หนุ่มพิการ‘ปีนเปลี่ยนฝัน’พิชิตยอดเขาคิลิมันจาโร
แม้ร่างกายจะพิการมาตั้งแต่เกิด แต่ “เอก– เอกชัย วรรณแก้ว” ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แม้สภาพร่างกายภายนอกจะแตกต่าง แต่จิตใจกลับเข้มแข็ง และบางครั้งอาจแข็งแกร่งกว่าคนปกติทั่วไปเสียด้วยซ้ำ
เอกชัย หนุ่มพิการแขนขาที่ไม่เคยก้มหน้ายอมแพ้ต่อโชคชะตา เพราะได้รับกำลังใจจากครอบครัวทำให้เขาไม่เคยรู้สึก “ขาด” แต่กลับ “เต็มเปี่ยม” เอกชัยจึงใช้ชีวิตเฉกเช่นคนธรรมดาทั่วไป แม้จะต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่า แต่ก็ไม่เกินความสามารถเพียง “สองเท้าเล็ก ๆ” ที่จะพาเขามุ่งสู่ความสำเร็จ ทั้งเรื่องการเรียน การเป็นครูสอนศิลปะตามความฝันในวัยเด็ก จนเป็นข่าวครึกโครมเมื่อหลายปีก่อน ปัจจุบันเอกชัยยังได้กลายเป็นวิทยากรที่ช่วยพูดสร้างแรงบันดาลใจ เขียนหนังสือถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับผู้คน
และตอนนี้หนุ่มวัย 31 ปีคนนี้กำลังทำสิ่งที่ท้าทายอีกครั้ง กับภารกิจ “พิชิตยอดเขาคิลิมันจาโร” ยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปแอฟริกา ที่ระดับความสูง 5,895 เมตร กับ “พี่หนึ่ง–วิทิตนันท์ โรจนพานิช” คนไทยคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ในโครงการ “The Impossible Dream : Climb to Change a Life” ภารกิจปีนเพื่อเปลี่ยนฝัน ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ มูลนิธิ ซาย มูฟเม้นท์
“ตอนแรกผมไม่ได้คิดจริงจัง คือผมพูดเล่น ๆ กับพี่ที่นับถืออีกคน ซึ่งพี่บอกผมว่า หากผมทำได้ไม่เพียงแต่จะสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองและประเทศชาติเท่านั้น แต่จะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้พิการหรือผู้ที่หมดกำลังใจ ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก และพี่หนึ่งก็มั่นใจว่าผมทำได้ ผมจึงตั้งใจจะลองดูสักครั้ง” เอกชัย กล่าว
พี่หนึ่ง-วิทิตนันท์ ผู้พิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดมาแล้วทุกทวีป ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นโค้ชให้เอกชัย บอกว่า เขาเพิ่งไปสำรวจเส้นทางที่จะพาเอกชัยขึ้นพิชิตคิลิมันจาโร ประเทศแทนซาเนีย และมั่นใจว่ามีความเป็นไปได้ โดยจะปีนในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม ซึ่งไม่ใช่ช่วงมรสุม ถึงแม้จะมีอุณหภูมิติดลบประมาณ 20-30 องศา แต่ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องหิมะถล่มเหมือนหลาย ๆ ที่และอากาศติดลบมากกว่านี้ ซึ่งสิ่งที่จะต้องเตรียมตัวก็คือ ให้เอกชัยเตรียมร่างกายให้พร้อม โดยตอนนี้ได้จัดโปรแกรมการออกกำลังกายไว้แล้ว โดยจะเริ่มฝึกซ้อมตั้งแต่เดือน กรกฎาคมเป็นต้นไป
นอกจากนี้จะต้องเตรียมอุปกรณ์เฉพาะสำหรับตัวเอกชัยเอง เพราะสรีระทางร่างกายที่ไม่ปกติ จึงจำเป็นต้องจัดหาใหม่ โดยเฉพาะเครื่องแต่งกายที่จะต้องเผชิญกับอากาศหนาวติดลบ “ผมใช้เวลาขึ้นและลงยอดเขาคิลิมันจาโรประมาณ 6 วัน แต่ครั้งนี้ที่มีเอกชัยไปด้วยน่าจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน ผมยังมั่นใจว่าเขาจะทำได้ เพราะหลาย ๆ เรื่องที่คนทั่วไปไม่คิดว่าเขาทำได้ แต่เขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาทำได้เหมือนคนปกติ ผมว่าเรื่องนี้มันอยู่ที่จิตใจ ถ้าเราคิดว่าทำได้ เราก็ต้องทำได้ อุปสรรคแค่สรีระภายนอกไม่ใช่ปัญหา” พี่หนึ่งกล่าวย้ำ
โครงการนี้ ไม่เพียงแต่เอกชัยเท่านั้นที่จะไปพิชิตยอดเขาที่สูงสุดในทวีปแอฟริกา แต่มูลนิธิ ซาย มูฟเม้นท์ โดยคุณวอเตอร์ ลี ประธานมูลนิธิฯ และครอบครัว จะนำ “น้องซาย ลี” ลูกชายอายุ 8 ขวบ ที่พิการแขนขา ขึ้นไปพิชิตยอดเขานี้เช่นกัน โดยจะล่วงหน้าไปก่อนในเดือนมิถุนายน เพื่อต้องการให้ทุกคนเห็นว่าความพิการไม่ได้เป็นอุปสรรค์ต่อการใช้ชีวิตได้ อย่างมีความสุข และพวกเขาเหล่านี้สามารถดำเนินชีวิตได้เหมือนคนทั่วไป หากครอบครัวและทุกส่วนสังคมช่วยกันสนับสนุน
เอกชัย ยังบอกอีกว่า ตอนนี้เขาพยายามออกกำลังกาย เดินขึ้นลงบันได เพื่อฝึกร่างกายให้แข็งแกร่ง รวมไปถึงศึกษาข้อมูลสถานที่ แต่สิ่งที่เป็นห่วงก็คือ ที่ผ่านมาเขาจะถนัดแต่เดินในทางราบที่มีพื้นผิวที่ไม่ขรุขระ หากขรุขระจะต้องถอดรองเท้าเดิน เนื่องจากขนาดความยาวของขาสองข้างไม่เท่ากัน แต่ก็มั่นใจว่าช่วงเวลาการฝึกซ้อม 5 เดือนจะทำให้มั่นใจขึ้น เอกชัยยังบอกสิ่งที่เขาฝันคือ การได้วาดภาพในหลวงบนยอดเขาที่สูงสุดทวีปแอฟริกา เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าเขามีพ่อ และ “พ่อหลวง” พระองค์นี้ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เขาทำสิ่งที่คนอื่นคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ให้สำเร็จได้
หลังจากนั้นก็จะนำภาพวาดทูลเกล้าฯถวายแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “ผมยังมั่นใจว่าทำได้ แต่หากเกิดปัญหาจนอาจไม่สำเร็จ ผมก็ไม่ย่อท้อ เพราะอย่างน้อยผมก็ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจ ดีกว่ามัวแต่โทษโชคชะตาแล้วไม่ทำอะไรเลย เราต้องทำจิตใจของเราให้เข้มแข็ง ถ้าสู้ มุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ ทุกอย่างก็เป็นไปได้ครับ” และหวังว่าเรื่องราวของหนุ่มพิการสู้ชีวิตคนนี้ จะช่วยเติมเต็มฝันให้กับใครอีกหลาย ๆ คน!!. นภาพร พานิชชาติ napapornp@dailynews.co.th
ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/321674 (ขนาดไฟล์: 167)
(เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 17 พ.ค.58)
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
เอกชัย หนุ่มพิการแขนขาแต่กำเนิด และนายวิทิตนันท์ โรจนพานิช คนไทยคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ในโครงการ “The Impossible Dream : Climb to Change a Life” แม้ร่างกายจะพิการมาตั้งแต่เกิด แต่ “เอก– เอกชัย วรรณแก้ว” ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า แม้สภาพร่างกายภายนอกจะแตกต่าง แต่จิตใจกลับเข้มแข็ง และบางครั้งอาจแข็งแกร่งกว่าคนปกติทั่วไปเสียด้วยซ้ำ เอกชัย หนุ่มพิการแขนขาที่ไม่เคยก้มหน้ายอมแพ้ต่อโชคชะตา เพราะได้รับกำลังใจจากครอบครัวทำให้เขาไม่เคยรู้สึก “ขาด” แต่กลับ “เต็มเปี่ยม” เอกชัยจึงใช้ชีวิตเฉกเช่นคนธรรมดาทั่วไป แม้จะต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่า แต่ก็ไม่เกินความสามารถเพียง “สองเท้าเล็ก ๆ” ที่จะพาเขามุ่งสู่ความสำเร็จ ทั้งเรื่องการเรียน การเป็นครูสอนศิลปะตามความฝันในวัยเด็ก จนเป็นข่าวครึกโครมเมื่อหลายปีก่อน ปัจจุบันเอกชัยยังได้กลายเป็นวิทยากรที่ช่วยพูดสร้างแรงบันดาลใจ เขียนหนังสือถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับผู้คน และตอนนี้หนุ่มวัย 31 ปีคนนี้กำลังทำสิ่งที่ท้าทายอีกครั้ง กับภารกิจ “พิชิตยอดเขาคิลิมันจาโร” ยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปแอฟริกา ที่ระดับความสูง 5,895 เมตร กับ “พี่หนึ่ง–วิทิตนันท์ โรจนพานิช” คนไทยคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ ในโครงการ “The Impossible Dream : Climb to Change a Life” ภารกิจปีนเพื่อเปลี่ยนฝัน ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ มูลนิธิ ซาย มูฟเม้นท์ “ตอนแรกผมไม่ได้คิดจริงจัง คือผมพูดเล่น ๆ กับพี่ที่นับถืออีกคน ซึ่งพี่บอกผมว่า หากผมทำได้ไม่เพียงแต่จะสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองและประเทศชาติเท่านั้น แต่จะเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้พิการหรือผู้ที่หมดกำลังใจ ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก และพี่หนึ่งก็มั่นใจว่าผมทำได้ ผมจึงตั้งใจจะลองดูสักครั้ง” เอกชัย กล่าว พี่หนึ่ง-วิทิตนันท์ ผู้พิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดมาแล้วทุกทวีป ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นโค้ชให้เอกชัย บอกว่า เขาเพิ่งไปสำรวจเส้นทางที่จะพาเอกชัยขึ้นพิชิตคิลิมันจาโร ประเทศแทนซาเนีย และมั่นใจว่ามีความเป็นไปได้ โดยจะปีนในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม ซึ่งไม่ใช่ช่วงมรสุม ถึงแม้จะมีอุณหภูมิติดลบประมาณ 20-30 องศา แต่ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องหิมะถล่มเหมือนหลาย ๆ ที่และอากาศติดลบมากกว่านี้ ซึ่งสิ่งที่จะต้องเตรียมตัวก็คือ ให้เอกชัยเตรียมร่างกายให้พร้อม โดยตอนนี้ได้จัดโปรแกรมการออกกำลังกายไว้แล้ว โดยจะเริ่มฝึกซ้อมตั้งแต่เดือน กรกฎาคมเป็นต้นไป นอกจากนี้จะต้องเตรียมอุปกรณ์เฉพาะสำหรับตัวเอกชัยเอง เพราะสรีระทางร่างกายที่ไม่ปกติ จึงจำเป็นต้องจัดหาใหม่ โดยเฉพาะเครื่องแต่งกายที่จะต้องเผชิญกับอากาศหนาวติดลบ “ผมใช้เวลาขึ้นและลงยอดเขาคิลิมันจาโรประมาณ 6 วัน แต่ครั้งนี้ที่มีเอกชัยไปด้วยน่าจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน ผมยังมั่นใจว่าเขาจะทำได้ เพราะหลาย ๆ เรื่องที่คนทั่วไปไม่คิดว่าเขาทำได้ แต่เขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาทำได้เหมือนคนปกติ ผมว่าเรื่องนี้มันอยู่ที่จิตใจ ถ้าเราคิดว่าทำได้ เราก็ต้องทำได้ อุปสรรคแค่สรีระภายนอกไม่ใช่ปัญหา” พี่หนึ่งกล่าวย้ำ โครงการนี้ ไม่เพียงแต่เอกชัยเท่านั้นที่จะไปพิชิตยอดเขาที่สูงสุดในทวีปแอฟริกา แต่มูลนิธิ ซาย มูฟเม้นท์ โดยคุณวอเตอร์ ลี ประธานมูลนิธิฯ และครอบครัว จะนำ “น้องซาย ลี” ลูกชายอายุ 8 ขวบ ที่พิการแขนขา ขึ้นไปพิชิตยอดเขานี้เช่นกัน โดยจะล่วงหน้าไปก่อนในเดือนมิถุนายน เพื่อต้องการให้ทุกคนเห็นว่าความพิการไม่ได้เป็นอุปสรรค์ต่อการใช้ชีวิตได้ อย่างมีความสุข และพวกเขาเหล่านี้สามารถดำเนินชีวิตได้เหมือนคนทั่วไป หากครอบครัวและทุกส่วนสังคมช่วยกันสนับสนุน เอกชัย ยังบอกอีกว่า ตอนนี้เขาพยายามออกกำลังกาย เดินขึ้นลงบันได เพื่อฝึกร่างกายให้แข็งแกร่ง รวมไปถึงศึกษาข้อมูลสถานที่ แต่สิ่งที่เป็นห่วงก็คือ ที่ผ่านมาเขาจะถนัดแต่เดินในทางราบที่มีพื้นผิวที่ไม่ขรุขระ หากขรุขระจะต้องถอดรองเท้าเดิน เนื่องจากขนาดความยาวของขาสองข้างไม่เท่ากัน แต่ก็มั่นใจว่าช่วงเวลาการฝึกซ้อม 5 เดือนจะทำให้มั่นใจขึ้น เอกชัยยังบอกสิ่งที่เขาฝันคือ การได้วาดภาพในหลวงบนยอดเขาที่สูงสุดทวีปแอฟริกา เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าเขามีพ่อ และ “พ่อหลวง” พระองค์นี้ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เขาทำสิ่งที่คนอื่นคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ให้สำเร็จได้ หลังจากนั้นก็จะนำภาพวาดทูลเกล้าฯถวายแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “ผมยังมั่นใจว่าทำได้ แต่หากเกิดปัญหาจนอาจไม่สำเร็จ ผมก็ไม่ย่อท้อ เพราะอย่างน้อยผมก็ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจ ดีกว่ามัวแต่โทษโชคชะตาแล้วไม่ทำอะไรเลย เราต้องทำจิตใจของเราให้เข้มแข็ง ถ้าสู้ มุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ ทุกอย่างก็เป็นไปได้ครับ” และหวังว่าเรื่องราวของหนุ่มพิการสู้ชีวิตคนนี้ จะช่วยเติมเต็มฝันให้กับใครอีกหลาย ๆ คน!!. นภาพร พานิชชาติ napapornp@dailynews.co.th ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/article/321674 (เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 17 พ.ค.58)
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)