ชีวิตแสนลำเค็ญ ยายวิงวอนผู้ใจบุญช่วยหลานพิการหัวโต

แสดงความคิดเห็น

ยายวอนผู้ใจบุญช่วย เผยชีวิตลำบากต้องหยุดขายของมาเลี้ยงหลาน2คน หนึ่งในนั้นพิการหัวโต เพดานโหว่ อาศัยอยู่บ้านเช่า ตารับภาระคนเดียวขี่ซาเล้งขายไก่ย่างส้มตำ เลี้ยง 5 ชีวิต มีลูกสาวกำลังเรียนอยู่ปี2ด้วย

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือกรณีน้องพิการหัวโต พักอยู่ภายในหมู่บ้านพรพิสาร 4 ซอย 23 บ้านเลขที่ 45/46 ม.1 ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงไปตรวจสอบ พบนางกมลรัตน์ ธ.น.เฮือง 50 ปี และนายอลงกต วงศ์สอน อายุ 52 ปี 2ตายาย อาชีพขายปลาดุกย่างไก่ย่างและส้มตำ พร้อมหลานชายอีก 2 คน ด.ช.บวรสิทธิ์ ผิวดำ หรือน้องพี อายุ 5 ขวบ กับ ด.ช.บุญรอด ผิวดำ หรือน้องพุทโธ อายุ 2 เดือน ซึ่งพิการหัวโตผิดปกติ

นางกมลรัตน์ ธ.น.เฮือง 50 ปี กำลังเลี้ยงดู น้องพุทโธ อายุ 2 เดือน ซึ่งพิการหัวโตผิดปกติ

ยายนางกมลรัตน์ ธนเฮือง กล่าวว่าพื้นเพเป็นชาวเรณูนคร และย้ายสำเนาทะเบียนบ้านมาหางานทำที่จังหวัดสมุทรสาคร ตนเองมีลูกสาว 2 คน ซึ่งแม่ของน้องพุทโธ เป็นลูกคนโต อายุ 26 ปี ทำงานก่อสร้างพักอยู่กับสามีที่จังหวัดสมุทรสาคร ต่อมาตนเองและสามีย้ายมาประกอบอาชีพค้าขายอยู่ที่หมู่บ้านพรพิสาร4 ปทุมธานี โดยมาเช่าบ้านหลังนี้อยู่ส่วนสามีขายปลาดุกย่างและไกย่างซึ่งมีรถจักรยานยนต์พ่วงข้างเป็นพาหนะ

ส่วนตนเองก็ขายส้มตำมีจักรยานยต์ยนต์พ่วงข้างเป็นพาหนะ ตระเวนขายไปตามหมู่บ้านก็พอมีกำไรเล็กๆน้อยพอเลี้ยงตนเอง และส่งลูกสาวคนเล็กที่กำลังเรียนอยู่ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปี 2 เมื่อประมาณสองเดือนที่ผ่านมา ลูกสาวคนเล็กโทรมาบอกว่า พี่สาว คลอดลูกคนที่ 3 แล้วให้แม่ไปเยี่ยมหลานด้วย ตนเองจึงเดินทางไปเยี่ยมลูกที่โรงพยาบาลจังหวัดสมุทรสาคร พอไปถึงโรงพยาบาลทราบว่าลูกสาวไม่ยอมให้ลูกที่เกิดใหม่กินนม และตั้งใจจะทิ้งลูก เนื่องจากเด็กที่เกิดมามีสภาพไม่สมบูรณ์ พอตนเองเห็นหลานก็เกิดความสงสาร เพราะว่าหลานมีหัวที่โตกว่าปกติไม่เหมือนเด็กทั่วๆไป

ลูกสาวคนโตของตนนั้นมีลูกทั้งหมด 3 คนเป็นชาย 2 หญิง 1 ซึ่งถ้าขืนปล่อยไปเช่นนี้หลานคงจะลำบากแน่ จึงตัดสินใจก็พาหลานทั้ง 2 มาอยู่ด้วยกัน ส่วนหลานผู้หญิงอีกคน ลูกสาวเขาเอาเลี้ยงเอง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่กันอย่างไรเพราะงานก่อสร้างก็ต้องย้ายกันไปเรื่อยๆ หลังจากที่นำหลานทั้งสองมาเลี้ยงตนเองก็ต้องหยุดขายส้มตำ ภาระหนักจึงตกไปอยู่ที่สามี ที่ต้องออกไปค้าขายหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวเพียงคนเดียว เงินที่จะพอส่งเสียให้ลูกสาวคนเล็กที่กำลังเรียนอยู่ก็ต้องถูกจำกัดลง ลูกสาวคนเล็กก็ต้องหางานทำช่วยตัวเองพอบ้างไม่พอบ้างก็ดิ้นรนไป ลูกสาวเคยพูดให้ฟังว่าบางวันไปเรียนไม่มีเงินเลยหิวข้าวก็ไม่ได้กินเพื่อนๆนักเรียนด้วยกันถามว่ากินข้าวยังก็ตอบเพื่อนไปว่ากินแล้วทั้งๆที่ยังไม่ได้กินฟังลูกเล่าให้ฟังแล้วน้ำตาไหลสงสารลูก

ยายกมลรัตน์ฯ ยังเล่าถึงความลำบากอีกว่าหลังจากที่รับน้องพุทโธ มาเลี้ยงดูแม่ของน้องพุทโธไม่เคยกลับมาดูลูกเขาอีกเลย ซึ่งก็จะเลี้ยงหลานต่อไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ ปกติน้องพุทโธจะงอแงทุกครั้งที่ตื่นเนื่องจากไม่สบายตัวจากอาการที่ป่วย ทำให้ตนเองพักผ่อนไม่เพียงพอ จนไม่สบายไปด้วย แต่ก็ต้องต่อสู้เพื่อหลานส่วนหลานอีกคนจะต้องเข้าเรียนในปีนี้เนื่องจากครบเกณฑ์ ค่าใช้จ่ายในการเข้าเรียนของหลานก็ยังไม่มี บ้านที่อยู่ก็เป็นบ้านเช่าก็ยังค้างจ่ายซึ่งทางเจ้าของบ้านยังมีความเมตตาและเข้าใจในความเป็นอยู่ของเรา เวลาพาหลานไปหาหมอ ก็จะให้ตาขับซาเล้งไปส่งที่โรงพยาบาลเพราะไม่มีเงินที่จะนั่งแท็กซี่ไป

ล่าสุดหมอบอกสมองน้องเหลือแค่ 4 เปอร์เซ็น หัวโตขึ้นเรื่อยๆ หูข้างขวาไม่ได้ยิน ตามองไม่เห็น และเนื่องจากหัวน้องไม่มีกระโหลก การอุ้มน้องแต่ละครั้งจะต้องใช้ความระมัดระวังมาก เพราะถ้ามีการเคลื่อนไหวมากๆ จะกระทบต่อสมอง ร่างกายทั่วไปต้องคอยบีบนวดแขนขา ให้น้องตลอดเวลาเพื่อเป็นการกระตุ้น ไม่ให้แขนขาหมดแรงตอนนี้น้องเริ่มดูดนมเองลำบากขึ้นเนื่องจากเพดานน้องเริ่มโหว่

ซึ่งถ้ามีผู้ใจบุญที่จะช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของครอบครัวนี้ สามารถช่วยเหลือได้ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีของนางกมลรัตน์ ธ.น.เฮือง บัญชีเลขที่ 480-035309-2 ธนาคารกรุงไทย สาขารังสิต-นครนายก คลอง6 ยังต้องการความช่วยเหลืออีกมากจึงอยากจะวิงวอนให้ผู้ใจเมตตาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

นายบุญแปลง ธานีเนียม ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 เปิดเผยในเบื้องต้นเพื่อนบ้านไปแจ้งกับผู้ใหญ่ว่าเด็กพิการแต่ก็ไม่ทราบว่าพิการอะไรจึงไปตรวจสอบทราบว่าสองสามีภรรยา ซึ่งลูกบ้านนำเด็กหัวโตมาเลี้ยงซึ่งเป็นหลานของเขาเองแต่ไม่สามารถพาไปหาหมอในเรื่องการรักษาพยาบาลได้ เพราะเด็กไม่มีสำเนาทะเบียนบ้านอยู่ในพื้นที่ จึงได้ทำเรื่องย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของตนเอง เพื่อเป็นการช่วยเหลือในระดับหนึ่งในการรักษาพยาบาลบัตร 30 บาท ซึ่งทางหน่วยงานรัฐก็ดูและได้เพียงระดับหนึ่งตามกรอบระเบียบที่วางไว้ ทางเพื่อนบ้านในชุมชนและ อสม.ก็เข้ามาช่วยเหลือดูแลหยิบยืนข้าวปลาอาหารให้บ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งก็ช่วยกันเท่าที่จะทำได้ด้วยความมีเมตตาธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนในพื้นที่แต่เราคนไทยด้วยกันยามตกทุกข์ได้ยากน้ำใจที่เปี่ยมล้นก็จะรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวช่วยกันอยู่เสมอๆ

ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/game/viewnews.aspx?NewsID=9600000044559 (ขนาดไฟล์: 165)

ที่มา: manager.co.thออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 3 พ.ค.60
วันที่โพสต์: 3/05/2560 เวลา 10:39:35 ดูภาพสไลด์โชว์ ชีวิตแสนลำเค็ญ ยายวิงวอนผู้ใจบุญช่วยหลานพิการหัวโต

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

ยายวอนผู้ใจบุญช่วย เผยชีวิตลำบากต้องหยุดขายของมาเลี้ยงหลาน2คน หนึ่งในนั้นพิการหัวโต เพดานโหว่ อาศัยอยู่บ้านเช่า ตารับภาระคนเดียวขี่ซาเล้งขายไก่ย่างส้มตำ เลี้ยง 5 ชีวิต มีลูกสาวกำลังเรียนอยู่ปี2ด้วย ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือกรณีน้องพิการหัวโต พักอยู่ภายในหมู่บ้านพรพิสาร 4 ซอย 23 บ้านเลขที่ 45/46 ม.1 ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงไปตรวจสอบ พบนางกมลรัตน์ ธ.น.เฮือง 50 ปี และนายอลงกต วงศ์สอน อายุ 52 ปี 2ตายาย อาชีพขายปลาดุกย่างไก่ย่างและส้มตำ พร้อมหลานชายอีก 2 คน ด.ช.บวรสิทธิ์ ผิวดำ หรือน้องพี อายุ 5 ขวบ กับ ด.ช.บุญรอด ผิวดำ หรือน้องพุทโธ อายุ 2 เดือน ซึ่งพิการหัวโตผิดปกติ นางกมลรัตน์ ธ.น.เฮือง 50 ปี กำลังเลี้ยงดู น้องพุทโธ อายุ 2 เดือน ซึ่งพิการหัวโตผิดปกติ ยายนางกมลรัตน์ ธนเฮือง กล่าวว่าพื้นเพเป็นชาวเรณูนคร และย้ายสำเนาทะเบียนบ้านมาหางานทำที่จังหวัดสมุทรสาคร ตนเองมีลูกสาว 2 คน ซึ่งแม่ของน้องพุทโธ เป็นลูกคนโต อายุ 26 ปี ทำงานก่อสร้างพักอยู่กับสามีที่จังหวัดสมุทรสาคร ต่อมาตนเองและสามีย้ายมาประกอบอาชีพค้าขายอยู่ที่หมู่บ้านพรพิสาร4 ปทุมธานี โดยมาเช่าบ้านหลังนี้อยู่ส่วนสามีขายปลาดุกย่างและไกย่างซึ่งมีรถจักรยานยนต์พ่วงข้างเป็นพาหนะ ส่วนตนเองก็ขายส้มตำมีจักรยานยต์ยนต์พ่วงข้างเป็นพาหนะ ตระเวนขายไปตามหมู่บ้านก็พอมีกำไรเล็กๆน้อยพอเลี้ยงตนเอง และส่งลูกสาวคนเล็กที่กำลังเรียนอยู่ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปี 2 เมื่อประมาณสองเดือนที่ผ่านมา ลูกสาวคนเล็กโทรมาบอกว่า พี่สาว คลอดลูกคนที่ 3 แล้วให้แม่ไปเยี่ยมหลานด้วย ตนเองจึงเดินทางไปเยี่ยมลูกที่โรงพยาบาลจังหวัดสมุทรสาคร พอไปถึงโรงพยาบาลทราบว่าลูกสาวไม่ยอมให้ลูกที่เกิดใหม่กินนม และตั้งใจจะทิ้งลูก เนื่องจากเด็กที่เกิดมามีสภาพไม่สมบูรณ์ พอตนเองเห็นหลานก็เกิดความสงสาร เพราะว่าหลานมีหัวที่โตกว่าปกติไม่เหมือนเด็กทั่วๆไป ลูกสาวคนโตของตนนั้นมีลูกทั้งหมด 3 คนเป็นชาย 2 หญิง 1 ซึ่งถ้าขืนปล่อยไปเช่นนี้หลานคงจะลำบากแน่ จึงตัดสินใจก็พาหลานทั้ง 2 มาอยู่ด้วยกัน ส่วนหลานผู้หญิงอีกคน ลูกสาวเขาเอาเลี้ยงเอง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่กันอย่างไรเพราะงานก่อสร้างก็ต้องย้ายกันไปเรื่อยๆ หลังจากที่นำหลานทั้งสองมาเลี้ยงตนเองก็ต้องหยุดขายส้มตำ ภาระหนักจึงตกไปอยู่ที่สามี ที่ต้องออกไปค้าขายหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวเพียงคนเดียว เงินที่จะพอส่งเสียให้ลูกสาวคนเล็กที่กำลังเรียนอยู่ก็ต้องถูกจำกัดลง ลูกสาวคนเล็กก็ต้องหางานทำช่วยตัวเองพอบ้างไม่พอบ้างก็ดิ้นรนไป ลูกสาวเคยพูดให้ฟังว่าบางวันไปเรียนไม่มีเงินเลยหิวข้าวก็ไม่ได้กินเพื่อนๆนักเรียนด้วยกันถามว่ากินข้าวยังก็ตอบเพื่อนไปว่ากินแล้วทั้งๆที่ยังไม่ได้กินฟังลูกเล่าให้ฟังแล้วน้ำตาไหลสงสารลูก ยายกมลรัตน์ฯ ยังเล่าถึงความลำบากอีกว่าหลังจากที่รับน้องพุทโธ มาเลี้ยงดูแม่ของน้องพุทโธไม่เคยกลับมาดูลูกเขาอีกเลย ซึ่งก็จะเลี้ยงหลานต่อไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ ปกติน้องพุทโธจะงอแงทุกครั้งที่ตื่นเนื่องจากไม่สบายตัวจากอาการที่ป่วย ทำให้ตนเองพักผ่อนไม่เพียงพอ จนไม่สบายไปด้วย แต่ก็ต้องต่อสู้เพื่อหลานส่วนหลานอีกคนจะต้องเข้าเรียนในปีนี้เนื่องจากครบเกณฑ์ ค่าใช้จ่ายในการเข้าเรียนของหลานก็ยังไม่มี บ้านที่อยู่ก็เป็นบ้านเช่าก็ยังค้างจ่ายซึ่งทางเจ้าของบ้านยังมีความเมตตาและเข้าใจในความเป็นอยู่ของเรา เวลาพาหลานไปหาหมอ ก็จะให้ตาขับซาเล้งไปส่งที่โรงพยาบาลเพราะไม่มีเงินที่จะนั่งแท็กซี่ไป ล่าสุดหมอบอกสมองน้องเหลือแค่ 4 เปอร์เซ็น หัวโตขึ้นเรื่อยๆ หูข้างขวาไม่ได้ยิน ตามองไม่เห็น และเนื่องจากหัวน้องไม่มีกระโหลก การอุ้มน้องแต่ละครั้งจะต้องใช้ความระมัดระวังมาก เพราะถ้ามีการเคลื่อนไหวมากๆ จะกระทบต่อสมอง ร่างกายทั่วไปต้องคอยบีบนวดแขนขา ให้น้องตลอดเวลาเพื่อเป็นการกระตุ้น ไม่ให้แขนขาหมดแรงตอนนี้น้องเริ่มดูดนมเองลำบากขึ้นเนื่องจากเพดานน้องเริ่มโหว่ ซึ่งถ้ามีผู้ใจบุญที่จะช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของครอบครัวนี้ สามารถช่วยเหลือได้ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีของนางกมลรัตน์ ธ.น.เฮือง บัญชีเลขที่ 480-035309-2 ธนาคารกรุงไทย สาขารังสิต-นครนายก คลอง6 ยังต้องการความช่วยเหลืออีกมากจึงอยากจะวิงวอนให้ผู้ใจเมตตาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน นายบุญแปลง ธานีเนียม ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 เปิดเผยในเบื้องต้นเพื่อนบ้านไปแจ้งกับผู้ใหญ่ว่าเด็กพิการแต่ก็ไม่ทราบว่าพิการอะไรจึงไปตรวจสอบทราบว่าสองสามีภรรยา ซึ่งลูกบ้านนำเด็กหัวโตมาเลี้ยงซึ่งเป็นหลานของเขาเองแต่ไม่สามารถพาไปหาหมอในเรื่องการรักษาพยาบาลได้ เพราะเด็กไม่มีสำเนาทะเบียนบ้านอยู่ในพื้นที่ จึงได้ทำเรื่องย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของตนเอง เพื่อเป็นการช่วยเหลือในระดับหนึ่งในการรักษาพยาบาลบัตร 30 บาท ซึ่งทางหน่วยงานรัฐก็ดูและได้เพียงระดับหนึ่งตามกรอบระเบียบที่วางไว้ ทางเพื่อนบ้านในชุมชนและ อสม.ก็เข้ามาช่วยเหลือดูแลหยิบยืนข้าวปลาอาหารให้บ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งก็ช่วยกันเท่าที่จะทำได้ด้วยความมีเมตตาธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนในพื้นที่แต่เราคนไทยด้วยกันยามตกทุกข์ได้ยากน้ำใจที่เปี่ยมล้นก็จะรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวช่วยกันอยู่เสมอๆ ขอบคุณ... http://www.manager.co.th/game/viewnews.aspx?NewsID=9600000044559

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...