เปิดใจสาวเป็นหนี้มือถือ เตือนปชช.อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก
ฝากเตือนเป็นอุทาหรณ์ เป็นหนี้อย่าเมิน "สาวเป็นหนี้มือถือ"ถูกยึดที่ขายทอดตลาด ชี้ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก วอนเจ้าของใหม่โปรดขายคืน
จากกรณี นางสุรีพร ศรีทอง อายุ 38ปี ชาวอ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลกได้ไปซื้อโทรศัพท์มือถือราคาประมาณ 35,428 บาท โดยวางเงินดาวน์ 8,500บาท แต่ขาดส่ง 16งวด จนถูกกรมบังคับคดีได้ขายที่ดิน 4ไร่ ในราคา 5.3 แสนบาทเพื่อที่จะนำเงินไปใช้หนี้ในการซื้อมือถือ รวมดอกเบี้ยด้วย ประมาณ 37,000บาท
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างขายหม่าล่า ข้างทางถนนพระร่วง ของนางสุรีพร ศรีทอง สาวขาดส่งมือถือ เพื่อสอบถาม โดยนางสุรีพร ได้ให้สัมภาษณ์พร้อมน้ำตาด้วยเสียงสั่นเครือว่า ตนยอมรับผิดทุกอย่าง ตนเป็นหนี้เขาจริง ขาดส่งจริง แต่เพราะตอนนั้นตนเองไม่มีเงินจริงๆจึงเมินเฉยเรื่อยมาจนมาถึงวันนี้วันที่มรดกของครอบครัวชิ้นสุดท้ายคือที่ดิน 4ไร่
โดยยึดและนำไปขายทอดตลาดแล้ว ตนคาใจหากจะยึดจริงอยากให้ยึดในส่วนของตนบ้านของตนเพียงผู้เดียวตนยอมรับได้ แต่ทำไมต้องไปยึดบ้านของพ่อซึ่งแก่มากแล้วบ้านพี่ชายซึ่งมีภรรยาเป็นผู้พิการ และบ้านหลังนั้นยังเป็นบ้าน สสวท.ตามโครงการสมเด็จพระเทพฯ ที่สร้างให้คนผู้พิการทำไมไม่ยึดที่บ้านของตนเองเพียงคนเดียว
นางสุรีพร กล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนเครียดมากที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อนตนร้องไห้ทุกครั้งที่เห็นหน้าพ่อเพราะพ่อแก่มากแล้วเขาเครียดมาก ถึงขั้นเอ่ยปากว่าหากไม่มีที่ไม่มีบ้านอยู่พ่อก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ไปทำไม สงสารพี่ชายและพี่สะใภ้ที่พิการและหลานที่จะไม่มีบ้านอยู่ตนอยากจะวิงวอนขอความเห็นใจจากผู้ที่ประมูลที่ไปได้ ตนพยายามติดต่อขอซื้อที่คืน แต่ถ้าขายคืนให้แต่ขายในราคา1.6 ล้านบาท
ซึ่งตนบอกตรงๆว่าตนไม่มีปัญญาหาเงินจำนวนมากมายขนาดนั้น อยากขอความเห็นใจช่วยลดราคาลงมา เพื่อให้ตนได้พอมีกำลังในการซื้อคืนด้วย อยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนที่เป็นหนี้อย่าคิดว่าเป็นหนี้ แล้วเพิกเฉยไม่จ่าย ก็แค่ถูกฟ้องล้มละลายหรือติดแบล็คลิสต์เหมือนตน
ความจริงมันไม่ใช่เลย คดีมันหนักหนาสาหัสมากใครที่เป็นหนี้อยู่ตอนนี้อยากให้ไปคุยกับเจ้าหนี้ไปขอไกล่เกลี่ยและชดใช้คืน อย่าให้เหมือนตนที่เป็นหนี้เพียง 37,000 แต่กลับถูกยึดที่พร้อมบ้าน จากนี้ 11 ชีวิต ที่มีทั้งคนแก่ คนพิการ และเด็ก ยังไม่รู้จะใช้ชีวิตกันต่อไปอย่างไรจะไปอยู่ที่ไหน หากต้องโดนไล่ออกจากบ้านจริงๆ