ไทยร่วมเวทีรัฐภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ
อธิบดี พก. ร่วมประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ สมัยที่ 11 ที่สหรัฐฯ เน้นย้ำนโยบายประชารัฐเพื่อสังคม เดินหน้าลดความเหลื่อมล้ำ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
รัฐบาล นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญในการออกกฎหมาย นโยบาย และแผนงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญ ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง ภายใต้การขับเคลื่อนการดำเนินงานของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการอย่างเต็มที่ โดยมุ่งเน้นนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม และการเข้าถึงบริการของรัฐอย่างเท่าเทียม มีการดำเนินงาน “ประชารัฐด้านสังคม” (public-private partnerships) เพื่อสร้างโอกาส เกียรติ กำลังใจ พร้อมมอบหมาย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ซึ่งมีภาระกิจหลักในการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ให้สามารถเข้าถึงสิทธิตลอดจนสวัสดิการและความช่วยเหลือจากรัฐ
โดยเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2561 ที่ผ่านมา นายสมคิด สมศรี อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) เป็นหัวหน้าคณะ พร้อมด้วยนายมณเฑียร บุญตัน กรรมการอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ และข้าราชการกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ สมัยที่ 11 หัวข้อ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ภายใต้การขับเคลื่อนอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ” (Leaving no one behind through the full) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 12 -14 มิ.ย. 2561 โดยมีอัครราชทูตจากสาธารณรัฐบัลแกเรีย ผู้แทนถาวรแห่งสหประชาชาติ เป็นประธาน มีประเทศรัฐภาคี จำนวนมากกว่า 130 ประเทศ เข้าร่วมประชุม จากจำนวน 177 ประเทศ
นายสมคิด ได้กล่าวถ้อยแถลงว่า ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ ตั้งแต่ปี 2551 ทั้งนี้ รัฐบาลไทย นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มุ่งเน้นนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม มีการออกกฎหมาย นโยบาย และแผนงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ การขจัดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อคนพิการ และการส่งเสริมสิทธิคนพิการให้เป็นจริง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังภายใต้การขับเคลื่อนการดำเนินงานของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการอย่างเต็มที่ (Leaving no one behind through the full implementation of the CRPD) นอกจากนี้ ประเทศไทย ได้ดำเนินงาน “ประชารัฐด้านสังคม” (public-private partnerships) และมีเป้าหมายส่งเสริมการจ้างงานคนพิการภาครัฐ เป้าหมาย 100% ในปี 2561 รวมถึงให้คนพิการ เข้าถึงสิทธิ สวัสดิการและความช่วยเหลือจากรัฐ เพื่อให้คนพิการมีศักยภาพ ดำรงชีวิตอิสระสู่สังคมอย่างเท่าเทียม
นอกจากนี้ อธิบดี พก. ได้ร่วมการแลกเปลี่ยนความเห็น "ระดับทวิภาคี" กับประเทศออสเตรเลีย ในด้านแผนการประกันคุณภาพชีวิตคนพิการ การกำหนดนโยบายระดับชาติเพื่อให้ทุกหน่วยงาน ทุกระดับ คำนึงถึงการจัดบริการที่เข้าถึงได้ของทุกกลุ่มเป้าหมาย อาทิ การจัดสิ่งอำนวยความสะดวกในทุกหน่วยงาน ซึ่งจะมีความร่วมมือระหว่างกันในอนาคตเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาการประชุม 3 วัน ได้มีการอภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ใน 3 หัวข้อ ได้แก่ 1. การจัดสรรงบประมาณด้านคนพิการอย่างเหมาะสม 2. การป้องกันและเฝ้าระวังต่อสตรีและเด็กหญิงพิการสตรีพิการ 3. การเข้าถึงสิทธิทางการเมือง การเลือกตั้ง โดยไม่เป็นการเลือกปฎิบัติ พร้อมกับมีการนำเสนอผลงานของประเทศรัฐภาคี และภาคประชาสังคม อาทิ การจัดทำกฎหมายและแผนระดับชาติด้านคนพิการ การสนับสนุนการมีงานทำ การศึกษาสำหรับคนพิการ การส่งเสริมให้คนพิการได้มีส่วนร่วมในสังคม ทั้งนี้ ในที่ประชุมมีความเห็นว่า อุปสรรคสำหรับคนพิการ ยังคงมีด้านการจัดสิ่งอำนวยความสะดวก การเตรียมการให้สัตยาบันสนธิสัญญามาราเกซ การช่วยเหลือคนพิการในสถานการณ์ภัยพิบัติ
“สรุปการเข้าร่วมประชุมดังกล่าว เป็นประโยชน์ต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเผยแพร่บทบาทของประเทศไทยด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในระดับนานาชาติ และการขับเคลื่อนอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ ไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้คนพิการสามารถดำรงชีวิตในครอบครัว ชุมชน และสังคม ขจัดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม เพื่อร่วมสร้างสังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันต่อไป” นายสมคิด กล่าว