เปิดตัว บ้านแสนอยู่ดี นวัตกรรมบ้านราคาประหยัดสำหรับผู้สูงอายุ-ผู้พิการ
"มธ.คิดค้น 'บ้านแสนอยู่ดี' บ้านสำเร็จรูปราคาถูกสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ สร้างได้ใน 1 วัน! มี 3 ขนาด ราคาเริ่ม 1.2-2.3 แสนบาท พร้อมฟีเจอร์อำนวยความสะดวกครบครัน ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต อปท.กว่า 30 แห่งนำไปใช้แล้ว"
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดตัว "บ้านแสนอยู่ดี" นวัตกรรมการออกแบบที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการทางการเคลื่อนไหว ภายใต้แนวคิดอารยสถาปัตย์หรือการออกแบบเพื่อคนทั้งมวล (Universal Design) ผลงานของ รศ.ดร.ชุมเขต แสวงเจริญ อาจารย์จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มธ. ที่ได้รับการสนับสนุนทุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
รศ.ดร.ชุมเขต อธิบายว่า เราทำการค้นคว้าหาข้อมูลจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นบ้านผู้สุงอายุในชนบท บ้านผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย บ้านผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง หรือรูปแบบการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุตามพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งทางธรรมศาสตร์เองก็ได้ทำโครงการเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามชุมชนต่างๆ อยู่เสมอกว่า 15 ปี ผ่านการปรับสภาพแวดล้อมของบ้าน และที่อยู่อาศัย อันเป็นเงื่อนไขสำคัญของความสำเร็จในงานออกแบบชิ้นนี้
บนกองข้อมูลมหาศาลถูกร่อนผ่านตะแกรงทางความคิดอย่างเข้มข้น พร้อมยึดหลักแนวคิดอารยสถาปัตย์ หรือ การออกแบบเพื่อคนทั้งมวล (Universal Design) จนในที่สุดตกตะกอน และก่อตัวเป็นแบบบ้านสำเร็จรูป (Knockdown House) ที่มีขนาดกระทัดรัด 3 x 6 เมตร แต่สอดคล้องกับพฤติกรรม และเงื่อนไขการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ และผู้พิการ ในราคา 1.2 แสนบาท หรือขนาด S
รวมถึงต่อมายังมีการยกระดับให้มีทั้งขนาด M และ L เพื่อรองรับสำหรับกรณีต้องการที่ขยายพื้นที่ต่อจากโครงสร้างบ้านเดิมด้วย โดยขนาด M จะมีพื้นที่ 6 x 6 เมตร ราคา 1.7 แสนบาท และขนาด L มีพื้นที่ 9 x 6 เมตร ราคา 2.3 แสนบาท มากไปกว่านั้นยังได้รับการจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้วด้วย
“จุดเด่นของงานออกแบบของเราอีกอย่างหนึ่งคือสามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริง และราคาไม่แพง ซึ่งเป็นสิ่งที่คนกลุ่มนี้สามารถจ่ายได้ (Affordable) รวมถึงทั้งหมดเหล่านี้มาจากฐานของงานวิจัยที่สนับสนุนว่าสามารถใช้งานได้จริง” รศ.ดร.ชุมเขต ชี้ให้เห็นสิ่งสำคัญของผลงานชิ้นนี้
สำหรับความแตกต่างของบ้านแสนอยู่ดี กับบ้านทั่วไป อธิบายให้เข้าใจง่าย คือ โดยปกติงานออกแบบบ้านทั่วไปมักจะตัด หรือนำเอาพื้นที่สำหรับการใช้งานของผู้สูงอายุ หรือผู้พิการออกเป็นอย่างแรก ตัวอย่างเช่น การมีบันไดแต่ไม่มีทางลาด ที่แม้จะดูเป็นจุดเล็กน้อยในมุมมองของคนปกติ แต่นั่นเป็นการ ‘ตัดขาดโลกภายนอก’ ออกจากผู้สูงอายุ และผู้พิการที่ต้องนั่งรถเข็นวีลแชร์ เนื่องจากการเดินทางจากพื้นที่หนึ่งไปสู่อีกพื้นที่หนึ่งมีความยากลำบาก จนบางคนไม่สามารถพาตัวเองผ่านแต่ละส่วนของบ้านไปได้
ขณะที่บ้านแสนอยู่ดีจะผสานสิ่งที่จะอำนวยความสะดวกในการใช้งานสำหรับคนกลุ่มนี้เข้ากับบ้าน โดยไม่ให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นส่วนเกิน เช่น ทางลาดคู่กับบันได ราวจับเพื่อการเคลื่อนไหว ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้สามารถนำบางส่วนจากแบบของบ้านแสนอยู่ดีไปปรับใช้ผ่านการต่อเติมเพิ่มจากบ้านทั่วไปได้ด้วย เพราะการมีรูปแบบของโครงสร้างบ้านที่ชัดเจนของบ้านแสนอยู่ดี ทำให้งานออกแบบชิ้นนี้รองรับวัสดุการใช้งานได้นานารูปแบบตามแต่ละพื้นที่ที่จะนำไปใช้ เช่น ไม้ ปูน เหล็ก ฯลฯ
“Pain point อย่างหนึ่งของผู้ที่มีรายได้น้อยก็คือเวลาปรับปรุง หรือซ่อมบ้าน เขาจะไม่มีที่อยู่อาศัยสำรอง บางคนต้องไปอยู่กับญาติ หรือบางคนคือศาลาวัด เราจึงต้องทำเป็นบ้านน็อคดาวน์ โดยถ้าที่ไหนมีความต้องการเราสามารถเนรมิตบ้านใหม่ให้เขาได้เลยในวันเดียว เพราะเราจะสร้างด้วยมาตรฐานของเราและส่งไปให้ได้เลย และหากผู้อยู่อาศัยไม่มีโฉนดที่ดิน และมีการเสียชีวิตลง ก็สามารถส่งต่อบ้านหลังนั้นให้ผู้ที่มีความจำเป็นต่อได้ด้วย ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตาม” อาจารย์ชุมเขต กล่าวเสริม
สิ่งเหล่านั้นทำให้ตอนนี้มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กว่า 30 แห่งแล้วที่นำบ้านแสนอยู่ดีในรูปแบบบ้านน็อคดาวน์ไปใช้ อย่างพื้นที่ใกล้เคียงธรรมศาสตร์ เช่น เทศบาลนครรังสิต เทศบาลเมืองท่าโขลง ฯลฯ
“ส่วนตัวแบบบ้านแสนอยู่ดีก็มีการนำไปปรับใช้แล้วทั่วประเทศ โดยเป็นการเปลี่ยนเป็นไม้ หรือเป็นโครงสร้างอื่นๆ ที่ช่างชุมชนสามารถทำได้ เพราะเรามีการถ่ายทอดองค์ความรู้ของนวัตกรรมให้กับช่างชุมชนด้วยครบวงจรของการทำบ้าน” อาจารย์ชุมเขต อธิบายเพิ่มเติม
นอกจากนี้ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว รวมถึงกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ยังมีการนำไปใช้ปรับบ้านให้ผู้ที่มีความจำเป็นอีกด้วย เพราะไม่ใช่แค่ผู้สูงอายุ และผู้พิการทางการเคลื่อนไหวที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม แต่ยังมีกลุ่มอื่นๆ อย่างหญิงตั้งครรภ์ และเด็ก ซึ่งหากประสบอุบัติเหตุแล้วจะกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว
อีกทั้งล่าสุดยังได้มีการนำบ้านแสนอยู่ดีไปขับเคลื่อนนโยบาย 4 หมื่นบาทซ่อมบ้านให้พอ ของกรมกิจการผู้สูงอายุ และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณชีวิตคนพิการ พม. ด้วย โดยมีการทำข้อมูลต้นทุน และเงินเฟ้อไปเสนอแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งถ้าได้เดินหน้าต่อ บ้านแสนอยู่ดีก็จะถูกนำไปขยายผลเพื่อช่วยประชาชนได้อย่างมาก
“เราพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐทุกแห่ง รวมถึงผู้ประกอบการเอกชนด้วย เพื่อให้บ้านแสนอยู่ดีสามารถขยายผลให้เกิดประโยชน์กับผู้สูงอายุ ผู้พิการที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว และประชาชนที่มีความจำเป็นกลุ่มอื่นในประเทศได้มากขึ้น” รศ.ดร.ชุมเขต กล่าว
ขอบคุณ... https://www.thansettakij.com/health/wellbeing/608778