"ESCAP" มอบรางวัล 3 องค์กรสากล สร้างงานเพื่อผู้พิการอย่างยั่งยืน
การดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้พิการ ถือเป็นโมเดลใหม่ที่ถูกมองข้ามจากหลายองค์กร ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย แต่ถ้าหากมองให้ลึกลงไป คงต้องยอมรับว่าพวกเขาสามารถสร้างศักยภาพให้เกิดขึ้นกับองค์กรได้เช่นเดียว กับคนทั่วไป เพียงแต่ขาดโอกาสในการแสดงออกเท่านั้น
จากผลสำรวจของคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติระบุว่า ปัจจุบันมีจำนวนผู้พิการ 15% ของจำนวนประชากรโลก โดยส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชีย-แปซิฟิกถึง 650 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นตลาดแรงงานที่ใหญ่สำหรับธุรกิจทั่วโลก ผลเช่นนี้จึงทำ ให้หลายองค์กรในต่างประเทศให้ความสำคัญกับผู้พิการ โดยพยายามสร้างโมเดลธุรกิจที่เอื้อต่อผู้พิการจนสามารถทำให้หลายองค์กรเป็นที่ยอมรับในด้านการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงความต้องการผู้พิการ และเพื่อยกย่องแนวคิดขององค์กรที่เอื้อต่อผู้พิการในสังคม คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ (UN ESCAP) จึงร่วมกับมูลนิธินิปปอน (The Nippon Foundation) และศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก (APCD) จึงจัดให้มีการมอบรางวัล "ESCAP-Sasakawa Award" ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยรางวัลนี้ "ดร.โนลีน เฮเซอร์" เลขาธิการคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ บอกว่า เกิดจากการคัดสรรองค์กรที่มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงความต้องการของผู้พิการเป็นหลักสำคัญ "เพราะการที่เราให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้พิการ นอกจากจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเขาให้ดีขึ้น ยังเป็นการช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างรายได้ด้วยตัวเอง เพราะธุรกิจต่าง ๆ สามารถเข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ได้อีกทางหนึ่งอีกด้วย"
สำหรับผู้ชนะรางวัล "ESCAP-Sasakawa" จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ หนึ่ง ประเภทองค์กรหรือธุรกิจระดับนานาชาติที่ดำเนินธุรกิจที่เอื้อต่อผู้พิการ ได้แก่ บริษัทไวโปร องค์กรที่ปรึกษาและให้บริการเอาต์ซอร์ซด้านไอทีจากประเทศอินเดีย มีชื่อเสียงด้านการสร้างค่านิยมองค์กร และความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนด้วยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เงินทุน และความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ภายใต้กรอบการดำเนินธุรกิจในการจ้างงานผู้พิการอย่างชัดเจน ซึ่ง "ไอแซค จอร์จ" รองประธานฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัทไวโปร บอกว่า นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งของโมเดลการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนขององค์กร
"โดยให้การสนับสนุนทั้งพนักงานที่มีความพิการอยู่แล้ว และเกิดความพิการระหว่างการทำงาน ปัจจุบันเรามีพนักงานผู้พิการทั้งสิ้น 450 คน คิดเป็น 3% ของพนักงานทั้งหมด ดังนั้น เราจะต้องพัฒนากรอบการทำงานเป็นระยะ ๆ เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมในที่ทำงานให้เอื้อต่อพนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน"
สอง ประเภทองค์กรหรือธุรกิจระดับประเทศที่ดำเนินธุรกิจที่เอื้อต่อผู้พิการ ได้แก่ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สิงคโปร์ ออร์ชาร์ด ซิตี้ เซ็นเตอร์ เป็นโรงแรมในเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ล กรุ๊ป ซึ่งออกแบบโมเดลการดำเนินธุรกิจในการจ้างงานผู้พิการมาตั้งแต่ปี 2529
สำหรับการดำเนินการในด้านการพัฒนา "จักดีพ ธาคราล" ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สิงคโปร์ ออร์ชาร์ด ซิตี้ เซ็นเตอร์ บอกว่า องค์กรจะเน้นการพัฒนา และฝึกนักเรียนพิการให้พร้อมทำงานในอุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยว
"ในแผนกและส่วนต่าง ๆ เช่น ส่วนงานต้อนรับ, แผนกครัว, ศูนย์ธุรกิจ, ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งพนักงานผู้พิการจำนวนกว่า 13% จะได้รับโอกาสเข้าทำงานในส่วนนี้ และเรายังตั้งใจที่จะเพิ่มการจ้างงานพนักงานผู้พิการเพิ่มอีก 20% ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า เพื่อเป็นข้อพิสูจน์ให้เราได้เห็นว่าสังคมที่เอื้อเฟื้อต่อกันจะส่งผลดีต่อธุรกิจของเราต่อไปด้วย"
สาม ประเภทผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจที่เอื้อต่อผู้พิการ สำหรับรางวัลนี้จะได้รับเงินสดมูลค่าระหว่าง 50,000-100,000 เหรียญสหรัฐ ได้แก่ บริษัท Trash to Cash ประเทศอินเดีย โดยมีแนวคิดในการใช้วัสดุเหลือใช้จากโรงงานมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค ส่วนโมเดลในการดำเนินธุรกิจ "มาดูมิตา ปูริ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Trash to Cash บอกว่า เรามุ่งไปที่การจ้างงานพนักงานที่มีความสามารถโดยเฉพาะผู้พิการ
"เพราะเรามองว่ากลุ่มคนเหล่านี้คือทรัพย์สินที่มีค่า ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีพนักงานที่เป็นผู้พิการถึง 65% ส่วนเงินที่ได้จากการสนับสนุนดังกล่าว เราจะนำไปขยายการจ้างงานผู้พิการเพิ่มอีก 5,000 คนในอีก 2 ปีข้างหน้า และจะขยายธุรกิจให้ครอบคลุม 10 เมืองใหญ่ทั่วประเทศอินเดีย ซึ่งเรามองว่า Trash to Cash ไม่ได้เป็นธุรกิจที่ได้กำไรมหาศาล แต่เป็นธุรกิจที่ทำให้พนักงานและองค์กรสามารถเกิดความยั่งยืนในอนาคต"
โดยการมอบรางวัลทั้งหมดนี้ "ดร.โนลีน"หวังว่าจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกองค์กรในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะมอบโอกาสให้กับผู้พิการแสดงศักยภาพร่วมกันเพื่อเดินหน้าไปสู่การสร้างความยั่งยืนให้กับผู้พิการอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ขอบคุณ http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1393300077
(ประชาไทออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 25 ก.พ.57)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
ภาพ ผู้ชนะรางวัล \"ESCAP-Sasakawa\" การดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้พิการ ถือเป็นโมเดลใหม่ที่ถูกมองข้ามจากหลายองค์กร ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย แต่ถ้าหากมองให้ลึกลงไป คงต้องยอมรับว่าพวกเขาสามารถสร้างศักยภาพให้เกิดขึ้นกับองค์กรได้เช่นเดียว กับคนทั่วไป เพียงแต่ขาดโอกาสในการแสดงออกเท่านั้น จากผลสำรวจของคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติระบุว่า ปัจจุบันมีจำนวนผู้พิการ 15% ของจำนวนประชากรโลก โดยส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชีย-แปซิฟิกถึง 650 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นตลาดแรงงานที่ใหญ่สำหรับธุรกิจทั่วโลก ผลเช่นนี้จึงทำ ให้หลายองค์กรในต่างประเทศให้ความสำคัญกับผู้พิการ โดยพยายามสร้างโมเดลธุรกิจที่เอื้อต่อผู้พิการจนสามารถทำให้หลายองค์กรเป็นที่ยอมรับในด้านการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงความต้องการผู้พิการ และเพื่อยกย่องแนวคิดขององค์กรที่เอื้อต่อผู้พิการในสังคม คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ (UN ESCAP) จึงร่วมกับมูลนิธินิปปอน (The Nippon Foundation) และศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก (APCD) จึงจัดให้มีการมอบรางวัล "ESCAP-Sasakawa Award" ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยรางวัลนี้ "ดร.โนลีน เฮเซอร์" เลขาธิการคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ บอกว่า เกิดจากการคัดสรรองค์กรที่มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงความต้องการของผู้พิการเป็นหลักสำคัญ "เพราะการที่เราให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้พิการ นอกจากจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเขาให้ดีขึ้น ยังเป็นการช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างรายได้ด้วยตัวเอง เพราะธุรกิจต่าง ๆ สามารถเข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ได้อีกทางหนึ่งอีกด้วย" สำหรับผู้ชนะรางวัล "ESCAP-Sasakawa" จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ หนึ่ง ประเภทองค์กรหรือธุรกิจระดับนานาชาติที่ดำเนินธุรกิจที่เอื้อต่อผู้พิการ ได้แก่ บริษัทไวโปร องค์กรที่ปรึกษาและให้บริการเอาต์ซอร์ซด้านไอทีจากประเทศอินเดีย มีชื่อเสียงด้านการสร้างค่านิยมองค์กร และความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนด้วยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เงินทุน และความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ภายใต้กรอบการดำเนินธุรกิจในการจ้างงานผู้พิการอย่างชัดเจน ซึ่ง "ไอแซค จอร์จ" รองประธานฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัทไวโปร บอกว่า นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งของโมเดลการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนขององค์กร "โดยให้การสนับสนุนทั้งพนักงานที่มีความพิการอยู่แล้ว และเกิดความพิการระหว่างการทำงาน ปัจจุบันเรามีพนักงานผู้พิการทั้งสิ้น 450 คน คิดเป็น 3% ของพนักงานทั้งหมด ดังนั้น เราจะต้องพัฒนากรอบการทำงานเป็นระยะ ๆ เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมในที่ทำงานให้เอื้อต่อพนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน" สอง ประเภทองค์กรหรือธุรกิจระดับประเทศที่ดำเนินธุรกิจที่เอื้อต่อผู้พิการ ได้แก่ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สิงคโปร์ ออร์ชาร์ด ซิตี้ เซ็นเตอร์ เป็นโรงแรมในเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ล กรุ๊ป ซึ่งออกแบบโมเดลการดำเนินธุรกิจในการจ้างงานผู้พิการมาตั้งแต่ปี 2529 สำหรับการดำเนินการในด้านการพัฒนา "จักดีพ ธาคราล" ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สิงคโปร์ ออร์ชาร์ด ซิตี้ เซ็นเตอร์ บอกว่า องค์กรจะเน้นการพัฒนา และฝึกนักเรียนพิการให้พร้อมทำงานในอุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยว "ในแผนกและส่วนต่าง ๆ เช่น ส่วนงานต้อนรับ, แผนกครัว, ศูนย์ธุรกิจ, ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งพนักงานผู้พิการจำนวนกว่า 13% จะได้รับโอกาสเข้าทำงานในส่วนนี้ และเรายังตั้งใจที่จะเพิ่มการจ้างงานพนักงานผู้พิการเพิ่มอีก 20% ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า เพื่อเป็นข้อพิสูจน์ให้เราได้เห็นว่าสังคมที่เอื้อเฟื้อต่อกันจะส่งผลดีต่อธุรกิจของเราต่อไปด้วย" สาม ประเภทผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจที่เอื้อต่อผู้พิการ สำหรับรางวัลนี้จะได้รับเงินสดมูลค่าระหว่าง 50,000-100,000 เหรียญสหรัฐ ได้แก่ บริษัท Trash to Cash ประเทศอินเดีย โดยมีแนวคิดในการใช้วัสดุเหลือใช้จากโรงงานมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค ส่วนโมเดลในการดำเนินธุรกิจ "มาดูมิตา ปูริ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Trash to Cash บอกว่า เรามุ่งไปที่การจ้างงานพนักงานที่มีความสามารถโดยเฉพาะผู้พิการ "เพราะเรามองว่ากลุ่มคนเหล่านี้คือทรัพย์สินที่มีค่า ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีพนักงานที่เป็นผู้พิการถึง 65% ส่วนเงินที่ได้จากการสนับสนุนดังกล่าว เราจะนำไปขยายการจ้างงานผู้พิการเพิ่มอีก 5,000 คนในอีก 2 ปีข้างหน้า และจะขยายธุรกิจให้ครอบคลุม 10 เมืองใหญ่ทั่วประเทศอินเดีย ซึ่งเรามองว่า Trash to Cash ไม่ได้เป็นธุรกิจที่ได้กำไรมหาศาล แต่เป็นธุรกิจที่ทำให้พนักงานและองค์กรสามารถเกิดความยั่งยืนในอนาคต" โดยการมอบรางวัลทั้งหมดนี้ "ดร.โนลีน"หวังว่าจะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกองค์กรในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะมอบโอกาสให้กับผู้พิการแสดงศักยภาพร่วมกันเพื่อเดินหน้าไปสู่การสร้างความยั่งยืนให้กับผู้พิการอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ขอบคุณ http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1393300077 (ประชาไทออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 25 ก.พ.57)
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)