กลุ่มนศ.พิการหู วิทยาลัยราชสุดา ร่วมทำสิ่งยิ่งใหญ่ฝึกร้องเพลง "แสงสุดท้าย" version ภาษามือ ไว้ต้อนรับ"พี่ตูน"
ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมาสำหรับการวิ่งของ ตูน บอดี้สแลมและคณะในโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ จะเห็นได้ว่ามีเรื่องราวดีๆ ชวนให้ประทับใจเกิดขึ้นมากมาย และล่าสุดกับอีกหนึ่งเหตุการณ์ดีๆ เมื่อเฟซบุ๊ก "Parkpoom Patumcharoen" ได้มีการเผยแพร่ภาพของนักศึกษาหูหนวก วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้รวมกลุ่มร้องเพลง "แสงสุดท้าย" เวอร์ชั่นภาษามือเพื่อแสดงและเป็นกำลังให้ตูน บอดี้สแลมและคณะ
โดยข้อมูลรายละเอียดดังกล่าวระบุเอาไว้ว่า...แสงสุดท้าย version ภาษามือ แสงสุดท้าย ที่ต้องใช้หัวใจฟัง ลองมองภาพถ่ายชุดนี้นะครับ จะเห็นภาษามือของน้องๆ กลุ่มนี้นะครับ ที่กำลังร้องเพลง "แสงสุดท้าย" ให้พี่ตูนได้ฟัง "เรารู้ว่าพี่จะวิ่งผ่านม.มหิดล พวกเราจึงฝึกเพลงภาษามือ "แสงสุดท้าย" ไว้รอต้อนรับพี่" กลุ่มนักศึกษาหูหนวก วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล ฝึกซ้อมร้องเพลงด้วยภาษามือกว่าสองสัปดาห์เพื่อรอต้อนรับพี่ตูน เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา
"แม้จะเปิดเพลงให้พวกเราฟังแค่ไหน เราก็ไม่อาจจะได้ยินหรอกค่ะพี่ ยิ่ง "เพลงแสงสุดท้าย" ที่ฮิตติดหูคนไทยทั้งประเทศ สารภาพจริงๆ ว่าพวกเราไม่สามารถรู้แม้กระทั้งความหมายจากการฟังได้เลย เพราะพวกเราเป็นคนหูหนวกค่ะ บางคนก็ไม่ได้ยินอะไรเลยเหมือนอยู่ในโลกที่เงียบสนิท ถ้าคนไหนดีหน่อยก็พอได้ยินก็แค่เสียงเบสที่ดังสั่นๆ พอจะได้ยินเป็นเสียง เป็นจังหวะเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าเพลงสนุกอย่างไร หรือเนื้อหาในเพลงเป็นอย่างไร จนวันหนึ่งพวกเราเห็นภาพของนักร้องคนนี้กำลังวิ่งอยู่ริมถนนพอจะทราบข้อมูลว่าพี่นักร้องคนนี้ กำลังวิ่งเพื่อรับบริจาคเงินเพื่อร่วมสมทบทุนมอบให้โรงพยาบาล ยิ่งได้พูดคุยกับคุณครูและพี่ล่ามสอนภาษามือ
มหาวิทยาลัยมหิดล พวกเราก็เลยอยากร้องเพลงเป็นภาษามือเพื่อให้กำลังใจ ถึงตอนที่ได้พูดคุยและคิดว่าจะร้องเพลงนี้เป็นภาษามือ ทางพี่ล่ามภาษามือและครูสอนภาษามือจึงช่วยกันแปลความหมายของเพลงให้พวกเราเข้าใจ ว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ให้กำลังใจทุกๆ คน พวกเราถึงแม้จะเป็นคนหูหนวก แต่ก็ขอออกมาร่วมเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้กับพี่ตูน พวกเราทราบว่าพี่ตูนวิ่งจากเบตงไปแม่สายเพื่อรับบริจาคเงินช่วยเหลือโรงพยาบาล พวกเรารู้สึกว่าสิ่งที่พี่ทำมันยิ่งใหญ่มากและระยะทางที่พี่ต้องก้าวไปแต่ละก้าวมันยังอีกไกลเมื่อถึงพวกเรา
ในวันนั้นน้องๆ กลุ่มนี้ก็เตรียมตัวออกไปรอรับไม่ต่างจากคนทั่วๆ ไปที่ทราบกำหนดการวิ่งของพี่ตูนกับคณะ นัดรวมตัวกันตั้งแต่ 9 โมงเช้าเพื่อรอต้อนรับ และร้องเพลงภาษามือให้พี่ตูนและคณะได้ชมและให้กำลังใจ รอถึงประมาณบ่าย 3 โมงกว่าๆ ก็ทราบจากพี่ล่ามภาษามือว่า พี่ตูนกำลังจะวิ่งผ่านมาถึงบริเวณที่พวกเรารอแล้ว พวกเราตื่นเต้นและดีใจมากที่จะได้ร้องเพลงภาษามือให้พี่ตูน แต่ถนนบริเวณนั้นมันกว้าง พี่ตูนกับคณะวิ่งอยู่ถนนเส้นนอก ทำให้ไม่ได้มีโอกาสได้พบกัน
แต่ถึงพี่ตูนไม่แวะพวกเขาก็ไม่เสียใจครับ เพราะพวกเขาเห็นพี่ตูนนำธงของมหาวิทยาลัยมหิดลมาโบกและหยุดส่งยิ้มมาให้พวกเราด้วย พวกเขาไม่รู้หรอกครับว่าพี่ตูนจะเห็นพวกเราหรือไม่ แต่พวกเราตั้งใจทำเพื่อรอรับพี่สุดกำลัง และความสามารถที่พวกเราพอจะทำได้
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เหมือนแสงที่วิ่งผ่านไป แต่เป็นแสงที่มีความหมายนอกจากส่องสว่างเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น แสงสว่างและเรื่องราวของพี่ตูนก็จะเป็นกำลังใจให้กับพวกเราได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมในสังคม และไม่ท้อแท้กับอุปสรรคที่เข้ามาในชีวิต และจะมีพี่ตูนเป็นต้นแบบครับ
ภาคภูมิ ประทุมเจริญ (โตโต้)
ช่างภาพอาสาโครงการก้าวคนละก้าว