ไม่มีเวลาฮันนีมูน การบ้าน รมว.พม.คนใหม่
หลังได้รับการโปรดเกล้าฯ และเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ วันรุ่งขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) คนใหม่ นางปวีณา หงสกุล ก็เข้าปฏิบัติงานในกระทรวงทันที
โดย ถือฤกษ์สะดวก 10.10 น. สวมชุดผ้าไหมสีขาวก้าวเข้ากระทรวง โดยมีเหล่าข้าราชการกระทรวงให้การต้อนรับ รัฐมนตรี พม.หญิงคนแรก ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส อีกทั้งยังใช้โอกาสนี้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงเพื่อความเป็น สิริมงคล เจ้ากระทรวงใหม่ถอดด้าม เผยถึงนโยบายการทำงานตามแบบฉบับว่า รับ-รุก-รวดเร็ว และนโยบายเร่งด่วนคือ ค้ามนุษย์ คนพิการ และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน
รับ คือ เน้นรับเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน รับรู้ปัญหาต่างๆ โดยจะเปิดศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ที่กระทรวง พม. ตลอด 24 ชั่วโมง และยังประสานงานกับตำรวจให้เข้ามาช่วยดูแล และใช้ศูนย์ช่วยเหลือสังคม หรือ OSCCมาช่วยเหลือในการทำงานให้มากที่สุด รุก คือเดินเข้าหาประชาชนเพื่อรับทราบปัญหารวดเร็ว คือ ทำงานฉับไว และประสานกับกระทรวงต่างๆ มากขึ้น เป็นการทำงานร้อยทิศ
จะลงมาทำงานด้วยตัวเอง ทั้งรับเรื่องราวร้องทุกข์และเดินเข้าฟังปัญหาของประชาชน รมว.ปวีณา กล่าว นับเป็นความตั้งใจดีๆ ของเจ้ากระทรวงหญิงคนนี้ ซึ่งเธอเป็น รมว.ใหม่ ที่โพลระบุว่า ถูกใจประชาชน มากที่สุดถึงร้อยละ82.30
อย่าง ไรก็ดี แม้จะมีประสบการณ์การทำงานภาคประชาสังคม จากการเป็นประธานมูลนิธิปวีณา หากงานเอ็นจีโอที่ช่วยเหลือเหยื่อผู้ถูกกระทำทั้งเด็ก ผู้หญิง คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส ต่างจากงานของกระทรวงที่เป็นงาน เชิงนโยบาย แก้ไขปัญหาภาพใหญ่ของประเทศ เหล่าเอ็นจีโอที่ทำงานด้านนี้ จึงขอฝาก การบ้าน ให้ท่านรัฐมนตรีคนใหม่นำไปพิจารณาสางปัญหาที่ยังมีอยู่มากมายในสังคม
เหยื่อความรุนแรง-เสมอภาคทางเพศ นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า หากดูจากผลงานของคุณปวีณา หงสกุล ถือว่ามีความเหมาะสม เพราะมีพื้นฐานการทำงานด้านนี้อยู่แล้ว ควรเร่งสานต่องานทันที รมว.คนใหม่ต้องนำจุดแข็งที่มีอยู่ เช่น การช่วยเหลือผู้หญิงที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมนำมาขยายให้ครอบคลุมทั้งเด็กผู้สูงอายุคนพิการผู้ด้อยโอกาส
เมื่อเข้ามาสานงานต่อ คุณปวีณาไม่มีเวลามานั่งทดลองงาน แต่ต้องทำงานเลย เพราะอยู่บนความคาดหวังของประชาชน อย่างผลสำรวจล่าสุดในการปรับ ครม.ปู 5 ก็ให้เป็นอันดับ 1 ที่ประชาชนถูกใจมากที่สุด ดังนั้น ไม่มีเวลาฮันนีมูนแล้ว แต่ต้องเร่งทำงาน ช้าไม่ได้
นายจะเด็จกล่าวต่อว่า กระทรวง พม. มีหน้าที่ที่ต้องสร้างความเท่าเทียมระหว่างหญิงชาย ลดปัญหาความรุนแรงทางเพศ ความรุนแรงในครอบครัว โดยต้องไม่เน้นการเยียวยาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องให้ผู้หญิงได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะที่ผ่านมาผู้หญิงยังเข้าไม่ถึงกลไกการช่วยเหลือ เห็นได้จากตัวเลขการให้ความช่วยเหลือยังมีน้อย นอกจากนี้ ข้อกฎหมายการคุกคามทางเพศยังล้าสมัย โดยเฉพาะการคุ้มครองผู้หญิงที่อายุเกิน18ปีที่ยังไม่มีกลไกหรือ
นักสังคมสงเคราะห์คอยแนะนำ เมื่อเกิดปัญหาจึงทำให้หลายรายไม่กล้าไปแจ้งความ จึงถึงเวลาแล้วที่ต้องเร่งผลักดันปฏิรูปกฎหมายความรุนแรงทางเพศให้เป็นรูปธรรมเสียที ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้ประกาศศูนย์ช่วยเหลือสังคม หรือ OSCC จึงอยากให้ รมว.คนใหม่มองงานป้องกันในแบบระยะยาว เชื่อมโยงกับกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สนับสนุนให้ชุมชนทั่วประเทศสนใจเรื่องนี้เพื่อนำมาสู่การป้องกันร่วมกัน และสิ่งที่น่าเป็นห่วงไม่น้อยไปกว่านั้น คือสถานการณ์การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของผู้หญิงวัยแรงงาน มีสถิติเพิ่มขึ้นทุกปี สาเหตุมาจากความเครียดความรุนแรงในครอบครัว ประกอบกับงานวิจัยขององค์การอนามัยโลกระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้หญิงที่ถูกใช้ความรุนแรงมีแนวโน้มติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำแท้งและติดเอดส์มากขึ้น
ภาคประชาชนอยากเห็น รมว.คนใหม่ ให้ความสำคัญ ทำอย่างไรไม่ให้ผู้หญิง หรือเยาวชนที่เป็นนักดื่มหน้าใหม่หันไปหาอบายมุขเหล่านี้ เพราะเกรงว่าปัญหาจะลุกลามและแก้ไขได้ยาก ซึ่งกระทรวง พม.มีหน้าที่โดยตรงในเรื่องการดูแลกฎหมายด้านเยาวชน อีกทั้ง รมว.คนใหม่มีพื้นฐานในการทำงานด้านนี้อยู่แล้ว ควรเข้ามาทำหน้าที่ทำผลงานได้ทันที ตรงไหนที่เป็นจุดอ่อนก็ต้องเร่งพัฒนาและควรมีเวทีของภาคประชาสังคมเพื่อรับ ฟังข้อเสนอแนะและให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นคณะกรรมการเพื่อแก้ปัญหา ด้วย นายจะเด็จกล่าว
เด็กหาย-ค้ามนุษย์ ด้าน นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายมูลนิธิกระจกเงา บอกว่า การเข้ามาทำงานของนางปวีณา ถือว่าต้องให้โอกาสและให้กำลังใจ เพราะเคยเป็นเอ็นจีโอทำงานด้านสังคมมาก่อนจากประสบการณ์ตรงนี้คงจะทำให้เห็นสภาพปัญหาสังคมได้ง่าย
สิ่งที่ต้องปรับคือ ลักษณะการทำงานที่ผ่านมาเป็นลักษณะของการช่วยเหลือฉุกเฉินเท่านั้น แต่เมื่อก้าวขึ้นมาเป็นเจ้ากระทรวงแล้ว ต้องมองการทำงานในเชิงโครงสร้างแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ มีทั้งการป้องกัน ปราบปราม ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาที่ต้องเหตุได้
นายเอกลักษณ์กล่าว ต่อว่า ในฐานะที่กระทรวง พม.เป็นเจ้าพนักงานคุ้มครองเด็ก สิ่งสำคัญตอนนี้มีจำนวนเด็กหายสูงมาก ประเทศเรามีศูนย์ติดตามรถหาย แต่ไม่มีศูนย์ติดตามคนหาย พม.ควรเป็นกระบอกเสียงที่ช่วยผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมาให้ความสำคัญเรื่องนี้ อีกทั้งสถานการณ์การค้ามนุษย์ในประเทศไทย ขณะนี้อยู่ในสถานะที่สหรัฐจับตามองเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ถ้าเรายังไม่ปรับปรุงแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ปีหน้าประเทศไทยมีโอกาสติดแบล๊กลิสต์ ซึ่งจะมีปัญหาตามมามากมาย โดยเฉพาะปัญหากีดกันทางการค้าซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่รมว.คนใหม่ต้องเร่งทำงานกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาให้ได้
ตั้งหน่วยงานดูแลเด็กสตรี ขณะที่ นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ อดีตกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ กรรมการมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก บอกว่า คุณปวีณามีพื้นฐานการทำงานแต่ต้องเปลี่ยนบทบาทจากนักสังคมสงเคราะห์มาเป็นผู้บริหารกำหนดนโยบายแผนงานยุทธศาสตร์
ถ้าท่านเข้าใจการทำงานที่ ผ่านมาว่า ทำไมคนถึงวิ่งไปหาท่านที่มูลนิธิปวีณา แล้วท่านสรุปได้ว่า เพราะรัฐไม่มีระบบแก้ปัญหาเด็กและสตรีที่ดี มันจะเป็นเข็มทิศให้ท่านแก้ปัญหาได้ แต่ถ้าท่านยังทำงานช่วยเหลือแบบเดิมๆที่ท่านเคยทำมาก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นปัญหาก็ยังคงเหมือนเดิม
เพราะปัญหาอยู่ที่ระบบการบริหารจัดการของรัฐ นายสรรพสิทธิ์ แนะนำว่า รัฐมนตรีต้องตั้ง หน่วยงานคุ้มครองดูแลเด็กสตรีและครอบครัว โดยเฉพาะ และมีบุคลากรที่ทำงานเรื่องนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพราะงานด้านสังคมต้องการผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะความชำนาญ เนื่องจากเป็นปัญหาซับซ้อน มองยาก แทรกแซงยาก
มติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 45-46 มีมติไม่ให้มีการเพิ่มอัตราจ้างข้าราชการ หรือเพิ่มหน่วยงานใหม่ ผมคิดว่า ควรมีข้อยกเว้นสำหรับกระทรวง พม. เพราะถ้าไม่มีใครเข้ามาดูแลเรื่องเด็กสตรีอย่างจริงจัง จะกลายเป็นปัญหาลูกโซ่ที่ตามมาทุกด้าน แต่ถ้าครอบครัวดี ชุมชนเข้มแข็ง สังคมก็จะดีตามไปด้วย ไม่เกิดปัญหาสังคมอย่างเช่นทุกวันนี้
ดูแลคนพิการ นายมณเฑียร บุญตัน ส.ว.สรรหาผู้พิการทางสายตาแต่กำเนิด บอกว่า ในภาคผู้พิการมีกฎหมายที่มองการทำงานด้านภาคประชาสังคมในแบบหุ้นส่วนมากขึ้น เรามีกฎหมายฐานสิทธิไม่ใช่แบบสงเคราะห์ จึงอยากให้รัฐมนตรีคนใหม่มองโจทย์ของปัญหาภาคคนพิการให้แตกทุกด้าน พร้อมผลักดันการบังคับใช้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
พม.งบน้อย-เพิ่มงบกระทรวง น.ส.อุษา เลิศศรีสันทัด ผู้อำนวยการโครงการ มูลนิธิผู้หญิง กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวง พม. มีหลักการการทำงาน หลักกฎหมายต่างๆ วางไว้อย่างก้าวหน้า หากสิ่งที่ขาดคือ ยังไม่สามารถนำหลักกฎหมายเหล่านั้นมาปฏิบัติใช้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายคุ้มครองเด็ก กฎหมายคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว หรือกฎหมายค้ามนุษย์ อยากให้ รมว.คนใหม่ศึกษากฎหมายเหล่านี้แล้วนำหลักการมาบังคับใช้ให้เกิดผลอย่างเต็มที่
กระทรวงนี้มีกฎหมายหลายฉบับ อยากให้ศึกษาเยอะๆ เป็นการบ้านที่ค่อนข้างหนัก แต่คุณปวีณามีพื้นฐานการทำงานด้านนี้ มีแต้มต่อ ก็ขอให้กำลังใจในการทำงาน สิ่งสำคัญที่สุด ผอ.โครงการ มูลนิธิผู้หญิง ระบุว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ค่อยเห็นความสำคัญกระทรวง พม.เท่าไหร่ กระทรวง พม.มีงบประมาณน้อย ทั้งที่มีภารกิจเยอะ
แต่ถ้ารัฐมนตรีสามารถทำงานออกมาได้ผลจริง ก็อาจจะต่อรองให้กระทรวงได้งบประมาณมากขึ้น เพราะงานแก้ปัญหาสังคมเป็นงานสำคัญ ถ้าสังคมดี คนในประเทศมีคุณภาพชีวิตที่ดี ประเทศก็จะเจริญก้าวหน้า น.ส.อุษาทิ้งท้าย เป็นการบ้านที่หินเอาการสำหรับ รมว.ป้ายแดง ต้องอาศัยการทำงานหนัก ทุ่มเท จริงจัง อย่างแท้จริง
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ปวีณา หงสกุล รัฐมนตรี พม.หญิงคนแรก หลังได้รับการโปรดเกล้าฯ และเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ วันรุ่งขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) คนใหม่ นางปวีณา หงสกุล ก็เข้าปฏิบัติงานในกระทรวงทันที โดย ถือฤกษ์สะดวก 10.10 น. สวมชุดผ้าไหมสีขาวก้าวเข้ากระทรวง โดยมีเหล่าข้าราชการกระทรวงให้การต้อนรับ รัฐมนตรี พม.หญิงคนแรก ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส อีกทั้งยังใช้โอกาสนี้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงเพื่อความเป็น สิริมงคล เจ้ากระทรวงใหม่ถอดด้าม เผยถึงนโยบายการทำงานตามแบบฉบับว่า รับ-รุก-รวดเร็ว และนโยบายเร่งด่วนคือ ค้ามนุษย์ คนพิการ และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน รับ คือ เน้นรับเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน รับรู้ปัญหาต่างๆ โดยจะเปิดศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ที่กระทรวง พม. ตลอด 24 ชั่วโมง และยังประสานงานกับตำรวจให้เข้ามาช่วยดูแล และใช้ศูนย์ช่วยเหลือสังคม หรือ OSCCมาช่วยเหลือในการทำงานให้มากที่สุด รุก คือเดินเข้าหาประชาชนเพื่อรับทราบปัญหารวดเร็ว คือ ทำงานฉับไว และประสานกับกระทรวงต่างๆ มากขึ้น เป็นการทำงานร้อยทิศ จะลงมาทำงานด้วยตัวเอง ทั้งรับเรื่องราวร้องทุกข์และเดินเข้าฟังปัญหาของประชาชน รมว.ปวีณา กล่าว นับเป็นความตั้งใจดีๆ ของเจ้ากระทรวงหญิงคนนี้ ซึ่งเธอเป็น รมว.ใหม่ ที่โพลระบุว่า ถูกใจประชาชน มากที่สุดถึงร้อยละ82.30 อย่าง ไรก็ดี แม้จะมีประสบการณ์การทำงานภาคประชาสังคม จากการเป็นประธานมูลนิธิปวีณา หากงานเอ็นจีโอที่ช่วยเหลือเหยื่อผู้ถูกกระทำทั้งเด็ก ผู้หญิง คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส ต่างจากงานของกระทรวงที่เป็นงาน เชิงนโยบาย แก้ไขปัญหาภาพใหญ่ของประเทศ เหล่าเอ็นจีโอที่ทำงานด้านนี้ จึงขอฝาก การบ้าน ให้ท่านรัฐมนตรีคนใหม่นำไปพิจารณาสางปัญหาที่ยังมีอยู่มากมายในสังคม เหยื่อความรุนแรง-เสมอภาคทางเพศ นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า หากดูจากผลงานของคุณปวีณา หงสกุล ถือว่ามีความเหมาะสม เพราะมีพื้นฐานการทำงานด้านนี้อยู่แล้ว ควรเร่งสานต่องานทันที รมว.คนใหม่ต้องนำจุดแข็งที่มีอยู่ เช่น การช่วยเหลือผู้หญิงที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมนำมาขยายให้ครอบคลุมทั้งเด็กผู้สูงอายุคนพิการผู้ด้อยโอกาส เมื่อเข้ามาสานงานต่อ คุณปวีณาไม่มีเวลามานั่งทดลองงาน แต่ต้องทำงานเลย เพราะอยู่บนความคาดหวังของประชาชน อย่างผลสำรวจล่าสุดในการปรับ ครม.ปู 5 ก็ให้เป็นอันดับ 1 ที่ประชาชนถูกใจมากที่สุด ดังนั้น ไม่มีเวลาฮันนีมูนแล้ว แต่ต้องเร่งทำงาน ช้าไม่ได้ นายจะเด็จกล่าวต่อว่า กระทรวง พม. มีหน้าที่ที่ต้องสร้างความเท่าเทียมระหว่างหญิงชาย ลดปัญหาความรุนแรงทางเพศ ความรุนแรงในครอบครัว โดยต้องไม่เน้นการเยียวยาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องให้ผู้หญิงได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะที่ผ่านมาผู้หญิงยังเข้าไม่ถึงกลไกการช่วยเหลือ เห็นได้จากตัวเลขการให้ความช่วยเหลือยังมีน้อย นอกจากนี้ ข้อกฎหมายการคุกคามทางเพศยังล้าสมัย โดยเฉพาะการคุ้มครองผู้หญิงที่อายุเกิน18ปีที่ยังไม่มีกลไกหรือ นักสังคมสงเคราะห์คอยแนะนำ เมื่อเกิดปัญหาจึงทำให้หลายรายไม่กล้าไปแจ้งความ จึงถึงเวลาแล้วที่ต้องเร่งผลักดันปฏิรูปกฎหมายความรุนแรงทางเพศให้เป็นรูปธรรมเสียที ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้ประกาศศูนย์ช่วยเหลือสังคม หรือ OSCC จึงอยากให้ รมว.คนใหม่มองงานป้องกันในแบบระยะยาว เชื่อมโยงกับกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สนับสนุนให้ชุมชนทั่วประเทศสนใจเรื่องนี้เพื่อนำมาสู่การป้องกันร่วมกัน และสิ่งที่น่าเป็นห่วงไม่น้อยไปกว่านั้น คือสถานการณ์การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของผู้หญิงวัยแรงงาน มีสถิติเพิ่มขึ้นทุกปี สาเหตุมาจากความเครียดความรุนแรงในครอบครัว ประกอบกับงานวิจัยขององค์การอนามัยโลกระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้หญิงที่ถูกใช้ความรุนแรงมีแนวโน้มติดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำแท้งและติดเอดส์มากขึ้น ภาคประชาชนอยากเห็น รมว.คนใหม่ ให้ความสำคัญ ทำอย่างไรไม่ให้ผู้หญิง หรือเยาวชนที่เป็นนักดื่มหน้าใหม่หันไปหาอบายมุขเหล่านี้ เพราะเกรงว่าปัญหาจะลุกลามและแก้ไขได้ยาก ซึ่งกระทรวง พม.มีหน้าที่โดยตรงในเรื่องการดูแลกฎหมายด้านเยาวชน อีกทั้ง รมว.คนใหม่มีพื้นฐานในการทำงานด้านนี้อยู่แล้ว ควรเข้ามาทำหน้าที่ทำผลงานได้ทันที ตรงไหนที่เป็นจุดอ่อนก็ต้องเร่งพัฒนาและควรมีเวทีของภาคประชาสังคมเพื่อรับ ฟังข้อเสนอแนะและให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมเป็นคณะกรรมการเพื่อแก้ปัญหา ด้วย นายจะเด็จกล่าว เด็กหาย-ค้ามนุษย์ ด้าน นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายมูลนิธิกระจกเงา บอกว่า การเข้ามาทำงานของนางปวีณา ถือว่าต้องให้โอกาสและให้กำลังใจ เพราะเคยเป็นเอ็นจีโอทำงานด้านสังคมมาก่อนจากประสบการณ์ตรงนี้คงจะทำให้เห็นสภาพปัญหาสังคมได้ง่าย สิ่งที่ต้องปรับคือ ลักษณะการทำงานที่ผ่านมาเป็นลักษณะของการช่วยเหลือฉุกเฉินเท่านั้น แต่เมื่อก้าวขึ้นมาเป็นเจ้ากระทรวงแล้ว ต้องมองการทำงานในเชิงโครงสร้างแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ มีทั้งการป้องกัน ปราบปราม ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาที่ต้องเหตุได้ นายเอกลักษณ์กล่าว ต่อว่า ในฐานะที่กระทรวง พม.เป็นเจ้าพนักงานคุ้มครองเด็ก สิ่งสำคัญตอนนี้มีจำนวนเด็กหายสูงมาก ประเทศเรามีศูนย์ติดตามรถหาย แต่ไม่มีศูนย์ติดตามคนหาย พม.ควรเป็นกระบอกเสียงที่ช่วยผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมาให้ความสำคัญเรื่องนี้ อีกทั้งสถานการณ์การค้ามนุษย์ในประเทศไทย ขณะนี้อยู่ในสถานะที่สหรัฐจับตามองเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ถ้าเรายังไม่ปรับปรุงแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ปีหน้าประเทศไทยมีโอกาสติดแบล๊กลิสต์ ซึ่งจะมีปัญหาตามมามากมาย โดยเฉพาะปัญหากีดกันทางการค้าซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่รมว.คนใหม่ต้องเร่งทำงานกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาให้ได้ ตั้งหน่วยงานดูแลเด็กสตรี ขณะที่ นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ อดีตกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ กรรมการมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก บอกว่า คุณปวีณามีพื้นฐานการทำงานแต่ต้องเปลี่ยนบทบาทจากนักสังคมสงเคราะห์มาเป็นผู้บริหารกำหนดนโยบายแผนงานยุทธศาสตร์ ถ้าท่านเข้าใจการทำงานที่ ผ่านมาว่า ทำไมคนถึงวิ่งไปหาท่านที่มูลนิธิปวีณา แล้วท่านสรุปได้ว่า เพราะรัฐไม่มีระบบแก้ปัญหาเด็กและสตรีที่ดี มันจะเป็นเข็มทิศให้ท่านแก้ปัญหาได้ แต่ถ้าท่านยังทำงานช่วยเหลือแบบเดิมๆที่ท่านเคยทำมาก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นปัญหาก็ยังคงเหมือนเดิม เพราะปัญหาอยู่ที่ระบบการบริหารจัดการของรัฐ นายสรรพสิทธิ์ แนะนำว่า รัฐมนตรีต้องตั้ง หน่วยงานคุ้มครองดูแลเด็กสตรีและครอบครัว โดยเฉพาะ และมีบุคลากรที่ทำงานเรื่องนี้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพราะงานด้านสังคมต้องการผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะความชำนาญ เนื่องจากเป็นปัญหาซับซ้อน มองยาก แทรกแซงยาก มติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี 45-46 มีมติไม่ให้มีการเพิ่มอัตราจ้างข้าราชการ หรือเพิ่มหน่วยงานใหม่ ผมคิดว่า ควรมีข้อยกเว้นสำหรับกระทรวง พม. เพราะถ้าไม่มีใครเข้ามาดูแลเรื่องเด็กสตรีอย่างจริงจัง จะกลายเป็นปัญหาลูกโซ่ที่ตามมาทุกด้าน แต่ถ้าครอบครัวดี ชุมชนเข้มแข็ง สังคมก็จะดีตามไปด้วย ไม่เกิดปัญหาสังคมอย่างเช่นทุกวันนี้ ดูแลคนพิการ นายมณเฑียร บุญตัน ส.ว.สรรหาผู้พิการทางสายตาแต่กำเนิด บอกว่า ในภาคผู้พิการมีกฎหมายที่มองการทำงานด้านภาคประชาสังคมในแบบหุ้นส่วนมากขึ้น เรามีกฎหมายฐานสิทธิไม่ใช่แบบสงเคราะห์ จึงอยากให้รัฐมนตรีคนใหม่มองโจทย์ของปัญหาภาคคนพิการให้แตกทุกด้าน พร้อมผลักดันการบังคับใช้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด พม.งบน้อย-เพิ่มงบกระทรวง น.ส.อุษา เลิศศรีสันทัด ผู้อำนวยการโครงการ มูลนิธิผู้หญิง กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวง พม. มีหลักการการทำงาน หลักกฎหมายต่างๆ วางไว้อย่างก้าวหน้า หากสิ่งที่ขาดคือ ยังไม่สามารถนำหลักกฎหมายเหล่านั้นมาปฏิบัติใช้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายคุ้มครองเด็ก กฎหมายคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว หรือกฎหมายค้ามนุษย์ อยากให้ รมว.คนใหม่ศึกษากฎหมายเหล่านี้แล้วนำหลักการมาบังคับใช้ให้เกิดผลอย่างเต็มที่ กระทรวงนี้มีกฎหมายหลายฉบับ อยากให้ศึกษาเยอะๆ เป็นการบ้านที่ค่อนข้างหนัก แต่คุณปวีณามีพื้นฐานการทำงานด้านนี้ มีแต้มต่อ ก็ขอให้กำลังใจในการทำงาน สิ่งสำคัญที่สุด ผอ.โครงการ มูลนิธิผู้หญิง ระบุว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ค่อยเห็นความสำคัญกระทรวง พม.เท่าไหร่ กระทรวง พม.มีงบประมาณน้อย
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)