รายละเอียดกระทู้

การสอบสวน นายสหพร นิลม่วง อายุ 40 ปี ผู้พิการทางสายตาเป็นหมอนวดที่หมู่บ้านรัตนาธิเบศร์ และเป็นเพื่อนเรียนนวดรุ่นเดียวกับผู้ต้องหา คืบคดีหนุ่มตาบอดแทงเสี่ยตลาดนัดย่านปากเกร็ด พบเป็นอดีตนักกีฬายูโดทีมชาติไทย ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ ระหว่างให้ปากคำเกิดภาวะเครียด ป่วยกะทันหัน นำส่ง รพ. เป็นการด่วน รูปคดียังสรุปไม่ได้อยู่ระหว่างสอบสวนพยานหลักฐานและวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 59 ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.พรรติกา โพธิ์เลีย อายุ 35 ปี น้องสาว นายณรงค์ โพธิ์เลีย อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 84/8 หมู่ 1 ต.ห้วยทับมอญ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง ผู้พิการทางสายตา และเป็นหมอนวดแผนโบราณอยู่ที่การเคหะปากเกร็ด ที่ตกเป็นผู้ต้องหาก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ 3 ราย และแทงนายวุฒิการณ์ หรือ แป๋ง ณ สงขลา อายุ 41 ปี เป็นเจ้าของตลาดดังกล่าว อยู่บ้านเลขที่ 970 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 57 แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม. จนเสียชีวิต เหตุเกิดที่บริเวณตลาดนัดลานดิน ด้านหลังร้านสเต็กลุงหนวด หมู่ 1 ซอยสุขาประชาสรรค์ ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 19 ธ.ค. 59 พร้อมเพื่อนที่เป็นผู้พิการทางสายตาของผู้ต้องหาเดินทางเข้าให้ปากคำกับ ร.ต.อ.ปิโยรส ชูกุลร้อยเวรสภ.ปากเกร็ด จากการสอบสวน นายสหพร นิลม่วง อายุ 40 ปี ผู้พิการทางสายตาเป็นหมอนวดที่หมู่บ้านรัตนาธิเบศร์ และเป็นเพื่อนเรียนนวดรุ่นเดียวกับผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับผู้ต้องหาตั้งแต่ปี 2540 รู้จักกันตอนเรียนที่ปากเกร็ดด้วยกัน ที่ศูนย์พัฒนาสมรรถภาพคนตาบอดปากเกร็ด เรียนเกี่ยวกับเรื่องนวด ปกตินิสัยเท่าที่คบกันมา เป็นคนนิสัยร่าเริงคุยสนุกตลอด ไม่เคยพบว่ามีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใคร ตนไม่เชื่อว่า เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น ตนคิดว่า มันเป็นไปไม่ได้จากการที่รู้จักกันมานานแล้ว ก่อนหน้านี้ ปี 2540 เขาเป็นนักกีฬายูโดทีมชาติไทย ไปแข่งขันชิมแชมป์โลกที่ประเทศสเปน และกีฬาเฟสปิกเกมส์ ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพด้วย ฝากถึงผู้ที่เกี่ยวข้องขอความเป็นธรรมให้เพื่อนด้วย ตนไม่เชื่อว่า คนตาบอด 1 คน จะไปมีเรื่องแบบนี้ได้ ตนเชื่อในเพื่อนและความยุติธรรมน่าจะปกป้องและหาคนที่ทำผิดจริงมาเพื่อความชัดเจนได้ พ.ต.ท.ยศวิน เอี่ยมพุ่ม รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.ปากเกร็ด เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพยานเบื้องต้น ปรากฏว่า ผู้ต้องหาในที่เกิดเหตุเป็นผู้พิการทางสายตา จากการตรวจสอบพบว่า เป็นผู้พิการทางสายตามาแต่กำเนิด และมีการขอใช้สิทธิ์ร้องขอของผู้ต้องหา คือ ขอให้ญาติเข้าร่วมฟังการสอบสวน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จัดทนายความให้ร่วมฟังการสอบสวนด้วยตามกฎหมาย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์และความยุติธรรมของเขาว่าสาเหตุเกิดได้อย่างไร และในวันพรุ่งนี้จะครบ 48 ชม. จึงต้องยืนคำร้องต่อศาลขออำนาจฝากขังไว้ก่อน ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากการทะเลากันระหว่างร้านข้างเคียงผู้เสียชีวิตมีปากเสียงกับร้านสเต็กในที่เกิดเหตุ จากนั้นมีการเข้าไปเพื่อเจรจาและทำร้ายกัน จนถึงการใช้อาวุธแทงกัน ผู้ต้องหาตาบอดสนิท โดยถามจากญาติและให้แพทย์ตรวจแล้ว ขณะนี้ได้ตั้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และร่วมกันทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนการสอบสวนขยายผลอย่างไรอยู่ที่ผลการสอบสวนพยานหลักฐานและวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ รวมทั้งบาดแผลของผู้เสียชีวิต ผู้ต้องหาให้การภาคเสธอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดแล้ว และสอบพยานบุคคลในที่เกิดเหตุ เนื่องจากเป็นร้านอาหาร คดีนี้ประชาชนสนใจมาก เนื่องจากผู้เสียชีวิตและผู้ต้องหาเป็นเพื่อนกันและผู้เสียชีวิตเป็นคนเรียกผู้ต้องหามาในที่เกิดเหตุ ทำไมถึงแทงกันเองต้องมีการพิสูจน์ความจริงว่าเขามีเจตนาจะกระทำความผิดหรือไม่ หรือเป็นเรื่องประมาทหรือเป็นเรื่องสุดวิสัยทั้งนี้อยู่ที่พยานในที่เกิดเหตุซึ่งพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมต่อไป ต่อมาในระหว่างนำตัวผู้ต้องหาเข้าสอบปากคำพร้อมญาติและทนายความ ผู้ต้องหาเกิดอาการเครียดและป่วยกะทันหัน หน้าซีดเหงื่อออก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ส่งตัวเข้ารับการรักษาฉุกเฉินที่ รพ.กรมชลประทานปากเกร็ด ซึ่งต้องรอผลการรักษาอีกครั้งว่าจะสามารถสอบปากคำได้อีกครั้งเมื่อไหร่ ส่วนอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 คน คือ น.ส.ปริศนา มานิตย์ อายุ 39 ปี ถูกแทงที่แขนซ้าย รักษาตัวอยู่ที่ รพ.กรมชลประทานปากเกร็ด, น.ส.มยุรา มะอยู่เที่ยง อายุ 30 ปี ถูกแทงที่ท้องด้านซ้าย รักษาตัวอยู่ที่ รพ.เกษมราษฎร์รัตนาธิเบศร์ และ นายอนุสรณ์ ซื่อตรง อายุ 28 ปี ถูกแทงที่หางคิ้วและใต้ตาซ้าย อาการสาหัสอยู่ห้อง ไอ.ซี.ยู. รพ.กรุงไทย ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000126627