จับพิรุธ นศ.แพทย์ฆ่าสุนัขเอาเงินประกัน ป่วยทางจิตต้องรับผิดหรือไม่
กลายเป็นประเด็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก สำหรับกรณีที่นักศึกษาแพทย์ถูกกล่าวหาว่า วางยาฆ่าสุนัขเพื่อหวังเรียกเงินประกัน หลังจากที่สัตวแพทยได้มีการผ่าพิสูจน์ศพสุนัขตัวนั้น ก็พบยาความดันของคนที่สุนัขรับประทานเพียงเม็ดเดียวก็สามารถทำให้เสียชีวิตได้ จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการจงใจฆ่าเพื่อเอาเงินประกันหรือไม่ และยิ่งทำให้หลายคนตกใจยิ่งไปกว่านั้นคือ เจ้าของสุนัขนั้นเป็นถึงนักศึกษาแพทย์ ที่ตอนนี้มีการถูกพักการเรียนแล้วในเบื้องต้น และการที่มีข้อมูลว่ามีปัญหาทางจิตทำให้หลายคนยิ่งคลางแคลงใจ
ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เปิดเผยในรายการ "เป็นเรื่องเป็นข่าว" ทางช่องพีพีทีวี ว่า ส่วนตัวมองว่ากรณีของนักศึกษาแพทย์รายนี้ ต่อให้มีเอกสารทางการแพทย์มายืนยันก็ไม่คิดว่าเป็นอาการทางจิต โดยตามมาตรา 65 ป.อาญานั้นผู้กระทำที่จะได้รับการยกเว้นโทษนั้น ต้องไม่มีความรู้สึกขณะกระทำเลย
แต่เรื่องนี้มีมีพิรุธหลายอย่าง อาการทางจิตต้องให้หมอเป็นคนวินิจฉัยมาและต้องให้หมอบอกว่าอาการทางจิตที่เป็นนั้นเป็นหนักขนาดไหน หรือหนักถึงขั้นไม่รับรู้เลยไหมในขณะทำการ แต่ในขั้นตอนการวางแผน การติดต่อเป็นขั้นเป็นตอน คนที่มีอาการสามารถทำได้ถึงขนาดนี้หรือไม่ จากจุดเริ่มต้นตั้งแต่ซื้อสุนัข มีการทำประกัน วางแผนให้สุนัขไปตายระหว่างทาง แบบนี้ต้องเป็นคนที่มีสติตลอดเวลา
ทนายรณรงค์ อธิบายเพิ่มเติมว่า สำหรับกฎหมายทารุณกรรมสัตว์ ตามมาตรา 20 ที่นักศึกษาแพทย์รายนี้จะโดนในสุนัขตัวที่สองที่มีผ่าว่าพบเจอยาความดัน เพราะมีประจักษ์พยานว่านักศึกษาแพทย์คนนี้เป็นคนป้อนยาเอง ส่วนสุนัขตัวแรกตำรวจต้องทำงานหนักว่าใครเป็นคนเอายาป้อนใส่ปาก กรณีความผิดเรื่องทารุณกรรมสัตว์ในสุนัขตัวที่สองนั้นยอมความไม่ได้ และมีความผิดมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนคดีฉ้อโกงในสุนัขตัวที่สองทางบ้านอาจจะไปเคลียร์กับบริษัทประกันได้ แต่คดีทารุณกรรมสัตว์นั้นไม่ใช่ ถ้าตั้งใจฆ่าสุนัขติดคุกได้จริงๆ ที่ผ่านมามีกรณีศึกษาให้เห็นแล้ว และกรณีนี้เป็นการวางยาด้วย องค์ประกอบที่จะเข้ากฎหมายทารุณกรรมสัตว์ นั้นมี การตั้งใจหรือเจตนาทำให้ตาย ผิดตามมาตรา 20 แล้ว
ขณะที่ พ.ต.อ.เติมเผ่า สิริภูบาล ผกก.สน.สุทธิสาร เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีที่มีประเด็นนักศึกษาแพทย์รายนี้ว่ามีปัญหามีอาการป่วยทางจิตว่า ขณะนี้เราได้ออกหมายเรียกให้มาให้ปากคำกับตำรวจแล้ว ให้มาพบในวันที่ 18 ก.ย.แล้ว และวันนี้ได้ประสานกับพ่อของนักศึกษาแพทย์มาคุยกันที่ สน. ในส่วนของเรื่องการฉ้อโกง ส่วนกรณีที่มีรุ่นพี่ที่เป็นนักศึกษาแพทย์บอกว่ามีอาการทางจิตนั้น ก็ให้มามอบตัวเราก็จะส่งให้แพทย์วินิจฉัย ถ้าพบว่าวิกลจริตจริง หรือไม่ก็ต้องนำหลักฐานมาให้ตรวจสอบ ก็จะละเว้นการดำเนินคดี