“โอ๋” ผู้จัดตั้ง “วินนักบุญ” สุดยอดรวยน้ำใจ ให้ “พระสงฆ์-สามเณร-แม่ชี-คนพิการ-คนท้อง” นั่งฟรี
“โอ๋” ผู้จัดตั้ง “วินนักบุญ” สุดยอดรวยน้ำใจ ให้ “พระสงฆ์-สามเณร-แม่ชี-คนพิการ-คนท้อง” นั่งฟรี ด้านตำรวจการันตีทำจริง มอบใบประกาศชื่นชม!
รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปที่ จ.นนทบุรี เพื่อรู้จัก “โอ๋” เจ้าของวินนักบุญ ที่แม้ตนเองจะมีภาวะพิการ แต่ร่ำรวยน้ำใจ รับส่งเพื่อนร่วมสังคม 5 กลุ่มฟรี ทั้งยังแบ่งปันรายได้ทำบุญแจกทุนเด็กยากไร้-แจกข้าวคนเร่ร่อน
โอ๋ ศรีนารัตน์ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ “วินนักบุญ” ซึ่งอยู่ที่บริเวณหน้าศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี แม้เขาจะมีภาวะพิการทางการเคลื่อนไหวจากโรคโปลิโอ ทำให้การเดินต่างจากคนปกติ แต่เขาเปี่ยมด้วยน้ำใจที่มอบให้กับสังคม โดยการรับส่งพระ เณร แม่ชี คนพิการ และสตรีมีครรภ์ฟรีมาเกือบ 20 ปีแล้ว
“จริงๆ ขับวินมานานแล้วนะ แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นผู้จัดตั้งวิน เรายังไม่ได้เป็นหัวหน้าวิน ขับมาตั้งแต่ปี 2545-2546”
เลือกขับวิน เพราะเป็นอาชีพอิสระ!
“ทำงานมันไปไหนไม่ได้ เวลาพ่อแม่ลูกเจ็บป่วยกระทันหัน มันต้องลาฝ่ายบุคคล แต่อาชีพอิสระ ถ้าเราขี้เกียจ เราก็อด กินวันต่อวันไป ถ้าเราหาได้เช้า กลางคืนไม่ออก ก็กินของเช้าไป แต่ถ้าเราเช้าออก กลางวัน เย็น มืด ออก เราก็มีเงิน แล้วเราจะหยุดอีก 2-3 วันก็ได้”
“จริงๆ ก่อนจะทำวิน ผมก็ขับวินอยู่ ผมก็เห็นพระ เณร คนพิการ สตรีมีครรภ์ ผมก็ส่งนะ ผมส่งผมก็จะไม่บอกว่าผมส่งฟรี เพราะอันนั้นมันไม่ใช่วินเรา เพราะคนในวินมันอยู่เยอะ เพราะเราเป็นลูกวิน บางคนเห็นด้วยก็ดี บางคนไม่เห็นด้วยก็เขาก็จะว่า ที่ผมช่วยเหลือ พระ เณร แม่ชี ท่านเป็นผู้ทรงศีล เขาบอกว่า การที่ทำบุญ ถ้าเราทำบุญกับผู้ทรงศีล เราจะได้บุญเยอะ”
“คนพิการ เราก็มองเอาแค่ง่ายๆ ว่า 1.ตัวเราก่อน เราเดิน เรายังลำบากเลยนะ แล้วถ้าคนตาบอดที่เขามองไม่เห็น ไฟดับแป๊บหนึ่งเรายังหงุดหงิดเลยใช่ไหม”
“คนท้อง เรามองว่า แม่เรา พี่เรา และลูกเรา คนอุ้มท้องนี่มันเหนื่อยนะ มันลำบากนะ หรือมองอีกที เด็กที่มาเกิดในท้องเป็นเด็กบริสุทธิ์ ใช้คำว่าจุติ ถ้าเด็กคนนั้นเกิดมาเป็นพระที่มาบำรุงพระพุทธศาสนา เราก็ได้บุญไปอีกเยอะเลย เรามองในแง่ดีอะ”
ไม่ใช่แค่โอ๋ที่มอบน้ำใจให้เพื่อนร่วมสังคม 5 กลุ่มได้นั่งวินฟรี แต่เขายังส่งเสริมให้ลูกวินทำเช่นเดียวกับเขา โดยมีแรงจูงใจที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ลูกวินเดือดร้อนลำบาก
“การที่เราจะทำอะไรแล้วแต่ที่จะให้คนอื่นเขาทำเหมือนเรา มันไม่ใช่เรื่องง่าย มีบางคนบอกว่า เอ้า คุณเป็นหัวหน้าก็จริง คุณเป็นประธานวินก็จริง คุณให้เขาวิ่งฟรี แล้วเขาไปส่งคนไปฟรี แล้วเขากลับมา แล้วเขาจะได้อะไร ผมก็บอกว่า ผมให้เขาส่งฟรีนะ แต่เขาไม่ได้ตกวินนะ เขาก็มารับเราฟรีได้ 2 รอบ เหมือนสมมุติรถมี 30 คัน ถ้าเราออกไปแล้ว เราต้องมาต่อคันที่ 28-29 ไม่ต้องต่อเลย มีเบอร์ 1 คนที่ไปส่งฟรี ก็ขึ้นแซงเบอร์ 1 ได้เลย ได้ 2 รอบ”
ให้แง่คิดลูกวิน ทำบุญ อย่ามองเรื่องรายได้!
“คือบางครั้งไม่ได้ยินกับตัวเอง แต่ได้ยินจากน้องๆ ที่อยู่กับเรา ไปคุยกับคนขี่วินเหมือนกัน เขาบอก โอ๋จะส่งฟรีทำไม ขาดรายได้ คนที่อยู่ในกลุ่มที่เราส่งฟรี พระ เณร แม่ชี เขาก็มีรายได้ พอผมฟังได้เข้าหู ผมก็เลยบอกว่า ถึงเขามีรายได้ก็จริง เราก็อย่าไปมองตรงนั้นว่าเขามีรายได้ เราจะทำบุญทั้งที เราอย่าไปมองว่าท่านมีรายได้ ถ้าเราไปมองอย่างนั้น การสร้างบุญสร้างกุศลเราก็ไม่เกิดแน่นอน”
“อย่างผมเคยเจออยู่เคสหนึ่งนะ เคสคนพิการ ผมบอกพี่ผมไม่เก็บตังค์หรอก เขาบอก น้องเก็บไปเถอะ น้องทำงานนะ น้องลำบากกว่าพี่ พี่รวย เขาบอก บ้านพี่มีกินมีใช้ ผมก็บอกว่า ผมไม่เก็บหรอก เป็นนโยบายของหัวหน้าวิน แต่ทั้งๆ ที่ผมเป็นหัวหน้าวินนะ ผมบอกเขาว่า มันเป็นนโยบายของหัวหน้าวิน ไม่ว่าต่อหน้าลับหลังผมเก็บไมได้ เขาบอก เก็บไปเถอะ ไม่มีใครรู้หรอก ผมบอก ถึงเราเก็บ แต่คนที่รู้อยู่แก่ใจคือตัวเรา และฟ้าดินจะเป็นพยานว่า เราได้ทำตามยึดหลักการที่เราทำไว้หรือเปล่า”
“เราหาเช้ากินค่ำ เอาจริง พระ เณร แม่ชี คนพิการ สตรีมีครรภ์ เขาสามารถมาต่อยอดให้กับคนในครอบครัวเราได้ และเราสามารถอิ่มไปได้ 1 มื้อเลย แต่ผมก็คิดในใจนะว่า ผมก็เคยตอบคำถามนี้ให้กับพี่ๆ ในวินนะว่า เงินแค่นี้ของพี่ๆ เขา ที่เราเอ่ยมา 5 คน แต่เขาลำบากกว่าเรา เรามีตา มีแขน มีมือ มีหูฟัง ประสาทสัมผัสได้ทั้งหมด เราหาได้ง่ายกว่าเขา เราให้เขาไปเถอะ มันไม่ได้ทำให้พี่เสียเวลาหรือรายได้พี่ขาดหายไปหรอก มันแค่แป๊บเดียวเอง”
“ทุกวันนี้จัดตั้งวิน 18 ปี กับ 20 ปี ผมไม่เคยใช้รอบฟรี เหมือนพี่ๆ ทุกคน ผมบอกพี่ๆ ทุกคนไม่ต้องเอาเหมือนผม พี่ๆ แค่ส่ง เต็มใจหรือไม่เต็มใจผมไม่รู้ แต่ในสิ่งเวลาพี่ไปส่ง ผมอนุโมทนาสาธุตลอด ผมขอมีส่วนร่วมที่พี่ทำด้วย พี่กลับมารอบฟรี ผมก็ดีใจ แต่ผมก็บอกว่า ผู้โดยสารครับ เวลาผู้โดยสารมานั่งวินผม เงินของผู้โดยสารก็ได้ทำบุญด้วย ได้ทำบุญยังไงคะ ก็ผมส่งฟรีอยู่ใช่ไหม ผู้โดยสารให้เงินผมเสร็จแล้ว เฉพาะผมคนเดียวนะ ไม่ใช่คนทั้งวินนะ ผมก็จะเอาเงินนี้ วันนี้ผมวิ่งได้ สมมุติวันละ 200 เดือนหนึ่ง 6,000 ผมก็จะแบ่งแล้ว ผมก็จะไปทำบุญ 2,000 เก็บไว้ 4,000 ลูกค้า ผมก็จะเอาเงินไปเติมน้ำมันได้ส่งพระ เณร แม่ชี คนพิการ สตรีมีครรภ์ คุณลูกค้าก็ได้บุญไปด้วยในเงินก้อนนี้ของลูกค้าทุกคนเลย 1 เดือนไม่รู้กี่คน แล้วผมก็จะไปแจกทุนการศึกษาให้กับเด็กที่มีฐานะยากจนลำบาก และแจกข้าวให้กับคนที่นอนตามถนนหนทาง หรือตามมูลนิธิ เด็กอ่อน เด็กตาบอด มีเงินเราก็เลี้ยง ซื้อเท่าไหร่ เราก็เลี้ยงได้ เงินจำนวนที่เราจัดสรรเอง”
“เงินนี่เป็นปัจจัยแรกเลยนะในการดำรงชีวิตอยู่ อะไรต้องเงินไว้ก่อน ผมไม่ใช่จะเหลือนะ ไม่เหลือเหมือนกัน บางครั้งก็ลำบาก อย่างที่เคยบอกพี่ ออกมากะจะได้เติมน้ำมัน บางทีเราไปเจอกลุ่มส่งวีไอพี(พระ-เณร-แม่ชี-คนพิการ-สตรีมีครรภ์) เราก็ต้องส่ง ผมเป็นคนไม่เหมือนในวินด้วย ผมส่งแล้วผมไม่เคยกลับมารอบฟรี บางคนกลับมารอบฟรี 2 รอบ แต่ผมทำให้เขาเห็นเลยว่า ผมทำด้วยใจ”
นอกจากเป็นวินมอเตอร์ไซค์ใจบุญรับส่ง 5 กลุ่มฟรี ที่โอ๋เรียกว่า กลุ่มวีไอพีแล้ว เขายังมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมสังคมที่เดือดร้อนลำบาก ด้วยการหาอาชีพให้
อาทิตย์ ปานไธสง เผยที่มาก่อนเข้ามาเป็นลูกวินนักบุญของโอ๋ว่า“ช่วงนั้นกำลังจะลาออกจากงาน ผมได้ลองเปลี่ยนอาชีพตัวเองดู จากงานประจำ เราจะไปทำอย่างอื่นได้ไหม ผมเลยไปขายไอติม พี่โอ๋ไปเจอที่หน้าเซเว่นแถว รพ. ก็นั่งตากแดดขายของกับลูกสาว (ถาม-เหตุผลที่ตัดสินใจมาขับวินกับพี่โอ๋เพราะ?) ผมเคยขับรถผ่าน ซึ่งผมมองว่าตรงนี้ผู้โดยสารเยอะอยู่แล้ว ก่อนหน้านั้นเราก็มีมอเตอร์ไซค์ เราก็ขับรถได้ปกติ ผมก็คิดว่า อาชีพนี้น่าจะเป็นอะไรที่ตอบโจทย์หลังจากที่เราเกษียณจากการทำงานไหม พี่โอ๋ไปเจอโดยบังเอิญ มหัศจรรย์มากสำหรับตัวผมเอง พี่โอ๋ก็เลยชวนมาวันนั้นเลย ผมเลยลองมาขับดู แป๊บเดียวได้ตังค์แล้วเท่านั้นเท่านี้ หลังจากนั้นผมเลยตัดสินใจว่า ขอกับพี่โอ๋ มาขับตรงนี้จริงๆ เลย ก็เลยมา”
ด้านโอ๋ ยอมรับว่า ที่ช่วยเหลือให้อาชีพคนที่เดือดร้อนลำบาก เพื่อให้ครอบครัวเขาไปต่อได้
“เราเห็นบางคนเขาลำบาก เวลาเขาจะไปเปลี่ยนงาน เริ่มงานอื่น ก็ต้องใช้ทุนทรัพย์เพื่อจะไปเริ่มงานที่ใหม่ แต่มาหาเรา ทุนทรัพย์ไม่มีก็ไม่เป็นไร เราสงสารเขาจริงๆ เพราะเขาลำบากจริง เราก็ให้เขามาร่วมงาน อย่างน้อยถ้าเขาเป็นหัวหน้าครอบครัว ถ้าเราไม่ช่วยเขา เมียกับลูกเขาก็ลำบากแน่นอน อย่างน้อยเราก็ต้องเอาหัวหน้าครอบครัวให้เขามีกิน เขามีกินแล้ว เดี๋ยวเขาก็ไปดูแลครอบครัวเขาได้”
อาทิตย์ ยืนยัน ไม่ลืมบุญคุณพี่โอ๋แน่นอน!
“(ถาม-ความประทับใจที่มีต่อตัวพี่เขา?) ตั้งแต่วันแรกเลย ผมไม่มีตังค์กระทั่งกินข้าว จนไปเจอพี่โอ๋ พี่โอ๋ก็เลยชวนมาขับ ซึ่งมันเป็นเรื่องบังเอิญมาก ใครไม่เชื่อก็แล้วแต่นะ พอมาขับปุ๊บ วันนั้นผมไม่มีตังค์แม้กระทั่งซื้อนมให้ลูกสาวผมเลย พอมาขับวินได้ถึง 5 ทุ่ม ผมมีตังค์ 300 ผมมีตังค์ไปซื้อนมให้ลูก 200 อีก 100 ให้ลูกไปโรงเรียน นี่คือสิ่งที่ผมไม่ลืมบุญคุณพี่โอ๋แน่นอน”
“ผมว่าผมยังเดินไม่สุดนะ สุดของผมคือหมดลมหายใจนะ ถ้าผมหมดลมหายใจ ผมไม่รับรู้แล้วว่า จะมีคนไปต่องานเราหรือไม่ไปต่องานเรา อันนั้นเรายังไม่คาดฝัน แต่เราคาดฝันว่า ตอนที่เราอยู่เราทำได้ดีขนาดไหน แล้วเราทำดีสุดเต็มที่ของเราก่อนหรือเปล่า”
พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ เผยว่า“ตอนแรกพอเราเห็นข่าว เราก็ตรวจสอบว่าเขาจริงหรือไม่จริง และทำมานานขนาดไหน ซึ่งเราก็ได้ตรวจสอบแล้วว่า เขาก็ทำแบบนี้มาอย่างต่อเนื่องมาตั้งนานแล้ว พอเราเห็นว่า เขาทำความดีแบบนี้ ก็อยากให้เขาเป็นตัวอย่างและเป็นกำลังใจให้เขาทำดีต่อไป ก็เลยเชิญเขามามอบใบประกาศพลเมืองดีของโรงพักรัตนาธิเบศร์ให้กับเขา และเราก็สนับสนุนสิ่งของที่เขาจะไปช่วยผู้อื่นต่อ เรามีเราก็มอบให้เขาเป็นตัวแทนในการที่จะไปสนับสนุนให้เขาไปช่วยทำความดี”
หากท่านใดต้องการสนับสนุนกิจกรรมของโอ๋ สามารถติดต่อไปได้ที่เฟซบุ๊ก “โอ๋ ศรีนารัตน์” หรือโทร.094-053-4906 หรือสนับสนุนทุนการศึกษาเด็กยากไร้ ได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชี โอ๋ ศรีนารัตน์ เลขที่บัญชี 263-1-59932-6