ใช้เล้าไก่ซุกหัวนอน! นักเรียนหญิงวัย11ปีอยู่กับพ่อ
ใช้เล้าไก่ซุกหัวนอน! นักเรียนหญิงวัย11ปีอยู่กับพ่อ
ชีวิตรันทด! เด็กนักเรียนหญิงวัย 11 ปี โรงเรียนบ้านละหานทรายคุรุราษฎร์บำรุง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ มีผลการเรียนดี อาศัยอยู่ตามลำพัง 2 คนกับพ่อวัย 43 ปี ที่พิการป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่มีแม้บ้านที่จะซุกหัวนอน ต้องอาศัยต่อเพิงจากเล้าไก่เป็นทั้งที่อยู่-กิน-นอน ไม่มีห้องครัว ไร้สุขา ปลดทุกข์ต้องวิ่งเข้าป่าหรือทุ่งนา วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ
วันที่ 21 ก.พ.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปลัดป้องกันอำเภอละหานทราย จ.บุรีรัมย์ พร้อมคณะเหล่ากาชาด อ.ละหานทราย ได้เข้าเยี่ยมนายโกศัลย์ จริตรัมย์ อายุ 43 ปี ป่วยเป็นโรคแขนขาอ่อนแรง อยู่กับ ด.ญ.สุดารัตน์ จริตรัมย์ อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านละหานทรายคุรุราษฎร์บำรุง ซึ่งเป็นบุตรสาวตามลำพัง 2 คนพ่อลูก ส่วนแม่ของเด็กได้เสียชีวิตไปเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา โดย 2 พ่อลูกได้อาศัยอยู่ในเพิงหมาแหงนที่ต่อเติมมาจากเล้าไก่ไข่จำนวน 30 ตัว ที่ได้รับการช่วยเหลือจากโครงการช่วยเหลือผู้พิการมาก่อนหน้านี้ โดยเพิงพักอาศัยที่ต่อมาจากเล่าไก่มีขนาดเพียง 2x3 เมตรเท่านั้น หลังคามุงด้วยหญ้าคา ที่กินที่อยู่ที่นอนอยู่ในพื้นที่เดียวกัน และไม่มีแม้กระทั่งห้องสุขา สร้างอยู่บนที่สาธารณะ ไม่มีบ้านเลขที่ในพื้นที่หมู่ที่ 10 ต.ละหานทราย อ.ละหานทราย
ทั้งนี้ นายโกศัลย์ มีรายได้จากเงินช่วยเหลือผู้พิการเดือนละ 800 บาท และส่วนหนึ่งจากไข่ไก่ที่เลี้ยงไว้ ซึ่งเงินจำนวนนี้ส่วนหนึ่งไว้ซื้อหัวอาหารไก่ และไว้สำหรับซื้อปลายข้าวสารมาไว้หุงกิน และให้ลูกสาวห่อข้าวไปโรงเรียน ซึ่งกับข้าวจะเป็นเมนูจากไข่ไก่ที่เลี้ยงไว้ ส่วนลูกสาวก็มีเงินไปโรงเรียนบ้างไม่มีบ้างตามอัตภาพ
เบื้องต้น ทางอำเภอละหานทราย และหลายหน่วยงานได้นำสิ่งของอุปโภคบริโภคจำนวนหนึ่ง ไปเยี่ยมให้กำลังใจ รวมถึงหาทางช่วยเหลือครอบครัวนายโกศัลย์ แต่ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง
นายโกศัลย์ บอกว่า อยากมีบ้านอยู่อาศัยที่ถูกสุขลักษณะไว้หลบแดดฝน เพื่อความเป็นอยู่ของลูกสาวที่ดีขึ้น เนื่องจากลูกสาวเริ่มโตเป็นสาวแล้ว อยากให้ลูกมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้ ได้มีโอกาสเรียนหนังสือสูงๆ ซึ่งการเรียนของลูกถือว่าอยู่ในระดับเกณฑ์ดี ช่วงหน้าหนาวที่ผ่านมาก็หนาวจับใจ เพราะที่อยู่ไม่มีฝาผนังมีเพียงป้ายไวนิลบังไว้เท่านั้น ส่วนหน้าฝนยิ่งลำบากหนัก ฝนสาดถึงที่นอน น้ำก็ไหลเอ่อท่วมขัง ถึงบริเวณที่อาศัยอยู่ ห้องครัวกับห้องสุขา ก็ไม่มีเวลาจะปลดทุกข์ ต้องอาศัยเข้าป่าหรือทุ่งนา
ด้าน ด.ญ.สุดารัตน์ เล่าให้ฟังว่ารู้สึกน้อยใจบ้างในบางครั้ง ที่สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวเป็นอย่างนี้ แต่ตนก็ไม่ย่อถอย ถึงแม้ครอบครัวจะไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม โดยจะนำเอาจุดด้อยมาเป็นแรงผลักดัน เป็นพลังให้ตนสู้ชีวิตต่อ และดูแลพ่อให้ดีที่สุด รวมถึงจะตั้งใจเรียนหนังสือ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวและสังคม
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่ต้องการให้ความช่วยเหลือ ครอบครัวของ ด.ญ.สุดารัตน์ สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ผ่านทางกิ่งกาชาดอำเภอละหานทราย.