รันทด! หนุ่มใหญ่ตาบอดสนิทสองข้างหาเลี้ยงน้องสาวโรคประสาท
สกลนคร - รันทด! หนุ่มใหญ่ขายแรงในโรงงานเคราะห์ร้ายถูกตะปูทิ่มตาบอดสนิททั้งสองข้าง กลับบ้านหวังลูกเมียดูแลกลับหอบเสื้อผ้าหนี บากหน้ากลับไปอยู่กับครอบครัวที่บ้านเกิดพบพ่อแม่พี่น้องตายจากเกือบหมด เหลือแต่น้องสาวโรคประสาทกัดฟันสู้ชีวิตสานเปลไม้ไผ่ขายหาเงินซื้อข้าวประทังชีวิตสองพี่น้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.สกลนคร พบชายพิการตาบอดสนิทสองข้างถูกภรรยาและลูกทอดทิ้งให้อยู่กับน้องสาว ที่ป่วยเป็นโรคประสาทมานานกว่า 10 ปี หลังจากได้รับอุบัติเหตุตะปูทิ่มตาบอดหนึ่งข้าง ก่อนที่จะลุกลามอีกข้างจนบอดสนิท จึงต้องดิ้นรนเพื่อชีวิตให้อยู่รอด ด้วยการสานเปลไม้ไผ่ขาย มีรายได้เดือนละไม่กี่ร้อยบาทนอกจากเบี้ยคนพิการอีกเดือนละ500บาท
จากการลงพื้นที่ทราบว่าหนุ่มใหญ่รายนี้คือ นายบรรเทา แก้ววรรณา อายุ 56 ปี เป็นชาวบ้านดงห้วยเปือย ต.ดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร โดยนายบรรเทาอาศัยอยู่กับน้องสาวที่ป่วยเป็นโรคประสาทภายในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นมรดกของพ่อแม่ทิ้งไว้ให้ สำรวจภายในบ้านไม่พบสิ่งของมีค่า เห็นมีเพียงเสื้อเก่าๆแขวนกับราวผ้า(เชือก)ที่ผูกติดกับฝาผนังบ้านไม่กี่ตัว
จากการพูดคุย นายบรรเทาเล่าว่า ตนพิการตาบอดมาตั้งแต่ปี 2543 สาเหตุเกิดจากอุบัติเหตุถูกตะปูทิ่มตาขวาเมื่อครั้งยังทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เจ้าของโรงงานให้ความช่วยเหลือ 100,000 บาทเพื่อเป็นค่ารักษาจากนั้นจึงกลับมารักษาตัวที่บ้านอยู่กับครอบครัวที่จังหวัดร้อยเอ็ด
ทั้งนี้ มั่นใจว่าภรรยา ลูกชายและลูกสาวสองคนจะคอยดูแล แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือนภรรยาและลูกทั้งสองกลับขนเสื้อผ้าข้าวของที่พอมี ค่าทิ้งหนีจากไปโดยที่ไม่บอกกล่าว จากนั้นได้พยายามติดต่อญาติพี่น้องบ้านเกิดของตนที่อำเภอบ้านม่วงจ.สกลนครมาช่วยเหลือหรือนำตัวกลับ
ครั้นกลับมาภูมิลำเนาบ้านเกิดพบอีกว่าพ่อแม่พี่น้องที่ร่วมท้องเดียว กันก็เสียชีวิตเกือบหมด คงยังเหลือแต่น้องสาวที่ป่วยด้วยโรคประสาท ตลอดเวลาที่มาพักกับน้องสาวก็พยายามช่วยเหลือตนเองและน้องสาวทุกวิถีทาง เพื่อให้ชีวิตทั้งสองอยู่รอด จึงยึดอาชีพที่ตนเคยทำ คือสานเปลไม้ไผ่ขายภายในหมู่บ้านในราคาชิ้นละ100-200บาท(แล้วแต่ขนาด)มีรายได้ประมาณ600-800บาทต่อเดือน
แต่มีข้อแม้ว่าวัสดุไม้ไผ่ลูกค้าต้องหามาให้เพราะตนไม่มีปัญญาจะออกไปหาไม้ไผ่เอง คิดเพียงค่าแรง ส่วนรายได้นอกจากอาชีพสานเปลไม้ไผ่ขายแล้วยังมีรายได้จากเบี้ยคนพิการอีก 500 บาทต่อเดือน “หลายครั้งที่ผมกับน้องสาวต้องขอข้าวจากเพื่อนบ้านประทังความหิว เพราะรายได้ไม่แน่นอน และหลายครั้งต้องอดมื้อไว้กินมื้อ” นายบรรเทาเล่า และยืนยันว่าแม้สภาพความเป็นอยู่จะทุกข์ยากก็ไม่เคยคิดท้อแท้ พยายามปฏิบัติธรรม ถือศีลภาวนา นุ่งขาวห่มขาวเพื่อกล่อมจิตใจให้สงบไม่ฟุ้งซ่าน หรือคิดสั้น เชื่อว่ายังมีคนอีกจำนวนมากที่เขายังทุกข์ยากกว่านี้
สำหรับผู้ที่มีจิตเมตตากุศลสงเคราะห์ครอบครัวนายบรรเทา แก้ววรรณา ช่วยเหลือเครื่องอุปโภค บริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง หรือโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารออมสิน สาขาบ้านม่วง เลขที่บัญชี 020047251390 ชื่อนายเขียน สีสาพันธ์ (ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5) หรือโทร. 08-1048-1557
ขอบคุณ... http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000107609 (ขนาดไฟล์: 166)
ASTVผู้จัดการออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 28 ส.ค.56
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
นายบรรเทา แก้ววรรณา อายุ 56 ปี ตาบอดทั้งสองข้างอาศัยกับน้องสาวโรคประสาท สกลนคร - รันทด! หนุ่มใหญ่ขายแรงในโรงงานเคราะห์ร้ายถูกตะปูทิ่มตาบอดสนิททั้งสองข้าง กลับบ้านหวังลูกเมียดูแลกลับหอบเสื้อผ้าหนี บากหน้ากลับไปอยู่กับครอบครัวที่บ้านเกิดพบพ่อแม่พี่น้องตายจากเกือบหมด เหลือแต่น้องสาวโรคประสาทกัดฟันสู้ชีวิตสานเปลไม้ไผ่ขายหาเงินซื้อข้าวประทังชีวิตสองพี่น้อง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.สกลนคร พบชายพิการตาบอดสนิทสองข้างถูกภรรยาและลูกทอดทิ้งให้อยู่กับน้องสาว ที่ป่วยเป็นโรคประสาทมานานกว่า 10 ปี หลังจากได้รับอุบัติเหตุตะปูทิ่มตาบอดหนึ่งข้าง ก่อนที่จะลุกลามอีกข้างจนบอดสนิท จึงต้องดิ้นรนเพื่อชีวิตให้อยู่รอด ด้วยการสานเปลไม้ไผ่ขาย มีรายได้เดือนละไม่กี่ร้อยบาทนอกจากเบี้ยคนพิการอีกเดือนละ500บาท จากการลงพื้นที่ทราบว่าหนุ่มใหญ่รายนี้คือ นายบรรเทา แก้ววรรณา อายุ 56 ปี เป็นชาวบ้านดงห้วยเปือย ต.ดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร โดยนายบรรเทาอาศัยอยู่กับน้องสาวที่ป่วยเป็นโรคประสาทภายในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นมรดกของพ่อแม่ทิ้งไว้ให้ สำรวจภายในบ้านไม่พบสิ่งของมีค่า เห็นมีเพียงเสื้อเก่าๆแขวนกับราวผ้า(เชือก)ที่ผูกติดกับฝาผนังบ้านไม่กี่ตัว จากการพูดคุย นายบรรเทาเล่าว่า ตนพิการตาบอดมาตั้งแต่ปี 2543 สาเหตุเกิดจากอุบัติเหตุถูกตะปูทิ่มตาขวาเมื่อครั้งยังทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เจ้าของโรงงานให้ความช่วยเหลือ 100,000 บาทเพื่อเป็นค่ารักษาจากนั้นจึงกลับมารักษาตัวที่บ้านอยู่กับครอบครัวที่จังหวัดร้อยเอ็ด ทั้งนี้ มั่นใจว่าภรรยา ลูกชายและลูกสาวสองคนจะคอยดูแล แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือนภรรยาและลูกทั้งสองกลับขนเสื้อผ้าข้าวของที่พอมี ค่าทิ้งหนีจากไปโดยที่ไม่บอกกล่าว จากนั้นได้พยายามติดต่อญาติพี่น้องบ้านเกิดของตนที่อำเภอบ้านม่วงจ.สกลนครมาช่วยเหลือหรือนำตัวกลับ ทุกวันนี้มีข้าวประทังชีวิตจากงานสานเปลไม้ไผ่ขายเดือนละไม่กี่ร้อยบาทครั้นกลับมาภูมิลำเนาบ้านเกิดพบอีกว่าพ่อแม่พี่น้องที่ร่วมท้องเดียว กันก็เสียชีวิตเกือบหมด คงยังเหลือแต่น้องสาวที่ป่วยด้วยโรคประสาท ตลอดเวลาที่มาพักกับน้องสาวก็พยายามช่วยเหลือตนเองและน้องสาวทุกวิถีทาง เพื่อให้ชีวิตทั้งสองอยู่รอด จึงยึดอาชีพที่ตนเคยทำ คือสานเปลไม้ไผ่ขายภายในหมู่บ้านในราคาชิ้นละ100-200บาท(แล้วแต่ขนาด)มีรายได้ประมาณ600-800บาทต่อเดือน แต่มีข้อแม้ว่าวัสดุไม้ไผ่ลูกค้าต้องหามาให้เพราะตนไม่มีปัญญาจะออกไปหาไม้ไผ่เอง คิดเพียงค่าแรง ส่วนรายได้นอกจากอาชีพสานเปลไม้ไผ่ขายแล้วยังมีรายได้จากเบี้ยคนพิการอีก 500 บาทต่อเดือน “หลายครั้งที่ผมกับน้องสาวต้องขอข้าวจากเพื่อนบ้านประทังความหิว เพราะรายได้ไม่แน่นอน และหลายครั้งต้องอดมื้อไว้กินมื้อ” นายบรรเทาเล่า และยืนยันว่าแม้สภาพความเป็นอยู่จะทุกข์ยากก็ไม่เคยคิดท้อแท้ พยายามปฏิบัติธรรม ถือศีลภาวนา นุ่งขาวห่มขาวเพื่อกล่อมจิตใจให้สงบไม่ฟุ้งซ่าน หรือคิดสั้น เชื่อว่ายังมีคนอีกจำนวนมากที่เขายังทุกข์ยากกว่านี้ สำหรับผู้ที่มีจิตเมตตากุศลสงเคราะห์ครอบครัวนายบรรเทา แก้ววรรณา ช่วยเหลือเครื่องอุปโภค บริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง หรือโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารออมสิน สาขาบ้านม่วง เลขที่บัญชี 020047251390 ชื่อนายเขียน สีสาพันธ์ (ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5) หรือโทร. 08-1048-1557 ขอบคุณ... http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000107609 ASTVผู้จัดการออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 28 ส.ค.56
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)