สุดทึ่ง ลุงหมี ชายพิการเคยปั่นวีลแชร์กราบพระบรมศพ กลับมาเดินได้

แสดงความคิดเห็น

ลุงหมีเดินแบบตัวเปล่า และเดินแบบต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุงสองข้างด้วยความคล่องแคล่ว

เกิดเรื่องราวสุดทึ่งที่ลุงหมีชายพิการหัวใจแกร่ง ที่เคยร่วมกิจกรรมปั่นวีลแชร์ไปถวายพระพร ปั่นเพื่อพ่อ ปั่นเพื่อแม่ ถวายสักการะพระบรมศพฯ กลับมาเดินและปั่นจักรยานได้อีกครั้ง หลังจากป่วยขาไม่มีแรงนั่งวีลแชร์มา 12 ปี เผยไปรักษาที่เบลเยียม เพิ่งหัดลุกยืน 4 เดือน

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 60 ที่สถานีรถไฟพิษณุโลก กลุ่มสองแควรันเนอร์ ชมรมของชาวพิษณุโลก ที่รวมตัวกันวิ่งเพื่อสุขภาพทุกเช้าวันอาทิตย์ ได้มารวมตัวกันที่หน้าสถานีรถไฟตามปกติ และได้พบเห็นเรื่องที่น่าทึ่ง น่ายินดี นายสาธิต จันทะรังสี หรือที่แฟนคลับในโลกโซเชียลเรียกกันว่า “ลุงหมี” ได้มาช่วยถ่ายภาพสมาชิกสองแควรันเนอร์ โดยปราศจากวีลแชร์ที่ชาวพิษณุโลกคุ้นเคย โดยเดินถ่ายภาพไปมา และการเดินทางจากบ้านพักที่ ต.ท่าโพธิ์ มายังสถานีรถไฟพิษณุโลกใจกลางเมืองวันนี้ก็ใช้วิธีปั่นรถจักรยานมาเอง

เมื่อครั้งเดินทางมาถวายพระพร ที่รพ.ศิริราช เดือนพ.ย.2557

ทั้งนี้ นายสาธิต เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงสื่อมวลชน รวมถึงชาวพิษณุโลกและชาวไทยทั่วประเทศ ในชื่อ “ลุงหมี” ชายพิการหัวใจแกร่ง แม้ร่างกายจะพิการ ต้องใช้รถวีลแชร์ในการออกกำลังกายและเดินทาง แสดงให้เห็นถึงสภาพหัวใจที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน 2557 ลุงหมีเริ่มเป็นที่รู้จักใน จ.พิษณุโลก จากการฝึกฝนตนเองออกกำลังด้วยวีลแชร์ เพื่อเดินทางไปถวายพระพรในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ รพ.ศิริราช กรุงเทพฯ เริ่มเดินทางในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2557 มีชาวพิษณุโลกให้กำลังใจจำนวนมาก ต่อมาได้ร่วมกิจกรรมมาอย่างสม่ำเสมอ ทั้งกิจกรรมปั่นเพื่อแม่ กิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ ตลอดระยะเวลา 3 ปี ได้เดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมเดิน วิ่ง ทั้งระยะสั้นและแบบมาราธอน จนเป็นที่รู้จักและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้พิการอีกจำนวนมาก

แต่เป็นเรื่องที่น่าทึ่ง ที่ปัจจุบัน เช้าวันที่ 18 มิ.ย. ลุงหมีเดินแบบตัวเปล่า และเดินแบบต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุงสองข้างด้วยความคล่องแคล่ว โดยลุงหมีบอกว่า ต้องใช้ไม้เท้าคอยช่วยพยุงไม่อยากให้ล้ม เกรงว่าจะได้รับบาดเจ็บอีก เพราะการรักษามีการตัดกระดูกขาบางส่วนและเชื่อมต่อระบบประสาทใหม่ อีกทั้งกล้ามเนื้อเพิ่งจะฟื้นตัว ยังต้องออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ซึ่งหลังจากเริ่มลุกยืนและหัดเดินได้เมื่อ 4 เดือนก่อน ก็เริ่มหัดยืน หัดเดิน ออกกำลังกายทุกวัน โดยเคยกล่าวคำอธิษฐานกับในหลวง ร.9 เมื่อครั้งไปแข่งมาราธอนที่หาดใหญ่ไว้ว่า ถ้าหากกลับมาเดินได้ จะเดินแก้บนจากหาดใหญ่เข้ามากรุงเทพฯ และเดือนที่ผ่านมา ก็ได้ปั่นรถจักรยานจากพิษณุโลก เพื่อเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพในหลวง ร.9 มาแล้วครั้งหนึ่ง โดยปั่นจักรยานจากพิษณุโลกไปถึงจ.พระนครศรีอยุธยาแล้วเดินทางต่อโดยการนั่งรถไฟเข้ากรุงเทพฯ

ช่วงนี้ก็ต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะมีความตั้งใจว่า เมื่อลูกสาวเรียนจบหมอ จะเดินไปร่วมงานรับปริญญาลูกสาว สำหรับการกลับมาเดินได้อีกครั้งนั้น ลุงหมีบอกว่า เมื่อ 3 ปีก่อน ตนได้ไปเข้าโครงการหนึ่งของประเทศเบลเยียม เป็นโครงการของรัฐ ที่รักษาคนทั่วไปที่เป็นเกี่ยวกับโรคประสาทและมีโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเข้าแทรก ไปรักษามา 3 ครั้งแล้ว โดยมีการต่อเส้นประสาท และฉีดสเตียรอยด์ ยากระตุ้นกล้ามเนื้อ และกลับมาทำกายภาพเอง ด้วยการออกกำลังกาย เริ่มหัดเดินได้มาประมาณ 4 เดือนแล้ว ส่วนการวิ่งนั้นลำบาก คงวิ่งไม่ได้ เพราะสูญเสียการทรงตัว ซึ่งการรักษานั้นเป็นลักษณะการทดลอง ตนยังไม่สามารถบอกรายละเอียดให้ได้ เพราะผู้ดำเนินการจะมีการจดลิขสิทธิ์ ถ้าสำเร็จ ทางผู้ดำเนินการที่ประเทศเบลเยียมก็จะจดสิทธิบัตร และเราก็จะเป็นหนึ่งในคนเอเชียที่ทำได้สำเร็จ ซึ่งในอดีต ตนตกที่สูง ทำให้เส้นประสาทขาด กล้ามเนื้ออ่อนแรงเดินไม่ได้ต้องนั่งวีลแชร์มา12ปี

ปั่นวีลแชร์ เดินทางเข้ากราบพระบรมศพ เมื่อเดือนต.ค.2559

"อยากบอกผู้พิการที่นั่งวีลแชร์ ไม่สามารถเดินได้ว่า อยากให้ทุกคนสู้ชีวิต ขอให้ไม่ท้อ มีความพยายามฝึกฝนตนเองด้วย ไม่ใช่เอาเพียงการรักษาเป็นหลัก ถ้าความพิการไม่รุนแรง ก็อาจจะกลับมาเดินได้เหมือนผม ส่วนการดำเนินชีวิตหลังจากนี้ ก็จะดำเนินชีวิตเหมือนปกติ ทำในสิ่งที่เคยทำ ทำสวนบ้าง ตัดหญ้าบ้าง แต่คงทำงานหนักไม่ได้ ลูกๆ ก็ไม่ให้ทำงาน ถ้าจะออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา ทางครอบครัวก็ไม่ได้ว่าอะไร หลังจากนี้ไปจะรักษาต่อปีละ1ครั้งเพื่อประเมินผล"ลุงหมีกล่าว

สำหรับ นายสาธิต จันทะรังษี อายุ 55 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 85/1 ถ.ศรีธรรมไตรปิฎก อ.เมือง จ.พิษณุโลก แต่ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่สวนของนายจ้างที่ภรรยาทำงานอยู่ด้วยในเขต ต.ท่าโพธิ์ อ.เมืองพิษณุโลก พิการด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ALS เป็นคนไทยคนหนึ่งที่เคยได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานความช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาล เคยถวายฎีกา เมื่อครั้งเริ่มป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง แขนขา ขยับแทบไม่ได้ ในช่วงปี 2550 และได้รับการช่วยเหลือด้านการรักษาที่ รพ.ราชวิถี กรุงเทพฯ แต่โรคชนิดนี้เป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด จึงต้องพึ่งวีลแชร์มาตลอด.

ขอบคุณ... https://www.thairath.co.th/content/976528

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 18 มิ.ย.60
วันที่โพสต์: 19/06/2560 เวลา 10:35:24 ดูภาพสไลด์โชว์ สุดทึ่ง ลุงหมี ชายพิการเคยปั่นวีลแชร์กราบพระบรมศพ กลับมาเดินได้

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

ลุงหมีเดินแบบตัวเปล่า และเดินแบบต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุงสองข้างด้วยความคล่องแคล่ว เกิดเรื่องราวสุดทึ่งที่ลุงหมีชายพิการหัวใจแกร่ง ที่เคยร่วมกิจกรรมปั่นวีลแชร์ไปถวายพระพร ปั่นเพื่อพ่อ ปั่นเพื่อแม่ ถวายสักการะพระบรมศพฯ กลับมาเดินและปั่นจักรยานได้อีกครั้ง หลังจากป่วยขาไม่มีแรงนั่งวีลแชร์มา 12 ปี เผยไปรักษาที่เบลเยียม เพิ่งหัดลุกยืน 4 เดือน เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 60 ที่สถานีรถไฟพิษณุโลก กลุ่มสองแควรันเนอร์ ชมรมของชาวพิษณุโลก ที่รวมตัวกันวิ่งเพื่อสุขภาพทุกเช้าวันอาทิตย์ ได้มารวมตัวกันที่หน้าสถานีรถไฟตามปกติ และได้พบเห็นเรื่องที่น่าทึ่ง น่ายินดี นายสาธิต จันทะรังสี หรือที่แฟนคลับในโลกโซเชียลเรียกกันว่า “ลุงหมี” ได้มาช่วยถ่ายภาพสมาชิกสองแควรันเนอร์ โดยปราศจากวีลแชร์ที่ชาวพิษณุโลกคุ้นเคย โดยเดินถ่ายภาพไปมา และการเดินทางจากบ้านพักที่ ต.ท่าโพธิ์ มายังสถานีรถไฟพิษณุโลกใจกลางเมืองวันนี้ก็ใช้วิธีปั่นรถจักรยานมาเอง เมื่อครั้งเดินทางมาถวายพระพร ที่รพ.ศิริราช เดือนพ.ย.2557 ทั้งนี้ นายสาธิต เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงสื่อมวลชน รวมถึงชาวพิษณุโลกและชาวไทยทั่วประเทศ ในชื่อ “ลุงหมี” ชายพิการหัวใจแกร่ง แม้ร่างกายจะพิการ ต้องใช้รถวีลแชร์ในการออกกำลังกายและเดินทาง แสดงให้เห็นถึงสภาพหัวใจที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน 2557 ลุงหมีเริ่มเป็นที่รู้จักใน จ.พิษณุโลก จากการฝึกฝนตนเองออกกำลังด้วยวีลแชร์ เพื่อเดินทางไปถวายพระพรในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ รพ.ศิริราช กรุงเทพฯ เริ่มเดินทางในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2557 มีชาวพิษณุโลกให้กำลังใจจำนวนมาก ต่อมาได้ร่วมกิจกรรมมาอย่างสม่ำเสมอ ทั้งกิจกรรมปั่นเพื่อแม่ กิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ ตลอดระยะเวลา 3 ปี ได้เดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมเดิน วิ่ง ทั้งระยะสั้นและแบบมาราธอน จนเป็นที่รู้จักและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้พิการอีกจำนวนมาก แต่เป็นเรื่องที่น่าทึ่ง ที่ปัจจุบัน เช้าวันที่ 18 มิ.ย. ลุงหมีเดินแบบตัวเปล่า และเดินแบบต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุงสองข้างด้วยความคล่องแคล่ว โดยลุงหมีบอกว่า ต้องใช้ไม้เท้าคอยช่วยพยุงไม่อยากให้ล้ม เกรงว่าจะได้รับบาดเจ็บอีก เพราะการรักษามีการตัดกระดูกขาบางส่วนและเชื่อมต่อระบบประสาทใหม่ อีกทั้งกล้ามเนื้อเพิ่งจะฟื้นตัว ยังต้องออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ซึ่งหลังจากเริ่มลุกยืนและหัดเดินได้เมื่อ 4 เดือนก่อน ก็เริ่มหัดยืน หัดเดิน ออกกำลังกายทุกวัน โดยเคยกล่าวคำอธิษฐานกับในหลวง ร.9 เมื่อครั้งไปแข่งมาราธอนที่หาดใหญ่ไว้ว่า ถ้าหากกลับมาเดินได้ จะเดินแก้บนจากหาดใหญ่เข้ามากรุงเทพฯ และเดือนที่ผ่านมา ก็ได้ปั่นรถจักรยานจากพิษณุโลก เพื่อเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพในหลวง ร.9 มาแล้วครั้งหนึ่ง โดยปั่นจักรยานจากพิษณุโลกไปถึงจ.พระนครศรีอยุธยาแล้วเดินทางต่อโดยการนั่งรถไฟเข้ากรุงเทพฯ ช่วงนี้ก็ต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะมีความตั้งใจว่า เมื่อลูกสาวเรียนจบหมอ จะเดินไปร่วมงานรับปริญญาลูกสาว สำหรับการกลับมาเดินได้อีกครั้งนั้น ลุงหมีบอกว่า เมื่อ 3 ปีก่อน ตนได้ไปเข้าโครงการหนึ่งของประเทศเบลเยียม เป็นโครงการของรัฐ ที่รักษาคนทั่วไปที่เป็นเกี่ยวกับโรคประสาทและมีโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเข้าแทรก ไปรักษามา 3 ครั้งแล้ว โดยมีการต่อเส้นประสาท และฉีดสเตียรอยด์ ยากระตุ้นกล้ามเนื้อ และกลับมาทำกายภาพเอง ด้วยการออกกำลังกาย เริ่มหัดเดินได้มาประมาณ 4 เดือนแล้ว ส่วนการวิ่งนั้นลำบาก คงวิ่งไม่ได้ เพราะสูญเสียการทรงตัว ซึ่งการรักษานั้นเป็นลักษณะการทดลอง ตนยังไม่สามารถบอกรายละเอียดให้ได้ เพราะผู้ดำเนินการจะมีการจดลิขสิทธิ์ ถ้าสำเร็จ ทางผู้ดำเนินการที่ประเทศเบลเยียมก็จะจดสิทธิบัตร และเราก็จะเป็นหนึ่งในคนเอเชียที่ทำได้สำเร็จ ซึ่งในอดีต ตนตกที่สูง ทำให้เส้นประสาทขาด กล้ามเนื้ออ่อนแรงเดินไม่ได้ต้องนั่งวีลแชร์มา12ปี ปั่นวีลแชร์ เดินทางเข้ากราบพระบรมศพ เมื่อเดือนต.ค.2559 "อยากบอกผู้พิการที่นั่งวีลแชร์ ไม่สามารถเดินได้ว่า อยากให้ทุกคนสู้ชีวิต ขอให้ไม่ท้อ มีความพยายามฝึกฝนตนเองด้วย ไม่ใช่เอาเพียงการรักษาเป็นหลัก ถ้าความพิการไม่รุนแรง ก็อาจจะกลับมาเดินได้เหมือนผม ส่วนการดำเนินชีวิตหลังจากนี้ ก็จะดำเนินชีวิตเหมือนปกติ ทำในสิ่งที่เคยทำ ทำสวนบ้าง ตัดหญ้าบ้าง แต่คงทำงานหนักไม่ได้ ลูกๆ ก็ไม่ให้ทำงาน ถ้าจะออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา ทางครอบครัวก็ไม่ได้ว่าอะไร หลังจากนี้ไปจะรักษาต่อปีละ1ครั้งเพื่อประเมินผล"ลุงหมีกล่าว สำหรับ นายสาธิต จันทะรังษี อายุ 55 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 85/1 ถ.ศรีธรรมไตรปิฎก อ.เมือง จ.พิษณุโลก แต่ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่สวนของนายจ้างที่ภรรยาทำงานอยู่ด้วยในเขต ต.ท่าโพธิ์ อ.เมืองพิษณุโลก พิการด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ALS เป็นคนไทยคนหนึ่งที่เคยได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานความช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาล เคยถวายฎีกา เมื่อครั้งเริ่มป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง แขนขา ขยับแทบไม่ได้ ในช่วงปี 2550 และได้รับการช่วยเหลือด้านการรักษาที่ รพ.ราชวิถี กรุงเทพฯ แต่โรคชนิดนี้เป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด จึงต้องพึ่งวีลแชร์มาตลอด. ขอบคุณ... https://www.thairath.co.th/content/976528

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...