รมว.พม. ขับเคลื่อนงานด้านสังคมและคนพิการ
รมว.พม. เดินหน้าขับเคลื่อนงานด้านสังคมและคนพิการ เพื่อสร้างสังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน
นายสมคิด สมศรี อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กล่าว ถึงนโยบายการขับเคลื่อนงานด้านสังคมและคนพิการ ว่า รัฐบาล ภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม และการเข้าถึงบริการของรัฐอย่างเท่าเทียม โดยเร่งสร้างโอกาส สร้างอาชีพ และสร้างรายได้อย่างมั่นคง ให้กับประชาชนในทุกกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึง
โดยเฉพาะกลุ่มคนพิการซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญ ภายใต้แนวคิด “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” (Leave no one behind) โดยมอบหมายกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) เพื่อให้คนพิการเข้าถึงสิทธิในการทำงานโดยไม่เลือกปฏิบัติ พร้อมสร้างเกียรติ โอกาส กำลังใจ ให้แก่คนพิการ ตามกลไกพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 ที่กำหนดให้คนพิการได้รับสิทธิประโยชน์และความคุ้มครองคนพิการเพื่อมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม และให้คนพิการมีสิทธิได้เข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะและความช่วยเหลืออื่นจากรัฐ
ด้าน พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีคนพิการที่ขึ้นทะเบียนและมีบัตรประจำตัวคนพิการ จำนวน กว่า 1.9 ล้านคนทั่วประเทศ ทั้งนี้ กระทรวง พม. ได้ตระหนักถึงความสำคัญของคนพิการ โดยส่งเสริมสิทธิและสวัสดิการของคนพิการในด้านต่างๆ เช่น การสนับสนุนการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและทุกคนในสังคม (Universal Design) ให้ประชาชน ทุกเพศ ทุกวัย และทุกสภาพร่างกาย สามารถเข้าถึงและใช้บริการได้สะดวก ปลอดภัย ทั่งถึงเท่าเทียมกัน รวมถึงด้านการศึกษา การรับบริการสุขภาพ การเพิ่มเบี้ยความพิการ จาก 500 บาท ปรับเพิ่มเป็น 800 บาท การส่งเสริมการประกอบอาชีพและการจ้างงานคนพิการ ตามมาตรา 33, 34 และ 35 โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม และองค์กรคนพิการทั้ง 7 ประเภท ซึ่งเป็นความร่วมมือในรูปแบบประชารัฐเพื่อสังคม เพื่อให้คนพิการสามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างอิสระ สะดวก ปลอดภัย ขจัดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมเพื่อร่วมสร้างสังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันต่อไป
“กระทรวง พม. มีภารกิจหลักในการดูแลกลุ่มเป้าหมายทุกช่วงวัย ทั้งเด็ก สตรี ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและผู้ที่ตกอยู่ในภาวะยากลำบาก ทั้งนี้ ประชาชนที่พบเห็นปัญหาหรือมีผู้ใกล้ชิดที่ประสบปัญหาทางสังคม สามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่สายด่วนศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 หรือในพื้นที่ต่างจังหวัดที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์จังหวัด ซึ่งทุกหน่วยงานใน สังกัด พม. ยินดีให้คำปรึกษาและรับเรื่องร้องทุกข์ในทุกปัญหาสังคม” พล.อ.อนันพร กล่าว