Blind Experience เรียนรู้โลกของผู้พิการทางสายตา
เมื่อโลกมืดมิด มองไม่เห็น เราจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร เป็นคำถามที่หลายคนอาจจะจินตนาการไม่ออก แต่สำหรับผู้พิการทางสายตาแต่กำเนิดที่ต้องเรียนรู้การใช้ชีวิตท่ามกลางความมืดที่มองไม่เห็น เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข ในสังคมที่บางครั้งก็ยังไม่ได้เอื้ออำนวยสำหรับกลุ่มผู้พิการมากนัก
ในงาน SUSTAINABILITY EXPO 2023 (SX2023) มหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 กันยายน – 8 ตุลาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นอกจากมุมมองความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมแล้ว ยังให้ความใส่ใจกับเรื่องของกลุ่มคนเปราะบางในสังคม หนึ่งในนั้นคือ กลุ่มผู้พิการทางสายตา ที่อยากจะฝากบอกคนในสังคมให้รับรู้ว่า เขามีตัวตน ต้องการความเข้าใจและการให้โอกาส กิจกรรม Blind Experience จึงจัดขึ้นภายในงาน SUSTAINABILITY EXPO 2023 เพื่อให้คนตาดีได้มาเรียนรู้โลกของผู้พิการทางสายตาเพื่อสร้างสังคมเท่าเทียม อาทิ กิจกรรม Nice to see you Mini Workshop โดยเป็นการทำความรู้จักกันผ่านโลกของผู้พิการทางสายตา ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมปิดตา และสัมผัสกระดาษที่มีการวาดรูปบนผ้าสักหลาด ที่จะทำให้ภาพวาดนั้นมีความนูนขึ้นมาเป็นรูปร่างตามที่ผู้วาดต้องการจะสื่อสาร รวมถึงปิดตา เพื่อฟังเสียงรอบข้าง เพราะเมื่อเรามองไม่เห็น เราจะตั้งใจฟังมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นเสียงจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้พิการทางสายตา และยังมีการสื่อสารเพื่อให้ผู้ที่ปิดตาอยู่ ทราบว่าสีที่เรานำมาวาดภาพนั้น คือสีอะไร และเราจะสื่อสารอย่างไรในเมื่ออีกฝ่ายไม่สามารถมองเห็นได้
หนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรม นายพิริยกร บุญมาหล้า ได้บอกเล่าความรู้สึกภายหลังร่วมกิจกรรมว่า “ตั้งใจมาเข้าร่วมกิจกรรมนี้ เพราะอยากทำความเข้าใจกับผู้พิการทางสายตาให้มากยิ่งขึ้น อยากรู้ว่าเวลาที่เขาพบเจอสิ่งต่างๆ กับคนที่สายตาปกติดีเป็นอย่างไร เมื่อได้เข้าร่วมกิจกรรมแล้ว เราซึ่งเป็นคนปกติที่มองเห็นทุกอย่าง กับคนที่มองไม่เห็น เขาควรได้รับโอกาส อย่างน้อยก็คือการอำนวยความสะดวกการเดินทาง หรือเรื่องเล็กๆน้อยๆสำหรับเรา ที่เราไม่ใส่ใจ ก็ควรจะใส่ใจมากยิ่งขึ้น เพราะตอนที่เราจำลองเป็นผู้พิการทางสายตา รู้สึกลำบากมาก นอกจากมองไม่เห็นแล้ว ก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าภาพที่อยู่ตรงหน้าคืออะไรบ้าง การสัมผัสเพื่อเดาว่าเป็นอะไรก็ยากมาก เราจึงควรซัพพอร์ตเขามากกว่านี้ เพื่อให้เกิดสังคมเท่าเทียมและน่าอยู่มากยิ่งขึ้น”
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม Learning in the dark โดยเป็นการจัดแสดงบนพื้นที่ที่มืดสนิท และจำลองสถานการณ์การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เข้าถึงบรรยากาศต่าง ๆ ผ่านทางประสาทการรับรู้ เช่น เสียง อุณหภูมิ การสัมผัส รส และกลิ่นได้อย่างแท้จริง เรียนรู้เกี่ยวกับประสาทสัมผัสการหยิบจับสิ่งของต่างๆ ใช้จินตนาการและแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากไกด์ผู้พิการทางสายตา การใช้ไม้เท้าและเบลล์บล็อคตามพื้นถนน พร้อมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะด้วยตัวเองในความมืด ปิดท้ายด้วยการเรียนรู้การรับประทานอาหารแบบผู้พิการทางสายตาและวิธีจับอุปกรณ์บนโต๊ะอาหารและใช้ประสาทสัมผัสในการรับรสชาติ รับประกันว่า นิทรรศการ Learning in the dark นี้ จะอยู่ในความทรงจำที่แสนพิเศษสำหรับทุกคนตลอดไป