ไอดอลตัวจริง! น้องธันย์ สาวน้อยคิดบวก กับบทบาทใหม่ “ผู้สำรวจความสุขคนไข้”
จะเกิดอะไรขึ้น หากวันหนึ่งที่คุณตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่า ขา ทั้งสองข้างได้หายไป เชื่อว่าหลายคนคงตกใจ และเสียใจ ร้องไห้ฟูมฟาย แต่สำหรับสาวน้อยคนนี้ น้องธันย์-ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ หรือฉายา น้องธันย์ สาวน้อยคิดบวก เธอได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า การสูญเสียขา ไม่ได้ทำให้เธอสูญเสียกำลังใจ
ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว น้องธันย์ในวัย 14 ปี ได้เดินทางไปเรียนซัมเมอร์คอร์สภาษาอังกฤษ ที่เคมบริดจ์ ประเทศสิงคโปร์ เป็นเวลา 1 เดือน แต่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุพลัดตกลงไปในรางรถไฟ และถูกรถไฟทับที่ขาทั้งสองข้าง ในตอนนั้นเธอมีสติดีมาก เรียกเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว
น้องธันย์นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานพอสมควร จนพร้อมที่จะใส่ขาเทียม เธอบอกว่าภาพนี้เป็นภาพเมื่อ 5 ปีที่แล้ว สมัยฝึกใส่ขาเทียมครั้งแรกในชีวิต ตอนที่ใส่ขาเทียมแล้วมองภาพนี้ รู้สึกแตกต่างจากมองภาพทั่วๆไปเพราะภาพมันไม่ได้สวยสักเท่าไหร่ ดูจะมืดและเบลอด้วยซ้ำแต่ภายใต้ความมืดมันมีคุณค่าและความรู้สึกทางใจค่ะ เพราะมันสื่อให้ธันย์รู้ว่าเรามีความพยายามแค่ไหน กว่าจะยอมปล่อยมือ ชูสองนิ้วและพยายาม “ทรงตัวบนขาคู่ใหม่ในชีวิต” มันคือภาพที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อนับไม่ถ้วน ฝึกฝนจนกว่าตนเองจะทรงตัวได้ ที่สำคัญภาพนี้สอนให้ธันย์รู้ว่าหยาดเหงื่อหรือน้ำตาที่ออกมาไม่ว่าจะมาจากความพยายาม อดทนหรือเจ็บปวด แต่ผลลัพธ์มันย่อมออกมาในทางบวก เพียงแค่คุณอย่าปล่อยใจให้ท้อแท้ระหว่างเส้นทางนั้นก่อนไปสู่ผลลัพธ์นั้น
น้องธันย์ดำเนินชีวิตตามปกติ ถ้าจะบอกกันจริงๆก็มากกว่าวัยรุ่นทั่วไปด้วยซ้ำ เธอกลับไปเรียน และกลายเป็นไอดอลสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ จนมีหนังสือชื่อ สุขที่คิดบวก รวมไปถึงกิจกรรม การเป็นพิธีกร เป็นนักพูด เพื่อกำลังใจกำลังใจให้อีกมากมายหลายงาน แถมยังกล้าทำในสิ่งที่คนปกติบางคนยังกล้าๆกลัวๆ อย่าง วิ่งมาราธอน ดำน้ำ หรือแม้แต่ขับรถเธอก็ทำมาแล้ว
นอกจากนี้เธอยังบอกอีกด้วยว่า หลังเกิดอุบัติเหตุใหม่ๆมักมีคนถามว่า “กล้ากลับไปสิงคโปร์อีกมั๊ย กลัวการขึ้นรถไฟฟ้าไปเลยใช่มั๊ย” ธันย์มักจะยิ้มให้พวกเขาเหล่านั้นกลับไปก่อนเสมอแล้วตอบว่าไม่กลัวค่ะ กล้าค่ะ เพิ่งกลับไปสิงคโปร์เองและนั่งรถไฟฟ้าก็ยังคงเร็วเหมือนเดิม เพราะธันย์คิดเสมอว่าคนเราไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว และไม่กล้าทำอะไรกับสิ่งที่ทำให้เราทุกข์หรือทำให้เราฝังใจในอดีต เพราะเวลามันผ่านไปตามเวลา คนเราก็ควรเดินหน้าต่อไปด้วย จำภาพความทุกข์นั่นได้แต่อย่าให้มันมาทำให้อนาคตเราทำสิ่งนั่นไม่ได้ต่อ เพราะภาพในอดีตไม่ได้ร้องไห้เสียใจไปกับเรา ดังนั้น ยิ้มให้มันและเดินต่อไปเจอสิ่งที่สวยงามดีกว่าค่ะ
มาวันนี้ นอกจากบทบาทการเป็นนักพูดแล้ว เธอยังได้รับคัดเลือกให้ทำหน้าที่ “ผู้สำรวจความสุขคนไข้” จากโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง พร้อมกับเงินเดือน เดือนละ 1 ล้านบาท! โดยกรรมการที่ทำการคัดเลือกต่างก็เห็นตรงกันว่าไม่มีใครจะเหมาะสมกับตำแหน่งนี้เท่าเธออีกแล้ว เพราะเชื่อว่าพลังคิดบวกของเธอ จะช่วยให้การทำงานสำรวจความสุขนี้ เป็นไปอย่างราบรื่นแน่นอน และนี่คือเรื่องราวดีๆ จากผู้หญิงคนหนึ่ง ที่คิดดี ทำดี และพูดดี น้องธันย์-ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์….
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
น้องธันย์-ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ หรือฉายา น้องธันย์ สาวน้อยคิดบวก จะเกิดอะไรขึ้น หากวันหนึ่งที่คุณตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่า ขา ทั้งสองข้างได้หายไป เชื่อว่าหลายคนคงตกใจ และเสียใจ ร้องไห้ฟูมฟาย แต่สำหรับสาวน้อยคนนี้ น้องธันย์-ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ หรือฉายา น้องธันย์ สาวน้อยคิดบวก เธอได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า การสูญเสียขา ไม่ได้ทำให้เธอสูญเสียกำลังใจ ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว น้องธันย์ในวัย 14 ปี ได้เดินทางไปเรียนซัมเมอร์คอร์สภาษาอังกฤษ ที่เคมบริดจ์ ประเทศสิงคโปร์ เป็นเวลา 1 เดือน แต่โชคร้าย เกิดอุบัติเหตุพลัดตกลงไปในรางรถไฟ และถูกรถไฟทับที่ขาทั้งสองข้าง ในตอนนั้นเธอมีสติดีมาก เรียกเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว น้องธันย์นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานพอสมควร จนพร้อมที่จะใส่ขาเทียม เธอบอกว่าภาพนี้เป็นภาพเมื่อ 5 ปีที่แล้ว สมัยฝึกใส่ขาเทียมครั้งแรกในชีวิต ตอนที่ใส่ขาเทียมแล้วมองภาพนี้ รู้สึกแตกต่างจากมองภาพทั่วๆไปเพราะภาพมันไม่ได้สวยสักเท่าไหร่ ดูจะมืดและเบลอด้วยซ้ำแต่ภายใต้ความมืดมันมีคุณค่าและความรู้สึกทางใจค่ะ เพราะมันสื่อให้ธันย์รู้ว่าเรามีความพยายามแค่ไหน กว่าจะยอมปล่อยมือ ชูสองนิ้วและพยายาม “ทรงตัวบนขาคู่ใหม่ในชีวิต” มันคือภาพที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อนับไม่ถ้วน ฝึกฝนจนกว่าตนเองจะทรงตัวได้ ที่สำคัญภาพนี้สอนให้ธันย์รู้ว่าหยาดเหงื่อหรือน้ำตาที่ออกมาไม่ว่าจะมาจากความพยายาม อดทนหรือเจ็บปวด แต่ผลลัพธ์มันย่อมออกมาในทางบวก เพียงแค่คุณอย่าปล่อยใจให้ท้อแท้ระหว่างเส้นทางนั้นก่อนไปสู่ผลลัพธ์นั้น น้องธันย์ดำเนินชีวิตตามปกติ ถ้าจะบอกกันจริงๆก็มากกว่าวัยรุ่นทั่วไปด้วยซ้ำ เธอกลับไปเรียน และกลายเป็นไอดอลสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ จนมีหนังสือชื่อ สุขที่คิดบวก รวมไปถึงกิจกรรม การเป็นพิธีกร เป็นนักพูด เพื่อกำลังใจกำลังใจให้อีกมากมายหลายงาน แถมยังกล้าทำในสิ่งที่คนปกติบางคนยังกล้าๆกลัวๆ อย่าง วิ่งมาราธอน ดำน้ำ หรือแม้แต่ขับรถเธอก็ทำมาแล้ว นอกจากนี้เธอยังบอกอีกด้วยว่า หลังเกิดอุบัติเหตุใหม่ๆมักมีคนถามว่า “กล้ากลับไปสิงคโปร์อีกมั๊ย กลัวการขึ้นรถไฟฟ้าไปเลยใช่มั๊ย” ธันย์มักจะยิ้มให้พวกเขาเหล่านั้นกลับไปก่อนเสมอแล้วตอบว่าไม่กลัวค่ะ กล้าค่ะ เพิ่งกลับไปสิงคโปร์เองและนั่งรถไฟฟ้าก็ยังคงเร็วเหมือนเดิม เพราะธันย์คิดเสมอว่าคนเราไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว และไม่กล้าทำอะไรกับสิ่งที่ทำให้เราทุกข์หรือทำให้เราฝังใจในอดีต เพราะเวลามันผ่านไปตามเวลา คนเราก็ควรเดินหน้าต่อไปด้วย จำภาพความทุกข์นั่นได้แต่อย่าให้มันมาทำให้อนาคตเราทำสิ่งนั่นไม่ได้ต่อ เพราะภาพในอดีตไม่ได้ร้องไห้เสียใจไปกับเรา ดังนั้น ยิ้มให้มันและเดินต่อไปเจอสิ่งที่สวยงามดีกว่าค่ะ มาวันนี้ นอกจากบทบาทการเป็นนักพูดแล้ว เธอยังได้รับคัดเลือกให้ทำหน้าที่ “ผู้สำรวจความสุขคนไข้” จากโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง พร้อมกับเงินเดือน เดือนละ 1 ล้านบาท! โดยกรรมการที่ทำการคัดเลือกต่างก็เห็นตรงกันว่าไม่มีใครจะเหมาะสมกับตำแหน่งนี้เท่าเธออีกแล้ว เพราะเชื่อว่าพลังคิดบวกของเธอ จะช่วยให้การทำงานสำรวจความสุขนี้ เป็นไปอย่างราบรื่นแน่นอน และนี่คือเรื่องราวดีๆ จากผู้หญิงคนหนึ่ง ที่คิดดี ทำดี และพูดดี น้องธันย์-ณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์…. น้องธันย์ ฝึกเดินบนขาเทียม น้องธันย์ ว่ายน้ำในทะเล น้องธันย์ น้องธันย์ ฝึกเดินบนขาเทียม ขอบคุณ... https://women.mthai.com/amazing-women/300358.html
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)