'ตั้ม'อาสาหัวใจโคตรหล่อ ข้ามขีดจำกัดหูหนวกเป็นใบ้
สัปดาห์นี้เล่าถึงชีวิตชายที่เกิดมาหูหนวกเป็นใบ้ แต่ใจโคตรหล่อ “ตั้ม” อาสาหนุ่มข้ามขีดจำกัดชีวิต พิสูจน์ตัวลบคำครหา แม้พิการแต่ไม่ไร้ความสามารถ เป็นอย่างไรไปติดตามกัน
ถ้าวันไหนมีใครคิดท้อขึ้นมา คุณลองหันกลับมามองชีวิตหนุ่มคนนี้ “ธเนศ ศรีสังข์” วัย 36 ปี หรือ “ตั้ม” ชายที่มีจิตใจไร้ซึ่งความทุกข์ แม้ว่าเขาต้องเผชิญกับความไม่สมบูรณ์ทางร่างกาย มีคำว่า “พิการ” ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่นั้นไม่ใช่อุปสรรคที่ถูกครหาว่า “ไร้ความสามารถ” เพราะเขาเลือกที่จะเป็น...คนดีอาสาช่วยเพื่อนมนุษย์
“ดาวรุ่ง แตงเผือก” อายุ 59 ปี แม่ของชายพิการคนนี้ นั่งเล่าให้ฟังภายในบ้านเลขที่ 200/44 หมู่ 4 ซอยนราวัลย์ ต.ลำตาเสา อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่เขาคลอดก่อนกำหนด 7 เดือน น้ำหนักเพียง 1 กิโลกรัม กับอีก 6 ขีดเท่านั้น เนื้อตัวเขียว และสำลักน้ำคร่ำ โชคดีที่คุณหมอมือดีช่วยไว้ได้ทัน แต่โชคร้ายคือเด็กจะมีพัฒนาการช้า
ในที่สุดคำหนึ่งคำที่คนเป็นแม่ไม่อยากได้ยินจากปากหมอก็เกิดขึ้น “เมื่อเด็กโตขึ้นมีโอกาสกลายเป็นคนพิการ” โดยระยะเวลา 2-3 เดือน หัวใจของแม่ก็เฝ้าคอยดูแลลูกชายอย่างดีที่สุด มองดวงตาของลูกที่กำลังใสแป๋ว แต่เมื่อความจริงที่เจ็บปวดผลักประตูเข้ามาในบ้าน เด็กตัวเล็กๆ ก็ไม่สามารถหลีกหนีพ้นจากความพิการไปได้ แขนขาอ่อนแรง ออกเสียงและเดินไม่ได้เหมือนเด็กทั่วไป
“ตั้ม” มีน้องสาวอีก 2 คน ปัจจุบันอายุ 34 ปี เป็นพยาบาล และอีกคนอายุ 33 ปี เป็นสาวโรงงาน สมัยยังเด็กเมื่อเห็นน้องสาวไปโรงเรียน ก็อยากไปด้วย พยายามหิ้วปิ่นโตไปส่งน้องสาวที่โรงเรียน เคยลองจับดินสอเขียน ก.ไก่ แต่ร่างกายกลับปฏิเสธความพยายาม อาการปวดร้าวผุดขึ้นมาจากการเกร็ง เป็นสาเหตุทำให้ไม่ได้เรียนหนังสือ
“หมอบอกวิธีการเลี้ยงว่า...เด็กจะระงับอารมณ์ไม่ได้ ต้องคอยระวังเรื่องทำลายข้าวของ ต้องมีคนดูแลใกล้ชิด
แม้ว่าชายคนนี้จะเป็นใบ้และหูหนวก แต่งานแรกที่เขาสามารถทำได้ คือออกไปรับจ้างตัดหญ้า ค่าแรงวันละ 160 บาท เขาภูมิใจที่อย่างน้อยช่วยครอบครัวได้ บางครั้งถูกตัวต่อต่อย อาการหายใจรุนแรงเหนื่อยง่าย เพิ่มทวีขึ้นเสี่ยงเสียชีวิต บ่อยครั้งที่เขาจะใช้ภาษากายบอกพ่อเขาว่า อยากไปทำงาน อยากไปยกของ ซึ่งคนเป็นพ่อสงสารลูกจับใจ “จะไปทำได้ยังไง ร่างกายก็ไม่ค่อยดี พูดสื่อสารกับใครไม่รู้เรื่อง”
ความตั้งใจของ “ตั้ม” มีอย่างเต็มเปี่ยม จนมีเจ้าของอู่ใจดีชักชวนมาทำงานด้วย ช่วยหยิบจับพอที่ทำไหว ซ่อมได้บ้างเล็กๆ น้อยๆ เป็นเด็กขยันและอดทน โดยจะคอยช่วยเหลือพนักงานภายในร้าน จึงเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนร่วมงาน และระหว่างทำงานจะคอยเฝ้าฟังวิทยุแจ้งเหตุ หรือตรวจสอบว่ามีอุบัติเหตุ ประชาชนร้องขอความช่วยเหลือหรือไม่ แต่เมื่ออายุได้ 20 ปี อาการปวดหลังกลับรุนแรงเป็นเท่าตัว ยกของหนักไม่ได้ สุดท้ายต้องลาออกจากอู่ซ่อมรถ
กระทั่ง “ตั้ม” เข้ามาเป็นอาสาสมัครป่อเต็กตึ๊งจุดวังน้อย กู้ภัยมูลนิธิพุทไธสวรรย์ จ.พระนครศรีอยุธย ได้เกือบ 8 ปีแล้ว แม่ของเขาเชื่อว่า “เขาคงมีเวรกรรม เขาได้ช่วยคนอื่นจะได้หมดเวร” อย่างเดียวที่เป็นห่วง “กลัวตัวเองตาย เขาจะอยู่อย่างไร” แต่หมอบอกว่าถ้ารักษาอาการหูหนวกได้ ก็ยังมีความหวังว่าจะพูดได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
ด้วยนิสัยชอบปลูกต้นไม้ จะรักและห่วงต้นมะนาว 2 ต้นที่ปลูกไว้หน้าบ้านมาก ทุกเช้าเขาจะตื่นขึ้นมารดน้ำต้นไม้รอบบ้าน แถมยังซักผ้าเองไม่เป็นภาระของครอบครัว โดยทุกๆ อย่างที่เขาพยายามผ่านร่างกายพิการ แสดงให้เห็นถึงหัวใจที่อยากทำประโยชน์ ซึ่งเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของการหยิบยื่นน้ำใจช่วยเพื่อนมนุษย์ จากการทำงานอาสาฯ
ถึงแม้ “ตั้ม” จะมีร่างกายและสมองผิดไปจากคนอื่น ก็ไม่เคยทำความเดือนร้อนให้กับสังคมและครอบครัว กลับอุทิศตนทำงานให้กับสังคม และประชาชนที่เดือดร้อน ช่วยงานมูลนิธิอย่างจริงจังและเต็มใจ ทั้งที่ร่างกายไม่เอื้ออำนวยต่องานอาสาสมัครก็ตาม แต่ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ บวกกับความเป็นคนดี จึงเป็นที่รู้จักรักใคร่ของเพื่อนๆ ร่วมงาน
บางสิ่งที่เกินกว่ากำลังเขาก็จะบอก กระทั่งพัฒนาฝีมือมาเป็นช่างภาพและวิดีโอ ส่งภาพข่าวให้สื่อต่างๆ กับกลายเป็นคนที่ดูถูกเขาว่าทำไม่ได้ หันมาชื่นชมแทน และได้รับเกียรติอันสูงสุดเข้ารับประทานรางวัล “ประชาบดี” และโล่เชิดชูเกียรติจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในประเภทบุคคลผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ที่สามารถดำรงชีวิตเป็นแบบอย่างควรแก่การยกย่องเชิดชูเกียรติ ประจำปี 2555
การมองแค่เปลือกนอกด้วยตา ไร้การสัมผัสจิตใจข้างใน อาจทำให้บางท่านคิดว่า...เขาทำอะไรไม่ได้ เพราะร่างกายเป็นแบบนี้ แต่เชื่อไหมครับว่า... “ตั้ม” พยายามทำทุกอย่างให้เหมือนคนทั่วไป เพียงแต่สายตาของคนรอบข้าง ไปตัดสินจากร่างกายที่ “พิการ” แต่หากมองจากข้างใน คุณอาจเห็นหัวใจที่โคตรๆ หล่อของหนุ่มคนนี้อย่างแน่นอน.