หญิงมะกันป่วยแปลก ร่างกายสมบูรณ์แต่อยากตัดขาให้พิการ
การเกิดมาสมบูรณ์มีอวัยวะครบ 32 ส่วน ใคร ๆ ก็บอกว่าเป็นช่างโชคดีนักหนาแล้ว และเราก็เคยเห็นแต่คนที่ทุพพลภาพต่างต้องการอวัยวะเทียมเพื่อให้ร่างกาย สมบูรณ์เหมือน คนทั่วไปมากที่สุด แต่กรณีของ โคลเอ้ สาวใหญ่วัย 58 ปี จากรัฐยูทาห์ สหรัฐฯ คงเป็นเรื่องยกเว้น เพราะทั้ง ๆ ที่เธอเกิดมาครบสมบูรณ์ทุกส่วนดี ตลอดชีวิตมานี้เธอกลับพยายามที่จะทำให้ตัวเองพิการเธอไม่อยากมีขา!
ตามรายงานจากเว็บไซต์เดลี่เมลระบุว่า โคลเอ้ เจนนิงส์-ไวท์ พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ตัวเองพิการให้ได้ เธอเริ่มรับรู้ถึงความต้องการนี้ของตัวเองเมื่อตอน 4 ขวบ ในตอนที่ไป เยี่ยมคุณป้าซึ่งประสบอุบัติเหตุทางจักรยาน และต้องใส่เหล็กค้ำยันขาเอาไว้ ในตอนนั้นเองที่เธอคิดว่านี่แหละคือสิ่งที่เธอต้องการ "ฉันต้องการที่จะพิการขา"เธอบอกกับตัวเอง
โคลเอ้พยายามสร้างอุบัติเหตุให้เกิดกับตัวเองโดยหวังจะให้ได้บาดเจ็บจนต้องพิการขา ตอนเด็ก ๆ เธอตั้งใจปั่นจักรยานตกลงมาจากเวทีสูงเมตรกว่า ๆ เล่นปีนป่ายต้นไม้สูง ๆ เผื่อว่าจะพลัดตกลงมาให้แข้งขาหัก แต่ก็ยังไม่เคยประสบความสำเร็จสักครั้ง แม้เมื่อโตมาแล้วเธอก็ยังชอบเล่นสกีและแล่นไปมันด้วยความเร็วสูง เพื่อหวังว่าสักครั้งหนึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกับขาของเธอขึ้นบ้าง และยังถึงขั้นติดต่อหาแพทย์ที่อาสาจะตัดขาของเธอออกไปให้ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจทำเพราะเธอไม่สามารถจ่ายเงินจำนวน 800,000บาทเป็นค่าใช้จ่ายของการดำเนินการนี้ได้
อย่างไรก็ดี มีครั้งหนึ่งที่เธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์โดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้เธอบาดเจ็บที่ขาแต่ก็ทำเธอมีข้ออ้างที่จะหาซื้อเหล็กดามขามาใส่ เธอเข้าเสิร์ชหาร้านที่จะขายของสิ่งนี้ให้เธอได้ในโลกออนไลน์ และนั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้โคลเอ้ได้ค้นพบว่า ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่มีความรู้สึกว่าอยากทำให้ตัวเองพิการเช่นเดียวกับตัวเธออยู่ด้วยเหมือนกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอและเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกกว่าหนึ่งร้อยคนเท่าที่เธอค้นพบ คือ อาการความผิดปกติที่เรียกว่า Body Integrity Identity Disorder หรือ BIID ผู้ป่วยโรคนี้จะรู้สึกว่าอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายไม่ใช่ของตัวเอง เป็นส่วนเกินและแปลกปลอมซึ่งเขาไม่ต้องการ สาเหตุของโรคยังไม่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าเกิดจากสมองส่วนที่รับผิดชอบการเชื่อมโยงระหว่างสมองกับร่างกายมี ความผิดปกติ กล่าวคือแผนที่ร่างกายที่อยู่ในหัวของผู้ป่วยไม่ตรงตามสภาพร่างกายจริงที่ พวกเขามี จึงทำให้รู้สึกต่อต้านการมีอยู่ของมัน และแม้จะเกิดความผิดปกติในส่วนที่ว่านี้ เรื่องอื่น ๆ ของผู้ป่วยก็ปกติสมบูรณ์ดีทุกอย่าง ไม่ต่างกับคนทั่ว ๆ ไปแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะทางพฤติกรรม สมอง หรือจิตใจก็ตาม
ในปัจจุบันอาการความผิดปกนี้ยังไม่มีวิธีการรักษา ได้แต่บำบัดและพยายามประคองอาการไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต และรบกวนจิตใจของผู้ป่วยมากเกินไปเท่านั้น ผู้ป่วยหลายคนเรียกร้องให้แพทย์ตัดอวัยวะของตัวเองทิ้ง เพราะรู้สึกไม่สบายใจ หดหู่ จนถึงขั้นวิตกกังวลที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่กับมัน รู้สึกว่าชีวิตที่มีสิ่งแปลกปลอมนี้อยู่ไม่ใช่ชีวิตของตัวเอง นับเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ทำการรักษา ส่วนใหญ่แพทย์จึงมักฉีดยาระงับการทำงานของเส้นประสาทที่อวัยวะนั้นทำให้เป็นอัมพาตไปชั่วคราว เพื่อให้ผู้ป่วยได้ทบทวนดูว่าหลังจากได้ใช้ชีวิตอย่างคนพิการจริง ๆ แล้ว พวกเขายังต้องการที่จะกำจัดมันออกไปอยู่หรือไม่
สำหรับกรณีของโคลเอ้แล้ว แพทย์ของเธอแนะนำให้เธอใส่เหล็กดามขา และใช้ชีวิตบนรถเข็นดู ซึ่งเธอบอกว่ารู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมากที่ได้ใช้ชีวิตเหมือนกับขาทั้งสอง พิการไปเสียจริง ๆ มันเป็นชีวิตแบบที่เธอคาดหวังมาตลอด และรู้สึกได้เป็นตัวของตัวเองยิ่งกว่าเคย แม้ว่าในใจลึก ๆ ของเธอแล้วอยากจะตัดขาดจากมันไปเลยก็ตาม เธอพยายามใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ต้องยังอาศัยขาอยู่บ้าง เพราะเธอไม่มีเงินมากพอที่จะแปลงบ้านของตัวเองให้เหมาะกับการใช้วีลแชร์ และยังเดินลงบันไดจากห้องพักไปขึ้นรถอยู่ทุกวัน
แน่นอนว่าโคลเอ้ต้องเผชิญกับคำครหาที่กล่าวว่าเธอเป็นพวกผิดปกติ สติไม่สมประกอบ ทำตัวประหลาดที่อยากกลายเป็น คนพิการ และคำว่าร้ายเสีย ๆ หาย ๆ อยู่บ่อย ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยโรค BIID ต้องเผชิญแทบทุกคน แต่เธอก็ยืนยันว่า พวกเธอมีสติและรู้ตัวดีทุกอย่างกับสิ่งที่ทำลงไป และขอให้คนทั่วไปโปรดเห็นใจและเข้าใจคนที่เป็นโรคนี้ด้วย : เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก odditycentral.coml, everyjoe.com
ขอบคุณ... http://hilight.kapook.com/view/88829 (ขนาดไฟล์: 175)
kapook.com ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 19 ก.ค.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
โคลเอ้ สาวใหญ่วัย 58 ปี การเกิดมาสมบูรณ์มีอวัยวะครบ 32 ส่วน ใคร ๆ ก็บอกว่าเป็นช่างโชคดีนักหนาแล้ว และเราก็เคยเห็นแต่คนที่ทุพพลภาพต่างต้องการอวัยวะเทียมเพื่อให้ร่างกาย สมบูรณ์เหมือน คนทั่วไปมากที่สุด แต่กรณีของ โคลเอ้ สาวใหญ่วัย 58 ปี จากรัฐยูทาห์ สหรัฐฯ คงเป็นเรื่องยกเว้น เพราะทั้ง ๆ ที่เธอเกิดมาครบสมบูรณ์ทุกส่วนดี ตลอดชีวิตมานี้เธอกลับพยายามที่จะทำให้ตัวเองพิการเธอไม่อยากมีขา! ตามรายงานจากเว็บไซต์เดลี่เมลระบุว่า โคลเอ้ เจนนิงส์-ไวท์ พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้ตัวเองพิการให้ได้ เธอเริ่มรับรู้ถึงความต้องการนี้ของตัวเองเมื่อตอน 4 ขวบ ในตอนที่ไป เยี่ยมคุณป้าซึ่งประสบอุบัติเหตุทางจักรยาน และต้องใส่เหล็กค้ำยันขาเอาไว้ ในตอนนั้นเองที่เธอคิดว่านี่แหละคือสิ่งที่เธอต้องการ "ฉันต้องการที่จะพิการขา"เธอบอกกับตัวเอง โคลเอ้พยายามสร้างอุบัติเหตุให้เกิดกับตัวเองโดยหวังจะให้ได้บาดเจ็บจนต้องพิการขา ตอนเด็ก ๆ เธอตั้งใจปั่นจักรยานตกลงมาจากเวทีสูงเมตรกว่า ๆ เล่นปีนป่ายต้นไม้สูง ๆ เผื่อว่าจะพลัดตกลงมาให้แข้งขาหัก แต่ก็ยังไม่เคยประสบความสำเร็จสักครั้ง แม้เมื่อโตมาแล้วเธอก็ยังชอบเล่นสกีและแล่นไปมันด้วยความเร็วสูง เพื่อหวังว่าสักครั้งหนึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกับขาของเธอขึ้นบ้าง และยังถึงขั้นติดต่อหาแพทย์ที่อาสาจะตัดขาของเธอออกไปให้ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจทำเพราะเธอไม่สามารถจ่ายเงินจำนวน 800,000บาทเป็นค่าใช้จ่ายของการดำเนินการนี้ได้ โคลเอ้ สาวใหญ่วัย 58 ปี ใส่เหล็กดามขาและนั่งอยูในรถเข็นคนพิการ อย่างไรก็ดี มีครั้งหนึ่งที่เธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์โดยไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้เธอบาดเจ็บที่ขาแต่ก็ทำเธอมีข้ออ้างที่จะหาซื้อเหล็กดามขามาใส่ เธอเข้าเสิร์ชหาร้านที่จะขายของสิ่งนี้ให้เธอได้ในโลกออนไลน์ และนั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้โคลเอ้ได้ค้นพบว่า ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่มีความรู้สึกว่าอยากทำให้ตัวเองพิการเช่นเดียวกับตัวเธออยู่ด้วยเหมือนกัน สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอและเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกกว่าหนึ่งร้อยคนเท่าที่เธอค้นพบ คือ อาการความผิดปกติที่เรียกว่า Body Integrity Identity Disorder หรือ BIID ผู้ป่วยโรคนี้จะรู้สึกว่าอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายไม่ใช่ของตัวเอง เป็นส่วนเกินและแปลกปลอมซึ่งเขาไม่ต้องการ สาเหตุของโรคยังไม่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าเกิดจากสมองส่วนที่รับผิดชอบการเชื่อมโยงระหว่างสมองกับร่างกายมี ความผิดปกติ กล่าวคือแผนที่ร่างกายที่อยู่ในหัวของผู้ป่วยไม่ตรงตามสภาพร่างกายจริงที่ พวกเขามี จึงทำให้รู้สึกต่อต้านการมีอยู่ของมัน และแม้จะเกิดความผิดปกติในส่วนที่ว่านี้ เรื่องอื่น ๆ ของผู้ป่วยก็ปกติสมบูรณ์ดีทุกอย่าง ไม่ต่างกับคนทั่ว ๆ ไปแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะทางพฤติกรรม สมอง หรือจิตใจก็ตาม ในปัจจุบันอาการความผิดปกนี้ยังไม่มีวิธีการรักษา ได้แต่บำบัดและพยายามประคองอาการไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต และรบกวนจิตใจของผู้ป่วยมากเกินไปเท่านั้น ผู้ป่วยหลายคนเรียกร้องให้แพทย์ตัดอวัยวะของตัวเองทิ้ง เพราะรู้สึกไม่สบายใจ หดหู่ จนถึงขั้นวิตกกังวลที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่กับมัน รู้สึกว่าชีวิตที่มีสิ่งแปลกปลอมนี้อยู่ไม่ใช่ชีวิตของตัวเอง นับเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ทำการรักษา ส่วนใหญ่แพทย์จึงมักฉีดยาระงับการทำงานของเส้นประสาทที่อวัยวะนั้นทำให้เป็นอัมพาตไปชั่วคราว เพื่อให้ผู้ป่วยได้ทบทวนดูว่าหลังจากได้ใช้ชีวิตอย่างคนพิการจริง ๆ แล้ว พวกเขายังต้องการที่จะกำจัดมันออกไปอยู่หรือไม่ โคลเอ้ สาวใหญ่วัย 58 ปี ใส่เหล็กดามขายืนอยูข้างๆรถเข็นคนพิการสำหรับกรณีของโคลเอ้แล้ว แพทย์ของเธอแนะนำให้เธอใส่เหล็กดามขา และใช้ชีวิตบนรถเข็นดู ซึ่งเธอบอกว่ารู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมากที่ได้ใช้ชีวิตเหมือนกับขาทั้งสอง พิการไปเสียจริง ๆ มันเป็นชีวิตแบบที่เธอคาดหวังมาตลอด และรู้สึกได้เป็นตัวของตัวเองยิ่งกว่าเคย แม้ว่าในใจลึก ๆ ของเธอแล้วอยากจะตัดขาดจากมันไปเลยก็ตาม เธอพยายามใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ต้องยังอาศัยขาอยู่บ้าง เพราะเธอไม่มีเงินมากพอที่จะแปลงบ้านของตัวเองให้เหมาะกับการใช้วีลแชร์ และยังเดินลงบันไดจากห้องพักไปขึ้นรถอยู่ทุกวัน แน่นอนว่าโคลเอ้ต้องเผชิญกับคำครหาที่กล่าวว่าเธอเป็นพวกผิดปกติ สติไม่สมประกอบ ทำตัวประหลาดที่อยากกลายเป็น คนพิการ และคำว่าร้ายเสีย ๆ หาย ๆ อยู่บ่อย ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยโรค BIID ต้องเผชิญแทบทุกคน แต่เธอก็ยืนยันว่า พวกเธอมีสติและรู้ตัวดีทุกอย่างกับสิ่งที่ทำลงไป และขอให้คนทั่วไปโปรดเห็นใจและเข้าใจคนที่เป็นโรคนี้ด้วย : เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก odditycentral.coml, everyjoe.com ขอบคุณ... http://hilight.kapook.com/view/88829 kapook.com ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 19 ก.ค.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)