รายละเอียดกระทู้

ศาลตรวจหลักฐานคดีฆ่าคนพิการ "6โจ๋ - แฟนสาว" ยืนกรานให้การปฏิเสธ หาพยาน12ปากสู้คดี-ญาติเหยื่อร้องแพ่งชดใช้1ล้าน ศาลตรวจหลักฐานคดีฆ่าคนพิการ "6โจ๋ - แฟนสาว" ยืนกรานให้การปฏิเสธ หาพยาน12ปากสู้คดี-ญาติเหยื่อร้องแพ่งชดใช้1ล้าน เมื่อ เวลา 13.30 น. ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีดำ อ.2186/2559 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ และนางทองคำ ศรีจันทร์ มารดาของนายสมเกียรติ ผู้ตายเป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นายพีรพล หรือเปา ยศพงศ์อนันต์ อายุ 21 ปี,นายอัครเดช หรืออั๋น ทัศนะ อายุ 22 ปี,นายมนต์มนัส หรือเต้ย แสงโพธิ์ อายุ 21 ปี,นายจตุพร หรือเบียร์ จันทร์โสภา อายุ 18 ปีเศษ,นายเมฆ พลไกรษรอายุ 19 ปี,นายอรินทร์หรือเตอร์ ยศพงศ์อนันต์อายุ19ปีและน.ส.ณัฐณิชาหรือเกมฤทธิ์ล้ำเลิศอายุ18ปีเศษ เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธและร่วมกันพกพาอาวุธมีดไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุอันควร สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 1 พ.ค.59 เวลากลางวัน พวกจำเลยได้บุกเข้าไป ในบ้านพักของสมเกียรติ ศรีจันทร์ อายุ 35 ปี ชายขาพิการ อาชีพส่งขนมปังอบ ร้านปังหอม ใน ซ.โชคชัย 4 แขวง-เขตลาดพร้าว แล้วใช้อาวุธมีดแทงฟันนายสมเกียรติ เป็นบาดแผลหลายแห่งจนถึงแก่ความตาย โดยวันนี้ นางทองคำ มารดาของนายสมเกียรติ ผู้ตายซึ่งเป็นโจทก์ร่วมคดีนี้ ก็ได้เดินทางมาศาลพร้อมด้วยนายอนันต์ชัย ไชยเดชทนายความ และกลุ่มญาติกับผู้มาให้กำลังใจกว่า 20 คน ขณะที่ศาลเบิกตัวจำเลยทั้งเจ็ดมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อร่วมกระบวนพิจารณา เมื่อถึงเวลานัด ศาลได้สอบคำให้การจำเลยทั้งเจ็ดอีกครั้งโดยจำเลยทั้งหมดยังยืนกรานให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดี จากนั้นฝ่ายโจทก์ ได้แถลงต่อศาล ขอนำพยานบุคคลเข้าเบิกความ รวม 24 ปาก ส่วนจำเลยทั้งเจ็ด ขอเตรียมพยานต่อสู้คดีรวม 12 ปาก ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้โจทก์-จำเลย นำพยานเบิกความตามที่แถลง โดยกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ปากแรกในวันที่18ก.ค.60เวลา09.00น. ภายหลัง นายอนันต์ชัย ไชยเดชกล่าวว่า วันนี้ศาลให้โอกาสสอบคำให้การจำเลยซ้ำอีกครั้ง แต่จำเลยก็ยังให้การปฏิเสธต่อสู้คดี โดยอ้างเหตุต่อสู้คดีเรื่องของการทะเลาะวิวาท ซึ่งตนเห็นว่าเป็นผลดีต่อผู้เสียหายและการพิสูจน์ความจริง ขณะที่ถ้าจำเลยรับสารภาพตอนนี้ศาลก็จะต้องลดโทษลงกึ่งหนึ่ง และประกอบกับเป็นเยาวชนจำเลยก็อาจจะได้ลดโทษอีก แต่เมื่อจำเลยไม่รับสารภาพหากศาลตัดสินมาก็จะต้องรับโทษเต็มตามที่ศาลมีคำพิพากษา อย่างไรก็ดีถ้าจำเลยมาขอเปลี่ยนกลับคำให้การในภายหลังจากที่มีการสืบพยานไปแล้ว ศาลก็อาจจะไม่ลดโทษให้ก็ได้เนื่องจากเป็นการรับสารภาพโดยจำนนต่อพยานหลักฐาน เมื่อถามถึงจำเลยที่เป็นผู้หญิง ซึ่งให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ นายอนันต์ชัย ทนายความโจทก์ร่วมกล่าวว่า วันนี้ตนได้นำพยานหลักฐานใหม่ที่ปรากฏภาพจำเลยผู้หญิง เดินเข้าหากลุ่มจำเลยผู้ชายทั้งหกขณะก่อเหตุ ซึ่งวันสืบพยานนัดแรกที่ 18 ก.ค.60 ตนจะขึ้นเบิกความเป็นพยานโจทก์ปากแรกด้วยตัวเอง ขณะที่การสืบพยาน ศาลกำหนดนัดวันสืบพยานโจทก์-จำเลยต่อเนื่องกัน ซึ่งจะเสร็จสิ้นในเดือน ก.ค.60 จึงคาดว่าคดีจะมีคำพิพากษาภายในปี 2560 ส่วนความเสียหายทางแพ่ง ญาติผู้ตายก็ได้ยื่นเรียกค่าเสียหายในคดีอาญานี้กับจำเลยทั้ง 7 คน ด้วยประมาณ 1 ล้านบาท ขอบคุณ... http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/732500