หญิงพิการถูกตุ๋นขูดลอตเตอรี่ได้เงินคืนแล้ว ปลายทางอ้างถูกนำบัญชีไปใช้
บุรีรัมย์ - พมจ.บุรีรัมย์รุดเยี่ยมหญิงพิการสมองถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินเบี้ยเลี้ยงชีพสูญกว่า 3,070 บาท ล่าสุดตำรวจเร่งทวงเงินจากบัญชีปลายทางจนยอมโอนคืนแล้ว อ้างมิจฉาชีพนำบัญชีไปใช้ เตือนครอบครัวดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพโลกออนไลน์
จากกรณีที่ น.ส.ปนิดา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ชาวอำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นผู้พิการทางสมองและเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ถูกสามีทิ้งตั้งแต่ตั้งครรภ์ 6 เดือน ได้ออกมาขอความช่วยเหลือหลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ร่วมเล่นเกมขูดลอตเตอรี่ลุ้นเงินรางวัลในเพจเฟซบุ๊ก “เหมืองทองคำ” โดยครั้งแรกโอนจ่ายมัดจำไปก่อน 500 บาทเพื่อขูดลอตเตอรี่ลุ้นรางวัล
จากนั้นทางเพจแจ้งกลับมาว่าเป็นผู้โชคดีได้รางวัล 5,000 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 200,000 บาท แต่หากอยากได้เงินรางวัลจะต้องจ่ายภาษีกว่า 10,000 บาท ก็หลงเชื่อโอนเงินไปเพิ่มอีก 2,570 บาท รวมเป็นเงินที่โอนไปทั้งสิ้นจำนวน 3,070 บาท แต่สุดท้ายก็โดนหลอกไม่ได้รางวัลจริง ทำให้สูญเงินซึ่งเป็นเบี้ยคนพิการที่เก็บสะสมไว้ใช้ดำรงชีวิตและเลี้ยงลูกชายวัย 8 ขวบด้วย หมดเกลี้ยงเหลือเงินติดกระเป๋าแค่ 25 บาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (22 ก.ค.) น.ส.สิรินุช นพตลุง นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ อบต.หินเหล็กไฟ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อสม.ได้ลงพื้นที่ติดตามสภาพความเป็นอยู่น.ส.ปนิดา หญิงพิการที่ถูกหลอก พร้อมทั้งสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้ให้ความช่วยเหลือตามระเบียบหลักเกณฑ์
จากการเยี่ยมครอบครัวพบว่า น.ส.ปนิดา อาศัยอยู่กับพ่อและลูกชายวัย 8 ขวบ ซึ่งความเป็นอยู่ของครอบครัวสามารถที่จะประกอบอาชีพหาเลี้ยงตัวเอง มีรายได้จากการทำสวนยางพารา โดยผู้เป็นพ่อจะเป็นเสาหลักหาเลี้ยงลูกสาวและหลาน ส่วนน.ส.ปนิดาได้รับเบี้ยผู้พิการเดือนละ 800 บาท และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่คอยติดตามดูแลเป็นระยะ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้พา น.ส.ปนิดาไปที่ สภ.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง เพื่อติดตามเรื่องถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกสูญเสียเงิน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ติดต่อกับเจ้าของบัญชีปลายทางที่ผู้เสียหายโอนเงินไป พบว่าอยู่จังหวัดทางภาคเหนือ ปลายทางอ้างว่าถูกนำบัญชีไปใช้แต่มียอดเงินโอนเข้าไปในบัญชี ยอด 3,070 บาทจริง จึงยอมโอนเงินยอดจำนวนดังกล่าวคืนให้ผู้เสียหาย พนักงานสอบสวนได้ทำบันทึกไว้ พร้อมทั้งจะทำการสอบสวนตามกระบวนการ หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงก็จะทำเรื่องถอนอายัดบัญชีต่อไป
น.ส.สิรินุช นพตลุง นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ กล่าวว่า วันนี้ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่มาดูสภาพความเป็นอยู่และติดตามความคืบหน้ากรณีถูกหลอก ถือว่าน้องโชคดีเจ้าหน้าที่ช่วยติดตามประสานจนได้เงินคืน อยากจะเตือนภัยสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้พิการ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเปราะบางทางครอบครัวต้องช่วยสอดส่องดูแล เพราะทุกวันนี้มิจฉาชีพมีมาทุกรูปแบบโดยเฉพาะมิจฉาชีพในโลกออนไลน์ อย่าไปหลงเชื่อเพราะไม่มีอะไรจะได้มาฟรี