ชุดข้อมูล “เลือกตั้ง อบจ. 1 ก.พ.” กระทรวงแรงงานประกาศ นายจ้างอำนวยความสะดวก “ลูกจ้าง”รัฐ-เอกชน ไปใช้สิทธิไม่ถือเป็นวันลาหรือวันหยุด

ชุดข้อมูล “เลือกตั้ง อบจ. 1 ก.พ.” กระทรวงแรงงานประกาศ นายจ้างอำนวยความสะดวก “ลูกจ้าง”รัฐ-เอกชน ไปใช้สิทธิไม่ถือเป็นวันลาหรือวันหยุด

ประเด็นประชาสัมพันธ์ผลงาน 20 กระทรวง ประจำวันที่ 26 มกราคม 2568

ประเด็นที่ 2 : “เลือกตั้ง อบจ. 1 ก.พ.” กระทรวงแรงงานประกาศ นายจ้างอำนวยความสะดวก “ลูกจ้าง”รัฐ-เอกชน ไปใช้สิทธิไม่ถือเป็นวันลาหรือวันหยุด

บทสรุป

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน จึงได้ออกประกาศ ขอความร่วมมือนายจ้างสถานประกอบกิจการ อนุญาตให้ลูกจ้างเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ ณ หน่วยเลือกตั้งที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีชื่ออยู่ โดยไม่ถือเป็นวันลาหรือวันหยุด เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ทำงานนอกพื้นที่ทะเบียนบ้านของตนเอง สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้โดยสะดวก และไม่เป็นการขัดขวางหรือไม่ให้ความสะดวกผู้ใต้บังคับบัญชาหรือลูกจ้างให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยไม่มีเหตุอันสมควร ซึ่งจะมีความผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะต้องเตรียมบัตรประชาชนหรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้ที่มีรูปถ่ายและเลขบัตรประจำตัวประชาชน ไปด้วยในวันเลือกตั้ง

รายละเอียด

(25 ม.ค. 68) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนดให้ วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ได้ออกประกาศ ขอความร่วมมือนายจ้างสถานประกอบกิจการ อนุญาตให้ลูกจ้างที่ทำงานอยู่ในสถานประกอบกิจการ ซึ่งมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งฯ เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ณ หน่วยเลือกตั้งที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีชื่ออยู่ โดยไม่ถือเป็นวันลาหรือวันหยุด เพื่อให้นายจ้างอำนวยความสะดวกแก่ลูกจ้างในการไปใช้สิทธิ โดยกำหนดให้ลูกจ้างสามารถหยุดงานหรือปรับเวลาทำงานเพื่อไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ตามกฎหมายเลือกตั้ง

สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิได้ สามารถแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ในช่วงก่อนวันเลือกตั้ง 7 วัน (วันที่ 25 – 31 ม.ค. 68) และหลังวันเลือกตั้ง 7 วัน (วันที่ 2 – 8 ก.พ. 68) ตามแบบฟอร์มแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งท้องถิ่น (ส.ถ./ผ.ถ. 1/8) หรือทำเป็นหนังสือซึ่งอย่างน้อยต้องระบุหมายเลขประจำตัวประชาชนและที่อยู่ตามหลักฐานทะเบียนบ้านให้ชัดเจน พร้อมทั้งแจ้งเหตุอันสมควร โดยผ่านช่องทาง ดังนี้

1. ยื่นต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่นที่ตนเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วยตนเอง

2. ทำเป็นหนังสือมอบหมายให้บุคคลอื่นไปยื่นแทน

3. จัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน

4. แจ้งเหตุผ่านเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือแอปพลิเคชัน Smart Vote

5. แจ้งเหตุผ่านเว็บไซต์ของสำนักบริหารการทะเบียน มท. https://stat.bora.dopa.go.th/Election/abscause/#/main (ขนาดไฟล์: 146)

เพื่อให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ทำงานนอกพื้นที่ทะเบียนบ้านของตนเอง สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้โดยสะดวก และเพื่อให้การออกเสียงลงคะแนนเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 117 ที่กำหนดบทลงโทษ ผู้บังคับบัญชาหรือนายจ้างหากขัดขวาง หน่วงเหนี่ยว หรือไม่ให้ความสะดวกผู้ใต้บังคับบัญชาหรือลูกจ้างให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยไม่มีเหตุอันสมควร มีโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยกฎหมายดังกล่าวครอบคลุมการเลือกตั้งท้องถิ่นรูปแบบอื่นด้วย หากนายจ้างหรือผู้บังคับบัญชาไม่อำนวยความสะดวกให้ลูกจ้างไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่มีเหตุจำเป็น อาจเข้าข่ายกระทำความผิดและมีโทษทางกฎหมายนี้เช่นกัน

นายคารม ระบุว่า การใช้กฎหมายบังคับนายจ้างให้หยุดงาน ไม่สามารถทำได้ เพราะจะกระทบต่อระบบการผลิตและการดำเนินธุรกิจของนายจ้าง ดังนั้น การจัดสรรเวลาให้ลูกจ้างไปใช้สิทธิเลือกตั้งขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของแต่ละสถานประกอบการ โดยขอให้นายจ้างพิจารณาแนวทางที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ และย้ำว่า กฎหมายมีบทลงโทษ สำหรับนายจ้างที่ขัดขวาง หรือไม่อำนวยความสะดวกให้ลูกจ้างไปใช้สิทธิเลือกตั้ง หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานคร 10 พื้นที่ หรือสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสายด่วน 1506 กด 3 หรือ 1546

ปฏิทินเลือกตั้ง นายก อบจ. และ ส.อบจ. ปี 2568

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีจังหวัดที่มีการเลือกตั้งสมาชิกทั้งสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) จำนวน 47 จังหวัด ประกอบด้วย

ภาคเหนือ เชียงราย เชียงใหม่ น่าน แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นครพนม นครราชสีมา บึงกาฬ บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ศรีสะเกษ สกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ

ภาคกลาง นครนายก นครปฐม นนทบุรี พิจิตร ลพบุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี

ภาคตะวันออก จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด ปราจีนบุรี ระยอง

ภาคใต้ กระบี่ ตรัง นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา สงขลา สตูล สุราษฎร์ธานี

ภาคตะวันตก ประจวบคีรีขันธ์

เลือกตั้งเฉพาะ ส.อบจ. ใน 29 จังหวัด ได้แก่

ภาคเหนือ กำแพงเพชร ตาก พะเยา พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สุรินทร์ อุดรธานี อุบลราชธานี

ภาคกลาง กาญจนบุรี ชัยนาท นครสวรรค์ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี สระแก้ว อุทัยธานี อ่างทอง

ภาคใต้ ชุมพร นครศรีธรรมราช ระนอง

ภาคตะวันตก เพชรบุรี

สีของบัตรเลือกตั้งที่ใช้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กำหนดสีของบัตรเลือกตั้งที่ใช้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ที่จะเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. โดยแยกสีบัตรเลือกตั้งให้มีความแตกต่างกันระหว่างบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและบัตรเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยแบ่งตามภาค ดังนี้

ภาคกลาง และตะวันออก สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด บัตรสีเขียว นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด บัตรสีชมพู

ภาคเเหนือ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด บัตรสีม่วง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด บัตรสีเหลือง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด บัตรสีเขียวอมฟ้า นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด บัตรสีน้ำตาล

ภาคใต้ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด บัตรสีคราม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด บัตรสีแดงเลือดหมู

ทั้งนี้ เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ข้อ 133 ที่กำหนดว่า กรณีที่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นในวัน เวลา และที่เลือกตั้งเดียวกัน ให้สีบัตรเลือกตั้งแตกต่างกัน

คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

1. มีสัญชาติไทย แต่ถ้าแปลงสัญชาติต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี

2. อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ในวันเลือกตั้ง

3. มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง

4. คุณสมบัติอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด

ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง

- เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช

- อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่

- ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย

- วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ

- มีลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด

หลักฐานที่ใช้แสดงตนในการลงคะแนนเลือกตั้ง

- บัตรประจำตัวประชาชน (บัตรประจำตัวประชาชนที่หมดอายุก็ใช้ได้)

- บัตรหรือหลักฐานอื่นใดของทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐออกให้ที่มีรูปถ่ายและมีเลขบัตรประจำตัวประชาชน เช่น บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใบขับขี่ หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต)

เปิดผ่านแอปพลิเคชัน แสดงหลักฐานแบบออนไลน์ ใช้ได้ 3 แอปพลิเคชัน ได้แก่

แอปพลิเคชัน ThaID (บัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์)

แอปพลิเคชัน DLT QR LICENCE (ใบอนุญาตขับขี่อิเล็กทรอนิกส์)

แอปพลิเคชันบัตรคนพิการ (บัตรประจำตัวคนพิการอิเล็กทรอนิกส์)

ขั้นตอนการลงคะแนนเลือกตั้ง

1.ตรวจสอบรายชื่อ

ตรวจสอบรายชื่อ และลำดับที่จากบัญชีรายชื่อ ที่ประกาศไว้หน้าที่เลือกตั้ง

2. ยื่นหลักฐานแสดงตน

แสดงหลักฐาน เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตร หรือหลักฐานที่ทางราชการหรือหน่วยงานของ

รัฐออกให้ที่มีรูปถ่ายและมีเลขบัตรประจำตัวประชาชนต่อกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง พร้อมลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วหัวแม่มือในบัญชีรายชื่อ

3. รับบัตรเลือกตั้ง

ลงลายมือชื่อ หรือพิมพ์ลายนิ้วหัวแม่มือลงที่ต้นขั้วบัตรเลือกตั้ง โดยรับบัตรเลือกตั้ง ดังนี้

- จังหวัดที่เลือกตั้ง ส.อบจ. และนายก อบจ. จะได้รับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ได้แก่ และบัตรเลือกตั้ง

สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และบัตรเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด

- จังหวัดที่เลือกตั้ง ส.อบจ. อย่างเดียว จะได้รับบัตรเลือกตั้ง 1 ใบ

4. ทำเครื่องหมายกากบาท

เข้าคูหาลงคะแนนทำเครื่องหมายกากบาท (X) ลงในช่องทำเครื่องหมาย ดังนี้

- บัตรเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เลือกผู้สมัครได้หนึ่งคน

- บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด เลือกผู้สมัครได้ไม่เกินจำนวนสมาชิกที่แต่ละเขตเลือกตั้งนั้นพึงมี

- หากไม่ต้องการเลือกผู้สมัครผู้ใด ให้ทำเครื่องหมายกากบาท (X) ในช่องไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด แล้วพับบัตรเลือกตั้ง

5. หย่อนบัตรเลือกตั้งด้วยตัวเอง

นำบัตรเลือกตั้งที่พับเรียบร้อยแล้วหย่อนใส่ลงหีบบัตรเลือกตั้งด้วยตนเอง

การอำนวยความสะดวกแก่คนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุในการลงคะแนนเลือกตั้ง

กกต.ได้จัดให้มีการอำนวยความสะดวกในการออกเสียงลงคะแนนแก่คนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุไว้เป็นพิเศษ จัดให้มีการช่วยเหลือในการออกเสียงลงคะแนนภายใต้การกำกับดูแลของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ในการช่วยเหลือดังกล่าวต้องให้บุคคลนั้นได้ออกเสียงลงคะแนนด้วยตนเองตามเจตนาของบุคคลนั้น เว้นแต่ลักษณะทางกายภาพ ทำให้ไม่สามารถทำเครื่องหมายลงในบัตรเลือกตั้งได้ ให้บุคคลอื่นหรือกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง เป็นผู้กระทำการแทนโดยความยินยอมและเป็นไปตามเจตนาของคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุนั้น ทั้งนี้ ให้ถือว่าเป็นการออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ

ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ได้ที่ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการ สายด่วน 1444

ขอบคุณ... https://thainews.prd.go.th/thainews/news/view/861228/?bid=1

ที่มา: thainews.prd.go.th/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 28 ม.ค. 68
วันที่โพสต์: 28/01/2568 เวลา 12:55:29 ดูภาพสไลด์โชว์ ชุดข้อมูล “เลือกตั้ง อบจ. 1 ก.พ.” กระทรวงแรงงานประกาศ นายจ้างอำนวยความสะดวก “ลูกจ้าง”รัฐ-เอกชน ไปใช้สิทธิไม่ถือเป็นวันลาหรือวันหยุด