มณเฑียร บุญตัน สมาชิกวุฒิสภาไทย กล่าวในการอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาล
“องค์การอนามัยโลกรายงานเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่า คนพิการโดยเฉลี่ย มีถึง 16% ของประชากร ถ้าไทยใช้มาตรฐานเดียวกับองค์การอนามัยโลกจะมีคนพิการไม่น้อยกว่า 10 ล้านคนแต่คำแถลงนโยบายของรัฐบาลภายใต้นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน กล่าวถึงคนพิการไว้เพียงที่เดียว”
มณเฑียร บุญตัน สมาชิกวุฒิสภา ตั้งคำถามถึงนโยบายเพื่อคนพิการ ซึ่งปรากฏอยู่เพียงที่เดียวในคำแถลงของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ในหน้า 12 ย่อหน้าที่ 2 ภายใต้หัวข้อ คุณภาพชีวิตประการสุดท้าย
“ท่านได้กล่าวถึงคนอยู่ 3-4 ประเทศ โชคดีที่ท่านใช้คำว่าเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม ท่านก็กล่าวถึงกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ คนพิการ และกลุ่มชาติพันธุ์ แต่ท่านมีคำตอบแค่ สวัสดิการโดยรัฐ ผมเป็นคนพิการคนเดียวในวุฒิสภา ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคราวนี้เรามี สส.เป็นคนพิการหรือไม่ เมื่อไม่มีใครพูดเรื่องคนพิการ ผมก็คงต้องพูดแต่เรื่องคนพิการ”
ข้อเสนอร่วมกันของสมัชชาคนพิการแห่งชาติและที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยต่อรัฐบาลชุดใหม่ มี 10 ข้อ
การปฏิรูปกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
สวัสดิการเบี้ยความพิการ 3,000 บาทถ้วนหน้า ตามนโยบายที่พรรคการเมืองทุกพรรคเคยหาเสียงไว้
การส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการและการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมของคนพิการ
การจัดการศึกษาแบบเรียนรวม
การสร้างสภาะแวดล้อมที่ทุกคนเข้าถึงได้โดยสะดวก
การปฏิรูปการขึ้นทะเบียนคนพิการ เพื่อให้ได้รับสิทธิและสวัสดิการอย่างครอบคลุมและทั่วถึง
การส่งเสริมและสนับสนุนศูนย์บริการคนพิการ
การปรับปรุงและบังคับใช้ พรบ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550
สลากที่คนพิการเข้าถึงได้
การคัดค้านการนำเงินกองทุนคนพิการส่งเข้าคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
เนื่องจากนายกฯ ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มณเฑียรจึงตั้งคำถามว่า กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งยังเป็นส่วนราชการ และเป็นเหตุให้ต้องอยู่ในเงื่อนไข พรบ.ทุนหมุนเวียน ไม่ได้รับการยกเว้นตามกระราชกฤษฎีกา เหมือนกับกองทุนบำเหน็จบำนาญ กองทุนประกันสังคม กองทุนเงินชดเชย และกองทุนการออมแห่งชาติ กองทุนส่งเสริมจึงต้องส่งเงินคืนให้กระทรวงการคลัง
“เมื่อปี 2559 โดนยึดไป 2,000 ล้านบาท และเมื่อไม่นานมานี้ กระทรวงการคลังก็ทำท่าว่าจะยึดอีก 3,000 ล้านบาท โดยอ้างว่า เหลือเงินสัดส่วนที่กำหนด ผมถามท่านรัฐมนตรีคลังว่า ท่านจะยึดกองทุนคนพิการ 3,000 ล้านไหม”
“ผมเข้าใจว่าถ้ามีเงื่อนไขต้องใช้เงินกองทุนนั้น ก็สามารถชะลอไปได้ แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือต้องให้กองทุนคนพิการไม่อยู่ในบังคับที่ต้องส่งเงินคืน นายกฯ มาจากภาคเอกชน เอกชนจ้างงานคนพิการ หรือที่ไม่จ้างก็จ่ายเงินเข้ากองทุนมาโดยตลอด ปีละประมาณ 2 พันล้าน แต่หน่วยงานของรัฐ ตอนนี้จ้างงานคนพิการแค่ 21% ไม่เคยจ่ายเงินเข้ากองทุนมา 6 ปีแล้ว ท่านไม่รู้สึกเจ็บใจเหรอ ภาคเอกชนร่วมมือมาตลอด แล้วกระทรวงการคลังที่ท่านจะมาดูแลจะยึดเงินคนพิการซึ่งเป็นเงินค่าจ้างคนพิการนะ”
นอกจากนี้ มณเฑียรยังตั้งคำถามต่อด้วยว่า นายกฯ จะสร้างหลักประกันได้หรือไม่ว่า ดิจิทัลวอลเล็ตจะอยู่ในรูปแบบและช่องทาง (แอปพลิเคชั่นและแพลตฟอร์ม) ที่ประชาชนทุกกลุ่ม รวมถึงคนพิการ เข้าถึงได้โดยสะดวกหรือเปล่า
ขอบคุณ... https://thematter.co/brief/212838/212838