อดีตครูวัย 45 พิการ เดือดร้อนหนัก ขายที่นา ได้เงิน 1.3 ล้าน โดนแก๊งคอลหลอกดูดเกลี้ยง เหลือติดบัญชี 30 สตางค์
อดีตครูวัย 45 พิการ เดือดร้อนหนัก ขายที่นา ได้เงิน 1.3 ล้าน หวังไว้รักษาตัวเอง โดนแก๊งคอลหลอกดูดเกลี้ยง เหลือติดบัญชี 30 สตางค์
วันที่ 2 ต.ค.66 นายนิพล มั่งมูล อายุ 45 ปี ชาวบ้านหนองปรือ ต.กลันทา อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ อดีตครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่ จ.ของแก่น เข้าไปแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ไชยา สระโสม รองผกก.(หัวหน้าพนักงานสอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์
หลังจากถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้ติดตั้งลิงก์ แล้วดูดเงินในบัญชีไปจำนวน 1,300,000 บาท เหลือเงินติดบัญชีเพียง 30 สตางค์ พนักงานสอบสวน ได้รับเรื่องไว้แล้วทำการตรวจสอบชื่อบัญชีที่รับโอนเงินพบว่าเป็นบัญชีรับโอนของ” นายอุเทน เที่ยงดี ”แต่ปรากฏว่าเงินในบัญชีได้ถูกถ่ายโอนไปเรียบร้อยแล้ว
นายนิพล เล่าว่า ตนรับราชการครูสอนอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อปี 2563 ได้ขี่รถจักรยานยนต์ประสบอุบัติเหตุทำให้ร่างกายพิการ ไม่สามารถสอนหนังสือได้ จึงจำเป็นต้องลาออกมาใช้ชีวิตอยู่บ้านที่จังหวัดบุรีรัมย์
ต่อมาภรรยาที่อยู่ด้วยกันหนีไป เพราะทนอยู่กับคนพิการไม่ได้ ปล่อยให้ตนอยู่กับลูกชายอายุ 20 ปีตามลำพัง แต่ยังมีความหวังว่าอาจจะรักษาตัวหาย แล้วขอเข้ารับราชการคืน
เมื่อประมาณปลายเดือนที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจขายที่นาจำนวน 6 ไร่ ของพ่อที่มีอยู่ ได้เงินมา 1,300,000 บาท ใส่บัญชีตัวเองไว้ แต่เงินที่ขายที่ดินได้ จะต้องเตรียมเอาไปใช้หนี้แทนน้าชายที่เอาที่ดินของตัวเองไปจำนองอีก 1,200,000 บาท ตั้งเป้าหมายจะเอาเงิน 1 แสนที่เหลือไปรักษาตัวเองให้ดีขึ้น
วันนี้ได้มีโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีความประสงค์จะคืนเงินค่ามิเตอร์ให้เดือนละ 800 บาท ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ตนไม่สะดวกที่จะเข้าแอพพ์ของการไฟฟ้าเพราะพิการ จึงให้ลูกชายทำรายการต่อ สุดท้ายเงินจำนวน 1.3 ล้านบาท โดนดูดเอาไปทั้งหมด เหลือเงินติดบัญชีที่ปรากฏ 30 สตางค์เท่านั้น สุดท้ายที่ดินของตัวเองที่น้าชายยืมไปยังคงติดเหมือนเดิม
นายนิพล เล่าด้วยว่า ที่ผ่านมาตนพอรู้บ้างเรื่องมิจฉาชีพ แต่ถ้ามาแบบนี้บางครั้งไม่ได้ตั้งใจจะให้โดนหลอก ประกอบกับสภาพร่างกายของตนไม่พร้อมที่จะตั้งสติ จึงถูกกระทำแบบนี้ ตอนนี้อยากจะให้ตำรวจเร่งติดตามหาตัวการมาดำเนินคดีโดยเร็ว กลุ่มนี้สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะคนไทยด้วยกันที่หลอกกันเอง