‘วราวุธ’ ดัน หน่วยงานรัฐ-เอกชนจ้างคนพิการเต็มโควตา 1%
'วราวุธ' ดัน หน่วยงานรัฐ-เอกชนจ้างคนพิการเต็มโควตา 1% มอบเกียรติบัตรเชิดชู เล็งขยายโควตาตามกฎหมาย รองรับสังคมสูงอายุ จับมือมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ อัปสกิลผู้พิการ
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 31 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสไปร่วมแสดงความยินดีกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ที่ได้มีโครงการฝึกอาชีพและอัปสกิลให้กับคนพิการที่ทางมหาวิทยาลัยทำมากกว่า 10 ปีแล้ว และในแต่ละปีมีคนพิการเข้ามาร่วมโครงการ 40-50 คน ดังนั้นจากนี้ไปตนได้ขอให้ปลัดกระทรวง พม. ประสานงานไปยังมหาวิทยาลัยและสถานศึกษาทั่วประเทศทั่วทุกภาค เพื่อทำโครงการทดลองนำร่อง แทนที่เราจะช่วยคนพิการเป็นรายๆ การให้เงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาคนพิการ ในการที่จะไปสนับสนุนสถานศึกษามหาวิทยาลัย เพื่อกระจายการเพิ่มศักยภาพของคนพิการให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย จะได้ไม่ต้องทำให้คนพิการจากท้องถิ่นต้องเข้ามาอยู่ในเมืองใหญ่ ซึ่งถ้าทำโครงการนำร่องได้ประมาณ 3-4 มหาวิทยาลัยได้ ก็จะเป็นการสานต่อโดยประสานงานกับกระทรวง อว. และอีกหลายสถาบันการศึกษาทั่วประเทศในการใช้เงินจากกองทุนพัฒนาคนพิการ เพื่อสนับสนุนการทำงานของสถานศึกษาจะได้อัปสกิลให้กับคนพิการหาอาชีพหางานให้กับคนพิการ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อจบแต่ละคอร์สแล้ว คนพิการที่ได้รับการฝึกฝนนั้นจะมีงานทำเป็นกำลังสำคัญของสังคมไทย ตามแนวทางที่กระทรวง พม. ตั้งเป้าว่าจะดึงศักยภาพของคนทุกกลุ่มมาเป็นกำลังสำคัญของทรัพยากรบุคคลให้กับประเทศ
เมื่อถามถึงการส่งเสริมให้หน่วยงานต่างๆจ้างงานผู้พิการ ตามที่กฎหมายกำหนด 1% ซึ่งขณะนี้ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย นายวราวุธกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การส่งเสริมให้มีการจ้างงานผู้พิการให้ได้ตามที่กฎหมายกำหนด 1% เท่านั้น แต่เราจะให้ทุกๆ หน่วยงานทำตามโควตา 1% ให้ได้ ที่สำคัญอนาคตจากนี้ไป ประเทศไทยจะมีจำนวนผู้พิการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราจึงต้องมานั่งคิดกันต่อว่า 1% ที่กำหนดเอาไว้เดิมนั้น เพียงพอที่จะเสริมศักยภาพของผู้พิการหรือไม่ ในเบื้องต้นกระทรวง พม. ได้มีการประสานไปยังทุกๆ หน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน ให้มีการตื่นตัวจ้างผู้พิการในการทำงานให้ครบตามโควตา 1% หากหน่วยงานใดสามารถทำได้ หรือมีการจ้างงานผู้พิการได้มากกว่า 1% ซึ่งมีคนที่สามารถทำได้อยู่แล้ว กระทรวง พม. กำลังรวบรวมรายชื่อ เพื่อจัดทำใบประกาศเกียรติคุณ ยกย่องเชิดชูองค์กรเหล่านั้นที่ได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับผู้พิการ
“ต้องเรียนว่าการจ้างงานคนพิการนั้น เราไม่ได้อยากให้จ้างเพียงแค่เขาเป็นผู้พิการ คนพิการไม่ใช่คนด้อยโอกาส คนพิการส่วนใหญ่ หลายคนเป็นคนที่มีทักษะในบางเรื่องมากกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ ดังนั้นอยากให้บริษัทห้างร้านต่างๆ ดึงเอาศักยภาพคนเหล่านี้มาใช้เพื่อประโยชน์ สำหรับองค์กรของท่าน ดังนั้น การที่เราประสานกับสถาบันการศึกษา ก็เพื่อที่จะพัฒนาศักยภาพของผู้พิการ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป” นายวราวุธ กล่าว
เมื่อถามว่าจำนวนผู้พิการที่มากขึ้นมีการพิจารณาหรือมีสัญญาณอะไร นายวราวุธ กล่าวว่า วันนี้เราดูจากสถิติตัวเลขของ ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และมีการคาดประมาณว่าต่อจากนี้จะมีจำนวนผู้พิการเพิ่มมากขึ้น จากจำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยที่จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันเรามีผู้สูงอายุอยู่ประมาณ 19% กว่าๆ ทำให้ประเทศไทย เป็นสังคมสูงอายุสมบูรณ์แบบ เหลืออีกแค่ 1% กว่าๆเท่านั้น เพราะหากประเทศใดมีจำนวนผู้สูงอายุเกินกว่า 20% จะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุขั้นสุดยอด อย่างเช่นประเทศญี่ปุ่น ที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ ในส่วนของประเทศไทยหากไม่เร่งเพิ่มอัตราการเกิด เราก็จะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุขั้นสุดยอดในอีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า แล้วเมื่อหากอายุมากขึ้นและไม่ได้รับการดูแล หรือมีกิจกรรมที่เหมาะสมถูกต้อง อาจจะทำให้ได้รับอุบัติเหตุกลายเป็นผู้ติดเตียง ติดบ้าน.