เครือเจริญโภคภัณฑ์ หนุนมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ สร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน ที่เชียงใหม่
“เครือเจริญโภคภัณฑ์” ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการพัฒนาที่ยั่งยืน เดินหน้าส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มคนพิการอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสนับสนุนมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ สร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ร่วมพัฒนาหลักสูตรสอนอาชีพคนพิการ พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรมการเกษตร และสนับสนุนด้านการตลาด รวมถึงนำรูปแบบวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เข้าช่วยสร้างความยั่งยืน เพื่อให้ศูนย์ฯแห่งนี้เป็นที่สร้างอาชีพและสร้างความมั่นคงให้แก่คนพิการในระยะยาว
ดร.อธิป อัศวานันท์ ผู้บริหารสำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาล เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์มีนโยบายสนับสนุนและช่วยเหลือคนพิการมาโดยตลอด สอดคล้องตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนของเครือฯ ที่ได้ตั้งเป้าหมายจะต้องส่งเสริมอาชีพและคุณภาพชีวิตแก่เกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย และกลุ่มผู้เปราะบางซึ่งรวมถึงคนพิการ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 100,000 รายภายในปี 2563 และด้วยความตระหนักในบทบาทและความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมในฐานะภาคเอกชนจึงได้สนับสนุนมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ ในการจัดสร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ เพื่อเป็นแหล่งในการฝึกอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้แก่คนพิการ ทำให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้ร่วมพัฒนาหลักสูตรการฝึกอาชีพของคนพิการ และนำศักยภาพในการเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการเกษตรเข้ามาสนับสนุน ด้วยการถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงให้การสนับสนุนและเป็นช่องทางด้านการตลาดแก่สินค้าและบริการของกลุ่มคนพิการที่ฝึกอาชีพในศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน
ในระยะยาววางแผนที่จะนำรูปแบบวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) เข้ามายกระดับศูนย์ฝึกอาชีพ คนพิการอาเซียน เพื่อเปิดโอกาสให้กับคนพิการได้เป็น “เถ้าแก่น้อย” ส่งเสริมให้เป็นเจ้าของร้านกาแฟ โดยในระยะแรกได้เปิดหลักสูตรบาริสต้ามืออาชีพ
ในการนี้ ดร.อธิปได้กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้เครือเจริญโภคภัณฑ์ได้สนับสนุนการจัดกิจกรรมโครงการปั่นไปไม่ทิ้งกัน No One Left Behind ที่มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการดำเนินการขึ้นเพื่อระดมทุนสร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้เพราะเห็นว่าศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียนจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้พิการ มีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง ทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างยั่งยืน ตามแนวคิด เปลี่ยนภาระให้เป็นพลัง ซึ่งจะเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต และตอกย้ำด้านความเท่าเทียมของผู้พิการในสังคมไทย
ศาสตราจารย์ วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ ประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เครือเจริญโภคภัณฑ์สนับสนุนภารกิจมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการมาโดยตลอด รวมถึงโครงการปั่นไปไม่ทิ้งกันฯ และศูนย์ฝึกอาชีพเพื่อคนพิการอาเซียน ทั้งนี้ มูลนิธิฯ มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์จะนำศักยภาพและประสบการณ์ของภาคธุรกิจมาช่วยกันพัฒนาและสร้างสรรค์ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตให้แก่คนพิการ
โดยจะเป็นสถานที่อบรมอาชีพ โดยเฉพาะทางด้านเกษตรซึ่งคนพิการสามารถนำไปปฏิบัติจริงได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากใช้เงินลงทุนต่ำ มีรายได้ดี และสามารถจำหน่ายง่ายในท้องตลาด ทำให้มีรายได้อย่างมั่นคง สามารถดูแลตนเองและครอบครัวได้
ศูนย์ฝึกอาชีพเพื่อคนพิการอาเซียน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เป็นศูนย์ฝึกอาชีพเพื่อคนพิการฯแห่งแรก ที่มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการสร้างขึ้น ตั้งอยู่บนพื้นที่ 33 ไร่ ซึ่งจะมีองค์ประกอบเพื่อช่วยเหลือคนพิการให้สามารถฝึกอาชีพได้ครบวงจร ตลอดจนรองรับคนพิการทุกรูปแบบ รวมถึงคนพิการบริเวณชายขอบของประเทศด้วย
โดยศูนย์ฝึกอาชีพเพื่อคนพิการอาเซียนเปิดอบรมวิชาชีพหลักสูตรหลากหลายได้แก่ การเพาะเห็ดนางฟ้าภูฏาน การเลี้ยงจิ้งหรีด การปลูกผักไฮโดรโปรนิก การแปรรูปเห็ด การแปรรูปจิ้งหรีด และการประกอบธุรกิจเอสเอ็มอี โดยได้การรับรองจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จุดมุ่งหมายเพื่อให้คนพิการมีอาชีพอิสระ สามารถรายได้เลี้ยงตัวเองได้ ก้าวพ้นจากความยากจน โดยในระหว่างที่ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียนยังไม่แล้วเสร็จได้มีการฝึกอาชีพเพื่อคนพิการมาแล้วที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
ด้านคนพิการที่เคยฝึกอาชีพกับศูนย์ฝึกอาชีพเพื่อคนพิการมาก่อน ต่างกล่าวว่าศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการฯทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น
นายนิพนธ์ ตาซา อายุ 31 ปี ชาว อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ หนึ่งในคนพิการที่เข้าร่วมฝึกอาชีพกับศูนย์ฝึกอาชีพเพื่อคนพิการอาเซียน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า การได้เข้าร่วมฝึกอาชีพในศูนย์ฯ นี้ไม่เพียงช่วยสอนวิชาชีพ แต่สอนให้รู้จักคุณค่าของตนและให้มองชีวิตไปข้างหน้า ปัจจุบันอาชีพหลักของนิพนธ์คือ การเลี้ยงจิ้งหรีด สร้างรายได้มากกว่า 2 หมื่นบาทต่อเดือน เนื่องจากมีความต้องการจากตลาดมาก ปัจจุบันไม่เพียงเลี้ยงตัวเองได้ แต่ยังสามารถเลี้ยงดูแม่ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงได้อีกด้วย ในอนาคตเขาจะตั้งใจจะปลูกผักและเพาะเห็ดขาย เพื่อหารายได้เสริม สร้างความมั่นคงทางการเงิน
น.ส.รุ่งรวิภา โปธิวงค์ อายุ 33 ปี ชาว อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า การเข้าฝึกอาชีพที่ศูนย์ฯ ได้เปลี่ยนชีวิตของเธอไปอย่างสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้เธอได้ประสบอุบัติเหตุจากขับมอเตอร์ไซค์ทำให้ต้องดามเหล็กที่ขาและขาก็ใช้งานไม่สะดวก จนเธอไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ต่อมาได้เข้าอบรมวิชาชีพกับศูนย์ฝึกอาชีพเพื่อคนพิการอาเซียนที่แม่ริม ทั้งการปลูกผัก การเพาะเห็ด และเลี้ยงจิ้งหรีด รวมถึงการตลาด การขาย การทำบรรจุภัณฑ์ ทำให้เธอมีอาชีพมั่นคงและชีวิตก็ดีขึ้นตามลำดับ
เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความหวังว่า ผู้พิการจะต้องไม่ถูกมองว่าเป็นภาระของสังคม และจะต้องทำให้ผู้พิการกลายเป็นอีกหนึ่งพลังในการพัฒนาสังคม ซึ่งจะก่อให้เกิดการพัฒนาที่สมดุล เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ไม่มีความเหลื่อมล้ำ สามารถแก้ปัญหาความยากจน เป็นสังคมที่ไม่มองข้ามและไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง ซึ่งก็คือเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ให้ความสำคัญกับกลุ่มคนพิการอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะร่วมสนับสนุนการฝึกอาชีพ การสร้างงาน และการสร้างอาชีพคนพิการ ตามมาตรา 33 และมาตรา 35 ปัจจุบันมีคนพิการมากกว่า 1,000 คนทำงานในกลุ่มบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังริเริ่มทำโครงการต่างๆ เพื่อดึงศักยภาพของคนพิการแต่ละกลุ่มออกมา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต เช่น โครงการ S2S From Street to Stars โดยร่วมกับสมาคมคนตาบอดและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สนับสนุนให้ผู้พิการทางการมองเห็นสามารถมีช่องทางในการแสดงความสามารถ รวมถึงการพัฒนาแบรนด์สินค้าของมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการภายใต้แบรนด์ “ยิ้มสู้”
การดำเนินงานเพื่อคนพิการทั้งหมดนี้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ หรือ SDGs และนโยบายมุ่งสู่ความยั่งยืนของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ