รายละเอียดกระทู้

สิงห์-ข่าวสดมอบรางวัล\"ครูแดง\"ท่าบ่อที่1\"หัวใจสิงห์\" "สิงห์" มอบรางวัลคนไทยหัวใจสิงห์ ให้"ครูแดง"ชมรมศิลปะเด็กบ้านศิลป์ไทย หนองคายได้อันดับ 1 โครงการที่ค่ายสิงห์ร่วมกับข่าวสดจัดขึ้น เปิดใจดีใจที่สังคมเห็นความดีจะนำเงิน 2 แสนที่ได้ไปสอนศิลปะเด็กๆ ต่อไป ขณะที่รางวัลที่ 2 เป็นของตะวันฉาย เชียงใหม่ มูลนิธิช่วยเหลือผู้ป่วยอัมพฤกษ์-อัมพาต รางวัลที่ 3 น้องไพลินน.ร.ชั้นม.3จากพิษณุโลกลูกกตัญญูดูแลพ่อที่ป่วยช่วยตัวเองไม่ได้ เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 28 ม.ค. ที่สำนักงานหนังสือพิมพ์ข่าวสด นายรวินทร์ ชมพูนุชธานินทร์ ผจก.ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด นายปิยะชาติ มงคลไชยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการเครือมติชน นายชลิต กิติญาณทรัพย์ ผอ.ใหญ่ฝ่ายโฆษณามติชน นายฐากูร บุนปาน บรรณาธิการอำนวยการเครือมติชน น.ส.ปานบัว บุนปาน รองกก.ผจก.สายการตลาดมติชน นายสุริวงค์ เอื้อปฏิภาน บรรณาธิการ น.ส.พ.ข่าวสด และน.ส.ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์ บรรณาธิการ บริหารน.ส.พ.ข่าวสด ร่วมพิธีมอบรางวัล "คนไทยหัวใจสิงห์" โดยมี พ.อ.ธนาธิป สว่างแสงโฆษกกระทรวงกลาโหมหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินผู้ได้รับรางวัลเข้าร่วม นายรวินทร์ กล่าวว่า โครงการ "คนไทยหัวใจสิงห์" เกิดขึ้นเนื่องในวาระครบ 80 ปี การก่อตั้งบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด โดยร่วมกับน.พ.ส.ข่าวสดทำโครงการนี้อย่างเต็มใจ เพื่อให้สังคมได้ทราบว่า ยังมีคนที่พร้อมจะช่วยเหลือดูแลบุคคลอื่น หยิบยื่นความสุขให้กับคนที่เกิดความทุกข์ และหยิบยื่นให้คนที่มีความสุขอยู่แล้วได้มีความสุขมากขึ้น พร้อมกับเป็นกำลังใจให้คนกลุ่มนี้ได้ทำสิ่งที่ดีต่อไป เพื่อให้สังคมมีความน่าอยู่ มีรอยยิ้ม มีการช่วยเหลือพึ่งพากันและเป็นสังคมที่มีความสุขมากยิ่งขึ้น นายปิยะชาติกล่าวว่า โครงการนี้จะทำให้สังคมได้รับรู้ว่า ประเทศเรามีคนจำนวนมากที่ช่วยเหลือดูแลคนในสังคม แต่ไม่ได้รับการสนับสนุน จึงทำให้คนที่ทำความดีเหล่านี้ไม่ได้รับกำลังใจ ซึ่งคนที่ได้รางวัลเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของคนที่ทำความดี แต่ยังมีอีกจำนวนมากที่ทำความดีในเรื่องต่างๆ ดังนั้นเราจะทำโครงการนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนคนดีของประเทศต่อไป สำหรับ ผู้ได้รับรางวัลที่ 1 เป็นเงินสด 200,000 บาท ได้แก่ นายเฉลิมศักดิ์ ธรรมเรืองฤทธิ์ หรือครูแดง จากชมรมศิลปะเด็กบ้านศิลป์ไทย อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ผู้ริเริ่มสอนศิลปะให้บุตรหลานเจ้าหน้าที่ร.พ. สมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ ตั้งแต่ปี 2537 โดยใช้งบฯ ส่วนตัวจัดซื้ออุปกรณ์มาสอน ก่อนจัดตั้งชมรมบ้านทุ่งศิลป์ครูแดงตระเวนสอนศิลปะตามโรงเรียนในชนบท ศูนย์สงเคราะห์เด็ก สถานพินิจ รวมถึงผู้สูงอายุ ผู้ต้องขัง และสามเณร ทั้งในจ.หนองคายและจังหวัดต่างๆ รางวัลที่ 2 เงินสด 100,000 บาท ได้แก่ มูลนิธิตะวันฉาย จ.เชียงใหม่ ก่อตั้งเมื่อปี 2548 โดยมีนายระธี ไชยพรพัฒนา เป็นประธานกรรมการ ดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือผู้สูงอายุที่เจ็บป่วยเรื้อรัง หรือเป็นอัมพฤกษ์และอัมพาต ในอ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พร้อมทำโครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้พิการ ก่อนจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาตนเองสำหรับผู้พิการ สร้างต้นแบบการทำเกษตรธรรมชาติ รวมถึงส่งเสริมการป้องกันความพิการอันเนื่องจากอุบัติเหตุสำหรับเด็กและเยาวชน รางวัลที่ 3 เงินสด 50,000 บาท ได้แก่ น.ส.ไพลิน ศิลา อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นม.3 โรงเรียนวัดยาง (มีมานะวิทยา) จ.พิษณุโลก ลูกกตัญญูที่คอยดูแลพ่อป่วยเป็นอัมพาต ต้องหยุดเรียนเป็นระยะๆ เพื่อให้แม่ออกไปทำงาน เนื่องจากทางบ้านมีฐานะยากจน บ้านมีสภาพเก่า หลังคามุงสังกะสีที่มีรอยรั่วและยังไม่มีฝาบ้าน ต้องนำกระดาษไม้อัดมาปิดบังลมและกันแดด "ครูแดง" จากชมรมศิลปะเด็กบ้านศิลป์ไทย เจ้าของรางวัลที่ 1 เผยความรู้สึกว่า ตอนที่ทราบว่าได้รางวัลรู้สึกดีใจมาก ตนชอบงานด้านศิลปะและร่ำเรียนมา จึงอยากนำความรู้มอบให้กับเด็ก เพื่อให้เด็กมีความสุขกับงานศิลปะ กล้าแสดงออก มีความคิดสร้างสรรค์ และมีสมาธิ หลังจากสอนฟรีให้กับบุตรหลานเจ้าหน้าที่ของร.พ. ก็เปิดสอนศิลปะที่บ้านในวันเสาร์และอาทิตย์ จากนั้นเปิดค่ายนักวาดน้อย รางวัลที่ได้จะไปซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตระเวนสอนตามโรงเรียนในชนบทพร้อมจัดทำโครงการศิลปะอีกหลายโครงการ "โครงการนี้เป็น โครงการที่ดี สนับสนุนให้คนทำดีต่อไป เพื่อให้คนที่ทำความดีได้ภูมิใจที่มีคนให้ความสำคัญ เมื่อผมได้รับรางวัลก็จะนำไปใช้เป็นทุนในการจัดกิจกรรม ด้านศิลปะต่อไป เสมือนได้ส่งต่อความดีไปให้ผู้อื่น"ครูแดงกล่าว ด้านนายระ ธี ผู้ได้รางวัลที่ 2 กล่าวว่า ดีใจและตื่นเต้นที่ได้รางวัล ตอนแรกไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ เพียงแต่อยากเผยแพร่และประชาสัมพันธ์สิ่งที่ทำอยู่ให้สังคมได้ทราบ ตนเคยเป็นนักสังคมสงเคราะห์ แต่ทำไปสักพักเริ่มเบื่อกับระบบราชการและเอกชน จึงร่วมกับเพื่อนอีก 3 คน ตั้งมูลนิธิขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือคนที่ได้รับความลำบาก แต่การทำมูลนิธิไม่ใช่เรื่องง่าย หากไม่ได้รับความเชื่อถือก็จะไม่มีทุน จึงเริ่มศึกษาการทำเกษตรธรรมชาติ และให้คนพิการได้พัฒนาตนเอง "ผมคาดหวังว่ามูลนิธินี้จะอยู่ อย่างยั่งยืนตามเจตนารมณ์ การได้รับรางวัลเป็นสิ่งที่จะทำให้สังคมเชื่อถือมากขึ้นและให้การสนับ สนุน เพื่อให้เราสามารถทำงานเพื่อสังคมต่อไปได้ โครงการนี้ดีต่อสังคม เพราะทำให้สังคมทราบว่ายังมีคนดีอีกมากมาย แล้วยังดีต่อองค์กรที่ทำงานช่วยเหลือสังคม ซึ่งจะได้เปิดเผยข้อมูลให้คนในสังคมที่ต้องการสนับสนุนได้รับทราบผมอยากให้โครงการนี้มีต่อไปเรื่อยๆ"นายระธีกล่าว ส่วนน้อง ไพลิน ที่ได้รางวัลที่ 3 กล่าวว่า ตอนแรกที่ทราบข่าวว่าได้รับรางวัลรู้สึกดีใจมาก ทางครอบครัวและเพื่อนก็ร่วมแสดงความยินดี การดูแลพ่อที่ป่วยนั้น ตนไม่ได้รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เรียนอย่างเต็มที่ แต่กลัวจะเรียนไม่ทันเพื่อนมากกว่า หากมีโอกาสได้เรียนก็จะตั้งใจเรียน ในอนาคตอยากเป็นพยาบาล เพราะอยากนำความรู้ที่ได้มาดูแลพ่อ อยากฝากถึงเพื่อนทุกคนว่า ตอนนี้ยังมีพ่อแม่ให้ดูแล อย่าละเลยท่าน ท่านเป็นผู้ให้กำเนิดเรา เราควรทดแทนบุญคุณท่านให้ถึง ที่สุด ขอบคุณ http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU1EazFPVGt6T0E9PQ==%C2%A7ionid= (ข่าวสดออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 29 ม.ค.57)