอาเซียนพาราเกมส์ ตอนนั้นหน่วยงานที่จัดงานยังไม่มีความพร้อม ซึ่งเหลือเวลาอีก ๘ เดือนจะถึงการแข่งขัน ทุกคนกังวล เพราะถือว่าเป็นภาพลักษณ์ของประเทศ จึงเดินทางมาขอให้คุณพ่อช่วยเป็นพ่องาน ร่วมระดมทุกสรรพกำลัง จนงานประสบความสำเร็จ การแข่งขันกีฬาครั้งนั้นทำให้คนเข้าใจคนพิการมากขึ้น มองว่าเขามีความสามารถ ขอเพียงแต่มีโอกาสและมีพื้นที่ให้แสดงออก พอเสร็จงานกีฬามีเงินเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง และอยากทำอะไรให้คนพิการต่อเนื่อง จึงจัดตั้งมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทยขึ้น โดยมีตัวเองเป็นประธาน มีหน่วยงานคนพิการ คนพิการเอง และภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประกอบเป็นคณะกรรมการ ดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพของคนพิการในทุกมิติ ทั้งการศึกษา กีฬา อาชีพ นันทนาการ เป็นตัวเชื่อมส่งความทุกข์ร้อนของคนพิการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และถ้าวันหนึ่งไม่มีมูลนิธิฯ ทรัพย์สินทั้งหมดจะตกอยู่ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ตามหลักการที่มูลนิธิฯ ตั้งไว้ ในด้านมิติการการท่องเที่ยวล่ะคะ มูลนิธิฯ มีบทบาทอย่างไร – ทางมูลนิธิฯ จะประสานกับ ททท. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาตลอดว่า หากมีการจัดโครงการหรือกิจกรรมใด ให้คำนึงถึงการเข้าถึงของคนพิการทั้งเรื่องแหล่งท่องเที่ยว บริการ และสวัสดิภาพ เป็นพิเศษ อย่าละเลย นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์ www.tddf.or.th ที่มีห้องกระทู้ให้คนพิการเข้ามาร้องเรียน บอกข่าวเล่าเรื่อง ว่าประสบปัญหาหรือได้รับความไม่สะดวกตรงไหนบ้าง ทางเราจะเป็นคนประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ นอกจากนี้ทราบว่าคุณนาชอบไปเชียงใหม่ เพื่อไปนั่งมองหลินปิง - (หัวเราะ) นาติดตามหลินปิงมาตั้งแต่แรกเกิด ตัวเท่าลูกหนู ตอนนี้น้ำหนัก ๑๐๔ กิโลกรัมแล้ว และอายุครบ ๔ ปีไปเมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม รักมาก หลินปิงทำให้นารักสัตว์ทุกชนิด ช้าง หมา แมว รักหมด แต่ข่าวจะออกเฉพาะหลินปิง นาชอบมองลึกลงไปในตาของพวกเขา ทำให้เรารู้สึกว่าเขาเองคือเพื่อน คือลูก คือญาติ และมีสิทธิ์อยู่ร่วมโลกใบนี้เหมือนกับพวกเรา มนุษย์เราเองไม่ได้เป็นเจ้าของทุกอย่างของโลก กัญจนา ศิลปอาชา เข้าเที่ยวชมหมีแพนด้า 'หลินปิง' เพื่อให้อาหารที่เชียงใหม่เราอาจช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่มีอะไรทำได้ก็ทำ เช่น การบริจาคเงินเข้ากองทุนที่ช่วยเหลือหมา ซึ่งเงินร่อยหรอลงทุกที พยายามบอกกับอธิบดีกรมปศุสัตว์ให้สร้างศูนย์พักพิงสุนัข เพราะทางจังหวัดเองเขารับไม่ไหวแล้ว และร่วมผลักดันให้ไทยมีพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ เพื่อลงโทษผู้ที่กระทำทารุณต่อสัตว์ เมืองนอกเขามีแล้ว แต่บ้านเราใครฆ่าหมาข้างถนนไม่มีความผิด เหมือนเขาไม่มีตัวตน ตอนนี้ทราบว่า พ.ร.บ. ผ่านวาระที่ ๒ แล้ว อยากให้ พ.ร.บ. ผ่านวาระ ๓ และประกาศใช้เสียที สัตว์ต่าง ๆ จะได้ไม่ถูกทารุณกรรมเหมือนปัจจุบัน ส่วนที่หลินปิงจะอยู่ไทยหรือไปจีนนั้น นาอยากให้ทุกฝ่ายมองสวัสดิภาพและความสุขของแพนด้าเป็นหลัก อย่าเอาความต้องการของคนเป็นที่ตั้ง แต่ยังแอบกังวลอยู่บ้างว่าที่จีนแผ่นดินไหวบ่อย แล้วเขาค่อนข้างตกใจง่าย แต่ถ้าต้องกลับจีนก็ไม่อยากให้เขาไปตอนอายุมาก เพราะช่วงที่เหมาะสม คือ ๒ ขวบ ตอนนี้หลินปิง ๔ ขวบแล้ว ถ้าช้ากว่านี้จะปรับตัวลำบาก หลินปิงทำหน้าที่ทูตสันถวไมตรีมายาวนานแล้ว อยากให้เขามีความสุขในที่ทางที่เหมาะสมกับชีวิตที่เหลือของเขา ในขณะที่เราพยายามแยกพูดคุยเรื่องส่วนตัวในวันสบาย ๆ ของเธอ แต่ก็ดูเหมือนว่ากิจกรรมยามว่างเหล่านั้น จะเป็นกิจกรรมเพื่อคนอื่น ๆ รวมถึงสัตว์ร่วมโลกก่อนตัวเองเสียส่วนใหญ่ จนทำให้เราเชื่อได้ในดวงตาคู่นั้นว่า แม้จะไม่ใช่ผู้ให้กำเนิด แต่ความรู้สึกเป็นแม่นั้นเกิดขึ้นได้จริง ๆ และมันเกิดขึ้นอย่างงดงามในหัวใจของหญิงเก่งที่ชื่อกัญจนา ศิลปอาชา หมายเหตุโค้ทคำพูด : “พ่อก็แสนใจดียินดีสร้างห้องให้น้อง และปรับทางเดินในบ้านให้เป็นทางลาดทั้งหมด แล้วรับน้องเข้ามาอยู่ตั้งแต่บัดนั้น” จริยา ชูช่วย...เรื่อง ชคัทพล ใจน้อม...ภาพ
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)