มนุษย์จอมพลังพันธุ์ใหม่"ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" อาสาลบรอยบาดหมางในใจคนไทย!!
ท่ามกลางความแตกแยกอย่างหนักของคนไทย ในยามที่บ้านเมืองต้องการ “ซุปเปอร์ฮีโร่ตัวจริง” มาช่วยกอบกู้ประเทศชาติให้กลับมางดงามน่าอยู่ การปรากฏกายของ “รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ซึ่งกลายเป็นกระแสฟีเวอร์ไปทั่วโลกออนไลน์ ได้จุดประกายความหวังให้สังคมไทยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โดยแฟนๆต่างลุ้นให้ “มนุษย์จอมพลังพันธุ์ใหม่” ปล่อยแสงว้าบได้จริงๆเพื่อให้คนไทยทั้งประเทศลืมความบาดหมางใจ แล้วกลับมากอดคอสามัคคีกันซะที!!
ต้นตอของกระแส “รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” เกิดขึ้นหลังมีการกระหน่ำแชร์ภาพ “รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” เจ้ากระทรวงคมนาคม ขณะใส่ชุดออกกำลังกายขาสั้นแขนกุดสีดำเดินเท้าเปล่าถือถุงกับข้าวใส่บาตรใน วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ เมื่อ 2 เดือนก่อน โดยชาวเน็ตนำภาพไปตัดต่อล้อเลียนแนวหยิกแกมหยอกอย่างคึกคักสนุกสนาน แถมมีคนคิดเกมให้โหลด, ทำมิวสิกวีดิโอ, สร้างคอสเพลย์ และทำโมเดลการ์ตูน จนกลายเป็นที่ฮิตฮอตไปทั่วโลกออนไลน์
เซอร์ไพรส์ไหมคะ จากรัฐมนตรีโลกลืม และรัฐมนตรีโหนรถเมล์กลายมาเป็นรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี - รู้สึก งง!! (หัวเราะ) ผมว่ามันเป็นจินตนาการนะ ไม่ใช่ตัวเราร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก ตอนเป็นรัฐมนตรีช่วยคมนาคม เมื่อต้นปี 2555 ผมเป็นแค่รัฐมนตรีโลกลืม แต่พอทำเฟซบุ๊กส่วนตัว ช่วงกลางปี 2555 และขึ้นเป็นรัฐมนตรีคมนาคม ต้องไปพูดเรื่องโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง 2 ล้านล้านบาท ทำให้เป็นที่รู้จักกว้างขึ้น แต่หลังจากมีกระแสรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ยอดไลค์ในเฟซบุ๊กก็เพิ่มขึ้นเป็น 5 แสนกว่าไลค์ ยอมรับว่าเซอร์ไพรส์มาก!! เพราะคนกลุ่มนี้เป็นพลังบริสุทธิ์ของคนรุ่นใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองเลย เฟซบุ๊กทำให้คนเข้าใจความคิดของเรามากขึ้น และคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กยังมีประโยชน์ สามารถนำไปแก้ไขปรับปรุงการทำงานทันที
สมมติว่าเป็นซุปเปอร์ฮีโร่จริงๆ อยากมีพลังวิเศษอะไร -อยาก ให้คนไทยเลิกทะเลาะกัน!! ผมจะปล่อยพลังแสงว้าบเหมือนในหนัง Men in Black ให้คนไทยลืมความขัดแย้ง ทั้งหมด แล้วกลับมารักกัน!! ไม่ต้องเห็นเหมือนกัน แต่ขอให้หันหน้าคุยกัน ค่อยๆหาทางออกด้วยกัน
เคยฝันอยากนั่งเก้าอี้นายกฯ หรือเป็นรัฐมนตรีไหม - ไม่ เคยคิดฝันเลย!! ชีวิตนี้อยากเป็นข้าราชการ เพราะเติบโตมาในครอบครัวข้าราชการ หลังเรียนจบปริญญาโท สาขาวิศวกรรมโครงสร้างจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเสตต์ และปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ฯ ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยทุนอานันทมหิดล ผมก็กลับมาเป็นอาจารย์ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และทำงานเป็นนักวิชาการมาตลอด เคยมีโอกาสเป็นที่ปรึกษาในกระทรวงคมนาคม แต่ไม่เคยรับตำแหน่งทางการเมือง
จริงไหมคะ คุณแม่ไม่อยากให้เล่นการเมือง - ตอนบอก แม่ว่า นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชวนให้เป็นรัฐมนตรีช่วยคมนาคม คุณแม่ร้องไห้เลย และห้ามไม่ให้เป็น!! แต่เมื่อผมตัดสินใจรับตำแหน่ง คุณแม่ก็ ไม่เคยพูดให้เสียกำลังใจ แถมเตือนพี่ชายคู่แฝด (รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ รอง ผอ.โรงพยาบาลจุฬาฯ ฝ่ายสนับสนุนบริการ) ทำอะไรก็เห็นใจน้องบ้าง อย่าแสดงความเห็นการเมืองมากนัก
ยอมขัดใจแม่ขนาดนี้ แสดงว่าเก้าอี้รัฐมนตรีต้องมีแรงดึงดูดสูง - ผม ไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งแต่มองว่าเป็นโอกาสที่จะทำงาน ให้ประเทศชาติ ถ้าเราปฏิเสธไป แล้วจะพูดได้ยังไงว่าการเมืองไม่ดี เมื่อมีโอกาสตอบแทนคุณแผ่นดินผมก็อยากใช้ความรู้ความสามารถให้เป็นประโยชน์ กับประเทศ
ทำยังไงไม่ให้ถูกกลืนไปกับวัฒนธรรมน้ำเน่าของการเมืองไทย - ผม ยังอ่อนหัดทางการเมืองมาก แต่ตั้งใจไว้แล้วว่า จะก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเดียว ไม่อยากสนใจความขัดแย้งทางการเมือง ผมเชื่อว่าคนเราต้องมีจุดยืนที่มั่นคง และรู้จริงในสิ่งที่ทำ อะไรก็มาเปลี่ยนเราไม่ได้
เป็นรัฐมนตรีมา 2 ปี เศษ เห็นทางแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ หรือยัง - ผม ว่าต้องแก้ 2 สเต็ป คือ ขั้นแรกปรับปรุงรถเมล์ให้ดีก่อน คนจะได้ลดการใช้รถ รถเมล์ทำได้เร็ว ไม่ต้องลงทุนเยอะ และเข้าถึงคนจำนวนมาก ขั้นต่อไปควบคุมเรื่องปริมาณรถบนท้องถนน
พร้อมไหม ถ้าวันหนึ่งถูกจับโยกไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงอื่น ที่ไม่ใช่งานถนัด - ไม่ พร้อม!! ผมยืนยันว่า ไม่ได้มาเพราะอยากได้ตำแหน่ง แต่เรามาทำตรงนี้เพราะทำประโยชน์ให้ประเทศได้ ถ้าวันหนึ่งไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ก็สามารถทำตรงอื่นที่ช่วยประเทศชาติได้ ขอแค่ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
คิดอาสารับใช้ชาวกรุงเทพฯ ไหม ในฐานะผู้ว่าฯ กทม.คนต่อไป - เป็นเรื่องของอนาคต แต่กรุงเทพมหานครก็เป็นอะไรที่ท้าทายความสามารถ มีอะไรให้ทำเยอะ
คุยเรื่องหนักๆมาเยอะ ขอมุมส่วนตัวบ้าง “รมว.ชัชชาติ” โตมาแบบไหน - คุณพ่อเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (พลตำรวจเอก เสน่ห์ สิทธิพันธุ์) เสียชีวิตเมื่อ 14 ปีก่อน ส่วนคุณแม่ทำงานโรงงานยาสูบ คุณตาก็เป็นข้าราชการ ผมโตมาในครอบครัวข้าราชการ สมัยเด็กคุณพ่อไม่ค่อยมีเวลา ส่วนคุณแม่เข้มงวดมากตีกระฉูดเลย พ่อแม่ให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษา สิ่งเหล่านี้ปลูกฝังให้ลูกขยันเรียนและมีระเบียบวินัย ผมหัวไม่ค่อยดี แต่อาศัยความขยัน อ่านหนังสือทุกวัน ที่จริงคุณพ่ออยากให้คู่แฝดเรียนหมอ แต่ไอ้แฝดทั้งคู่อยากเป็นวิศวะ พ่อเลยขอให้พี่ชายเรียนหมอ จะได้มีคนดูแลพ่อแม่ยามแก่ ส่วนผมเรียนวิศวะโยธาจุฬาฯ
เป็นพี่น้องคู่แฝดที่นิสัยเหมือนกัน หรือแตกต่างกันคนละขั้ว –
ชัชชาติ : พี่ชายเกิดก่อนผม 2 นาที เขามีนิสัยสุขุม เรียบร้อยกว่าผม แต่ตอนเด็กๆก็คล้ายกัน ไม่ค่อยทะเลาะกันหรอก คุณพ่อ คุณแม่ไปเที่ยวฮันนีมูนรอบโลก และตั้งท้อง เลยตั้งชื่อแฝดพี่ว่า “ทัวร์” และแฝดน้องว่า “ทริป”
ฉันชาย : ก็คงมีบางอย่างคล้ายกัน บางครั้งคิดอะไรเหมือนกันจนแปลกใจ ล่าสุด “ชัชชาติ” แนะนำหนังสือในเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นเล่มเดียวกับที่ผมเพิ่งซื้อมาแต่ประเภทสื่อความรู้สึกถึงกันได้แบบ คู่แฝด ยังไม่เคยเป็น
ไข่ใบเดียวกันยังคิดต่าง...แต่ไม่แตกแยกจุดยืนการเมืองที่แตกต่างกันทำให้พี่น้องบาดหมางใจบ้างไหม
ชัชชาติ: ผมกับพี่ชายเกิดจากไข่ใบเดียวกัน ยังคิดต่างกันเลย แต่เราไม่ทะเลาะกันนะ ยังรักกันดีอยู่ ผมว่าของแบบนี้มันเปลี่ยนความคิดกันยากและไม่มีประโยชน์ที่จะเปลี่ยนความคิด คนอื่น เพราะการจะคิดอะไรต้องมาจากตัวเอง พี่ผมอาจคิดถูกก็ได้ในระยะยาว เราอาจจะต้องเป็นคนเปลี่ยนความคิดในอนาคตก็ได้
ฉันชาย : ไม่ทะเลาะกันหรอกครับ เคารพในความคิดความเชื่อของกัน และกัน อาจมีแปลกใจบ้างที่ทำไมคิดอย่างนั้น แต่ก็มั่นใจว่าแต่ละคนพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม
เห็นแข็งแกร่งแบบนี้ “รมว.ชัชชาติ” มีจุดอ่อนอะไรไหมคะ
ฉันชาย : “ชัชชาติ” มีจุดอ่อนเหมือนซุปเปอร์แมน คือแพ้ปู (อาหาร) กับกุ้งครับ ทานเมื่อไหร่มีอาการแพ้รุนแรง เขาเกือบเสียชีวิตมาสองครั้งแล้ว จำได้ว่าตอนเด็กๆไปทานอาหารจีน มีขนมจีบกุ้ง “ชัชชาติ” ทานเข้าไป หน้าบวมและหายใจไม่ออก พาส่งโรงพยาบาลเกือบไม่ทัน
อยากแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ต้องมีเคล็ดลับดีอย่างไร - ผม ตื่นนอนตีสามครึ่ง ออกจากบ้านตีสี่ยี่สิบ ขับรถไปวิ่งที่สวนลุม หรือโปโลคลับ แล้วแวะไปตักบาตร ก่อนเข้ากระทรวงไม่เกิน 6 โมง 45 ผมว่าช่วงก่อน 9 โมงเช้า เป็นเวลาที่ดีมากในการคิดงาน จากนั้นก็ประชุมยาวทั้งวัน ช่วงเย็นผมต้องกลับบ้านทาน ข้าวกับครอบครัว และสอนการบ้านลูกชาย (แสนปิติ) ผม จะเข้านอนพร้อมลูก ไม่เกิน 3-4 ทุ่ม ทุกวันนี้ผมพยายามดูแล ตัวเองให้แข็งแรงที่สุด ก็เพราะเป็นห่วงลูกชายมาก ไม่อยากเป็น ภาระของลูก เขาหูหนวกตั้งแต่กำเนิด ผมพาลูกไปหาหมอตอนอายุขวบเศษ และช็อกเลย เพราะหมอบอกว่าลูกหูหนวก!! ตอนนั้นผมอุ้มลูกไปอยู่หน้ากระดูกคุณพ่อขอให้ท่านช่วย และตระเวนไหว้พระหลายแห่ง แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครช่วยได้ ผมเลยหาข้อมูลวิจัยทั่วโลกเกี่ยวกับคนหูหนวก จนพบว่ามีการผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม โดยหมอเก่งที่สุดในโลกอยู่ที่ออสเตรเลีย ผมตัดสินใจสอบทุนไปทำวิจัยที่ออสเตรเลีย เพื่อพาลูกไปผ่าตัด ตอนนั้นลูกชายอายุ 2 ขวบกว่า หลังผ่าตัดผมต้องต่อสู้กับลูกอยู่ปีกว่า จนสามารถฝึกให้เขาพูดได้เหมือนเด็กปกติ ถือเป็นการฝึกความแข็งแกร่งของชีวิต!! สมัยก่อนไหว้พระขอพรให้ลูกพูดได้ แต่ทุกวันนี้ต้องขอให้หยุดพูด (หัวเราะ) เขาอายุ 14 ปีแล้ว เรียนโรงเรียนอินเตอร์ฯกับเด็กปกติ เรียนหนังสือไม่เก่งหรอก แต่ภาษาอังกฤษดีมาก ชอบพวกเทคโนโลยี ชอบเขียนหนังสือ เขียนบทละคร และอยากกำกับหนัง
กระแส “ชัชชาติ ฟีเวอร์” ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ต้องจับตามองของสังคมไทย!!
ขอบคุณ... http://www.thairath.co.th/content/life/403772 (ขนาดไฟล์: 167)
( ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 15 ก.พ.57 )
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ท่ามกลางความแตกแยกอย่างหนักของคนไทย ในยามที่บ้านเมืองต้องการ “ซุปเปอร์ฮีโร่ตัวจริง” มาช่วยกอบกู้ประเทศชาติให้กลับมางดงามน่าอยู่ การปรากฏกายของ “รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ซึ่งกลายเป็นกระแสฟีเวอร์ไปทั่วโลกออนไลน์ ได้จุดประกายความหวังให้สังคมไทยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โดยแฟนๆต่างลุ้นให้ “มนุษย์จอมพลังพันธุ์ใหม่” ปล่อยแสงว้าบได้จริงๆเพื่อให้คนไทยทั้งประเทศลืมความบาดหมางใจ แล้วกลับมากอดคอสามัคคีกันซะที!! ต้นตอของกระแส “รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” เกิดขึ้นหลังมีการกระหน่ำแชร์ภาพ “รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” เจ้ากระทรวงคมนาคม ขณะใส่ชุดออกกำลังกายขาสั้นแขนกุดสีดำเดินเท้าเปล่าถือถุงกับข้าวใส่บาตรใน วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ เมื่อ 2 เดือนก่อน โดยชาวเน็ตนำภาพไปตัดต่อล้อเลียนแนวหยิกแกมหยอกอย่างคึกคักสนุกสนาน แถมมีคนคิดเกมให้โหลด, ทำมิวสิกวีดิโอ, สร้างคอสเพลย์ และทำโมเดลการ์ตูน จนกลายเป็นที่ฮิตฮอตไปทั่วโลกออนไลน์ เซอร์ไพรส์ไหมคะ จากรัฐมนตรีโลกลืม และรัฐมนตรีโหนรถเมล์กลายมาเป็นรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี - รู้สึก งง!! (หัวเราะ) ผมว่ามันเป็นจินตนาการนะ ไม่ใช่ตัวเราร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก ตอนเป็นรัฐมนตรีช่วยคมนาคม เมื่อต้นปี 2555 ผมเป็นแค่รัฐมนตรีโลกลืม แต่พอทำเฟซบุ๊กส่วนตัว ช่วงกลางปี 2555 และขึ้นเป็นรัฐมนตรีคมนาคม ต้องไปพูดเรื่องโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง 2 ล้านล้านบาท ทำให้เป็นที่รู้จักกว้างขึ้น แต่หลังจากมีกระแสรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ยอดไลค์ในเฟซบุ๊กก็เพิ่มขึ้นเป็น 5 แสนกว่าไลค์ ยอมรับว่าเซอร์ไพรส์มาก!! เพราะคนกลุ่มนี้เป็นพลังบริสุทธิ์ของคนรุ่นใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองเลย เฟซบุ๊กทำให้คนเข้าใจความคิดของเรามากขึ้น และคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กยังมีประโยชน์ สามารถนำไปแก้ไขปรับปรุงการทำงานทันที ภาพตัดต่อ ล้อเลียนรศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ สมมติว่าเป็นซุปเปอร์ฮีโร่จริงๆ อยากมีพลังวิเศษอะไร -อยาก ให้คนไทยเลิกทะเลาะกัน!! ผมจะปล่อยพลังแสงว้าบเหมือนในหนัง Men in Black ให้คนไทยลืมความขัดแย้ง ทั้งหมด แล้วกลับมารักกัน!! ไม่ต้องเห็นเหมือนกัน แต่ขอให้หันหน้าคุยกัน ค่อยๆหาทางออกด้วยกัน เคยฝันอยากนั่งเก้าอี้นายกฯ หรือเป็นรัฐมนตรีไหม - ไม่ เคยคิดฝันเลย!! ชีวิตนี้อยากเป็นข้าราชการ เพราะเติบโตมาในครอบครัวข้าราชการ หลังเรียนจบปริญญาโท สาขาวิศวกรรมโครงสร้างจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเสตต์ และปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ฯ ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยทุนอานันทมหิดล ผมก็กลับมาเป็นอาจารย์ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และทำงานเป็นนักวิชาการมาตลอด เคยมีโอกาสเป็นที่ปรึกษาในกระทรวงคมนาคม แต่ไม่เคยรับตำแหน่งทางการเมือง ภาพตัดต่อ ล้อเลียนรศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จริงไหมคะ คุณแม่ไม่อยากให้เล่นการเมือง - ตอนบอก แม่ว่า นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชวนให้เป็นรัฐมนตรีช่วยคมนาคม คุณแม่ร้องไห้เลย และห้ามไม่ให้เป็น!! แต่เมื่อผมตัดสินใจรับตำแหน่ง คุณแม่ก็ ไม่เคยพูดให้เสียกำลังใจ แถมเตือนพี่ชายคู่แฝด (รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ รอง ผอ.โรงพยาบาลจุฬาฯ ฝ่ายสนับสนุนบริการ) ทำอะไรก็เห็นใจน้องบ้าง อย่าแสดงความเห็นการเมืองมากนัก ยอมขัดใจแม่ขนาดนี้ แสดงว่าเก้าอี้รัฐมนตรีต้องมีแรงดึงดูดสูง - ผม ไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งแต่มองว่าเป็นโอกาสที่จะทำงาน ให้ประเทศชาติ ถ้าเราปฏิเสธไป แล้วจะพูดได้ยังไงว่าการเมืองไม่ดี เมื่อมีโอกาสตอบแทนคุณแผ่นดินผมก็อยากใช้ความรู้ความสามารถให้เป็นประโยชน์ กับประเทศ ภาพตัดต่อ ล้อเลียนรศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ทำยังไงไม่ให้ถูกกลืนไปกับวัฒนธรรมน้ำเน่าของการเมืองไทย - ผม ยังอ่อนหัดทางการเมืองมาก แต่ตั้งใจไว้แล้วว่า จะก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเดียว ไม่อยากสนใจความขัดแย้งทางการเมือง ผมเชื่อว่าคนเราต้องมีจุดยืนที่มั่นคง และรู้จริงในสิ่งที่ทำ อะไรก็มาเปลี่ยนเราไม่ได้ เป็นรัฐมนตรีมา 2 ปี เศษ เห็นทางแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ หรือยัง - ผม ว่าต้องแก้ 2 สเต็ป คือ ขั้นแรกปรับปรุงรถเมล์ให้ดีก่อน คนจะได้ลดการใช้รถ รถเมล์ทำได้เร็ว ไม่ต้องลงทุนเยอะ และเข้าถึงคนจำนวนมาก ขั้นต่อไปควบคุมเรื่องปริมาณรถบนท้องถนน ภาพตัดต่อ ล้อเลียนรศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พร้อมไหม ถ้าวันหนึ่งถูกจับโยกไปเป็นรัฐมนตรีกระทรวงอื่น ที่ไม่ใช่งานถนัด - ไม่ พร้อม!! ผมยืนยันว่า ไม่ได้มาเพราะอยากได้ตำแหน่ง แต่เรามาทำตรงนี้เพราะทำประโยชน์ให้ประเทศได้ ถ้าวันหนึ่งไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ก็สามารถทำตรงอื่นที่ช่วยประเทศชาติได้ ขอแค่ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด คิดอาสารับใช้ชาวกรุงเทพฯ ไหม ในฐานะผู้ว่าฯ กทม.คนต่อไป - เป็นเรื่องของอนาคต แต่กรุงเทพมหานครก็เป็นอะไรที่ท้าทายความสามารถ มีอะไรให้ทำเยอะ อบอุ่นน่ารักสไตล์ครอบครัวสิทธิพันธุ์ คุยเรื่องหนักๆมาเยอะ ขอมุมส่วนตัวบ้าง “รมว.ชัชชาติ” โตมาแบบไหน - คุณพ่อเป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (พลตำรวจเอก เสน่ห์ สิทธิพันธุ์) เสียชีวิตเมื่อ 14 ปีก่อน ส่วนคุณแม่ทำงานโรงงานยาสูบ คุณตาก็เป็นข้าราชการ ผมโตมาในครอบครัวข้าราชการ สมัยเด็กคุณพ่อไม่ค่อยมีเวลา ส่วนคุณแม่เข้มงวดมากตีกระฉูดเลย พ่อแม่ให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษา สิ่งเหล่านี้ปลูกฝังให้ลูกขยันเรียนและมีระเบียบวินัย ผมหัวไม่ค่อยดี แต่อาศัยความขยัน อ่านหนังสือทุกวัน ที่จริงคุณพ่ออยากให้คู่แฝดเรียนหมอ แต่ไอ้แฝดทั้งคู่อยากเป็นวิศวะ พ่อเลยขอให้พี่ชายเรียนหมอ จะได้มีคนดูแลพ่อแม่ยามแก่ ส่วนผมเรียนวิศวะโยธาจุฬาฯ เป็นพี่น้องคู่แฝดที่นิสัยเหมือนกัน หรือแตกต่างกันคนละขั้ว – ชัชชาติ : พี่ชายเกิดก่อนผม 2 นาที เขามีนิสัยสุขุม เรียบร้อยกว่าผม แต่ตอนเด็กๆก็คล้ายกัน ไม่ค่อยทะเลาะกันหรอก คุณพ่อ คุณแม่ไปเที่ยวฮันนีมูนรอบโลก และตั้งท้อง เลยตั้งชื่อแฝดพี่ว่า “ทัวร์” และแฝดน้องว่า “ทริป” ฉันชาย : ก็คงมีบางอย่างคล้ายกัน บางครั้งคิดอะไรเหมือนกันจนแปลกใจ ล่าสุด “ชัชชาติ” แนะนำหนังสือในเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นเล่มเดียวกับที่ผมเพิ่งซื้อมาแต่ประเภทสื่อความรู้สึกถึงกันได้แบบ คู่แฝด ยังไม่เคยเป็น ชัชชาติ - ฉันชาย ไข่ใบเดียวกันยังคิดต่าง...แต่ไม่แตกแยกจุดยืนการเมืองที่แตกต่างกันทำให้พี่น้องบาดหมางใจบ้างไหม ชัชชาติ: ผมกับพี่ชายเกิดจากไข่ใบเดียวกัน ยังคิดต่างกันเลย แต่เราไม่ทะเลาะกันนะ ยังรักกันดีอยู่ ผมว่าของแบบนี้มันเปลี่ยนความคิดกันยากและไม่มีประโยชน์ที่จะเปลี่ยนความคิด คนอื่น เพราะการจะคิดอะไรต้องมาจากตัวเอง พี่ผมอาจคิดถูกก็ได้ในระยะยาว เราอาจจะต้องเป็นคนเปลี่ยนความคิดในอนาคตก็ได้ ฉันชาย : ไม่ทะเลาะกันหรอกครับ เคารพในความคิดความเชื่อของกัน และกัน อาจมีแปลกใจบ้างที่ทำไมคิดอย่างนั้น แต่ก็มั่นใจว่าแต่ละคนพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม ชัชชาติ - ฉันชาย เห็นแข็งแกร่งแบบนี้ “รมว.ชัชชาติ” มีจุดอ่อนอะไรไหมคะ ฉันชาย : “ชัชชาติ” มีจุดอ่อนเหมือนซุปเปอร์แมน คือแพ้ปู (อาหาร) กับกุ้งครับ ทานเมื่อไหร่มีอาการแพ้รุนแรง เขาเกือบเสียชีวิตมาสองครั้งแล้ว จำได้ว่าตอนเด็กๆไปทานอาหารจีน มีขนมจีบกุ้ง “ชัชชาติ” ทานเข้าไป หน้าบวมและหายใจไม่ออก พาส่งโรงพยาบาลเกือบไม่ทัน อยากแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ต้องมีเคล็ดลับดีอย่างไร - ผม ตื่นนอนตีสามครึ่ง ออกจากบ้านตีสี่ยี่สิบ ขับรถไปวิ่งที่สวนลุม หรือโปโลคลับ แล้วแวะไปตักบาตร ก่อนเข้ากระทรวงไม่เกิน 6 โมง 45 ผมว่าช่วงก่อน 9 โมงเช้า เป็นเวลาที่ดีมากในการคิดงาน จากนั้นก็ประชุมยาวทั้งวัน ช่วงเย็นผมต้องกลับบ้านทาน ข้าวกับครอบครัว และสอนการบ้านลูกชาย (แสนปิติ) ผม จะเข้านอนพร้อมลูก ไม่เกิน 3-4 ทุ่ม ทุกวันนี้ผมพยายามดูแล ตัวเองให้แข็งแรงที่สุด ก็เพราะเป็นห่วงลูกชายมาก ไม่อยากเป็น ภาระของลูก เขาหูหนวกตั้งแต่กำเนิด ผมพาลูกไปหาหมอตอนอายุขวบเศษ และช็อกเลย เพราะหมอบอกว่าลูกหูหนวก!! ตอนนั้นผมอุ้มลูกไปอยู่หน้ากระดูกคุณพ่อขอให้ท่านช่วย และตระเวนไหว้พระหลายแห่ง แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครช่วยได้ ผมเลยหาข้อมูลวิจัยทั่วโลกเกี่ยวกับคนหูหนวก จนพบว่ามีการผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม โดยหมอเก่งที่สุดในโลกอยู่ที่ออสเตรเลีย ผมตัดสินใจสอบทุนไปทำวิจัยที่ออสเตรเลีย เพื่อพาลูกไปผ่าตัด ตอนนั้นลูกชายอายุ 2 ขวบกว่า หลังผ่าตัดผมต้องต่อสู้กับลูกอยู่ปีกว่า จนสามารถฝึกให้เขาพูดได้เหมือนเด็กปกติ ถือเป็นการฝึกความแข็งแกร่งของชีวิต!! สมัยก่อนไหว้พระขอพรให้ลูกพูดได้
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)