โร่แจ้งความเอาผิดครูอนุบาล-ปิดประตูหนีบนิ้วลูกพิการ
เชียงราย- แม่เด็กลูกครึ่ง โร่แจ้งความเอาผิดครูอนุบาล อ้างลมพัดประตูหนีบนิ้วลูกพิการ เผยเจรจาตกลงเยียวยา 3.5 แสนบาท แต่เรื่องกลับเงียบ ด้านผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนอนุบาลพรรณี ระบุเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังเกิดเหตุได้ย้ายครูไปทำหน้าที่อื่น
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 30 ก.ย.นางพิมญาดา รุซโซ่ว์ อายุ 37 ปี ชาว อ.เมือง จ.เชียงราย ได้เข้าพบ ร.ต.อ.อิทธิพล ฉลาดธัญญกิจ รอง.สว.(สอบสวน) สภ.เมืองเชียงราย พร้อมนำหลักฐานเป็นภาพถ่ายและใบรับรองแพย์เข้าแจ้งความกับผู้บริหารของโรงเรียนอนุบาลพรรณี ตั้งอยู่หมู่ 9 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย หลังจากด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 3 ปี 3 เดือนบุตรชายถูกประตูโรงเรียนหนีบตรงปลายนิ้วชี้ของมือซ้าย โดยแพทย์ยืนยันว่าปลายนิ้วชี้ด้านซ้ายขาดถาวร โดยเล็บสั้นลง 50% จนนิ้วสั้นลง
นางพิมญาดา เปิดเผยว่า ตนและสามี ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศสได้ส่งบุตรชายเข้าเรียนที่โรงเรียนดังกล่าวเพราะในอดีตมีประวัติดูแลเด็กดีและมีชื่อเสียง กระทั่งเมื่อวันที่ 28 ส.ค.2563 ที่ผ่านมา ทางผู้อำนวยการโรงเรียนได้โทรศัพท์ถึงตนแจ้งว่าลูกชายของตนประสบเหตุบาดเจ็บที่นิ้วและได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วจึงขอให้ไปพบกันที่โรงพยาบาล จึงรีบไปดูพบว่าแพทย์ได้ให้การรักษาอาการบาดเจ็บที่นิ้วและได้พันผ้าเอาไว้
เมื่อสอบถามสาเหตุทราบจากทางผู้บริหารโรงเรียนว่าเกิดจากประตูไม้ภายในห้องของโรงเรียนหนีบขณะที่น้องกำลังจะนำกล่องนมไปทิ้งถังขยะนอกห้องก่อนจะเข้านอน ในเบื้องต้น ตนไม่ได้ติดใจมากนัก โดยหลังจากนั้นพาบุตรชายกลับบ้านตามปกติ แต่ปรากฎว่าหลังจากนั้นเพียง 1 วันบุตรชายมีอาการเจ็บจนร้องไห้งอแงมากขึ้น และผ้าพันแผลก็หลุดออกมาทำให้เห็นถึงบาดแผลว่าร้ายแรงกว่าที่คิดโดยปลายนิ้วได้หายไปทำให้ตนเสียใจอย่างมาก
จากนั้นจึงได้ไปพบผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อแจ้งว่าแผลที่เกิดขึ้นกับบุตรชายร้ายแรงกว่าที่คิดเอาไว้ และขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด ปรากฎว่าเป็นภาพครูพี่เลี้ยงเป็นผู้หญิงอยู่ในห้อง 2 คนกำลังเตรียมให้เด็กๆ เข้านอน แต่ลูกชายได้นำกล่องนมไปทิ้งถังขยะนอกห้อง แต่ขณะที่มือข้างซ้ายจับอยู่กับขอบประตู ขณะเดียวกันครูพี่เลี้ยงได้ปิดประตูที่เป็นไม้อย่างแรงจนขอบประตูทับนิ้วได้รับบาดเจ็บ
หลังจากเห็นภาพจากกล้องวงจรปิด ตนรู้สึกผิดหวังอย่างมากเพราะเหตุการณ์ไม่ใช่เหตุลมพัดตามที่บอกแต่เกิดจากการปิดประตู จึงได้สอบถามไปยังผู้อำนวยการโรงเรียน ได้รับการขอโทษพร้อมแสดงความเสียใจว่าไม่ได้ตรวจดูเหตุการณ์อย่างละเอียดและพร้อมจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ทุกอย่าง
อย่างไรก็ตาม รู้สึกเสียใจไปแล้วเพราะไม่ได้บอกความจริงมาตั้งแต่ต้นเพราะเมื่อนิ้วมีสภาพเช่นนี้อาจทำให้ลูกต้องเสียโอกาสในการทำงานในอนาคตไป เพราะนิ้วไม่สมบูรณ์ แม้ปัจจุบันแผลจะหายดีขึ้นและได้ย้ายโรงเรียนไปอยู่ที่อื่นแล้ว แต่อยากได้รับการเยียวยา
เมื่อสอบถามไปยังทางโรงเรียนมีการรับว่าจะเยียวยาให้ทางตนจึงยื่นข้อเสนอไปว่าขอค่าเสียหายจำนวน 400,000 บาท แต่ทางโรงเรียนต่อรองเหลือเพียง 100,000 บาท ซึ่งตนเห็นว่าไม่เพียงพอล่าสุดได้เจรจากันที่จำนวน 350,000 บาท โดยทางโรงเรียนแจ้งว่าจะติดต่อมาในช่วงเที่ยงของวันที่ 30 ก.ย.นี้ แต่ปรากฎว่าเงียบหายไปเมื่อตนใช้ไลน์สอบถามไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนมีการอ่าน แต่ไม่ตอบกลับจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
ด้านพนักงานสอบสวนได้สอบถามข้อมูลและรวบรวมหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการแจ้งความ จากนั้นจะประสานไปยังแพทย์เพื่อขอหลักฐานผลการชันสูตรบาดแผล และข้อมูลการรักษา เพื่อจะนำกลับมาพิจารณาว่าจะดำเนินคดีกับผู้กระทำได้อย่างไร ส่วนในอนาคตหากคู่กรณียังประสงค์จะเจรจากันเรื่องค่าสินไหมทดแทนอีกครั้งจะมีการจัดทำเป็นบันทึกข้อตกลงกันได้ต่อไป
นางพรรณี เวียงโอสถ ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนอนุบาลพรรณี กล่าวว่า ทางโรงเรียนเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก และได้มีการเจรจาหารือกับผู้ปกครองของเด็กมาโดยตลอดและล่าสุดในการเจรจาค่าเสียหายนั้นทางโรงเรียนขอนำเข้าสู่การประชุมของคณะกรรมการโรงเรียนก่อน เพราะกรณีของเด็กเตรียมอนุบาลนั้นเราไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ เมื่อตนได้แจ้งทางไลน์ไปยังผู้ปกครองเด็กปรากฎว่าไม่ได้ตอบรับแต่อย่างใดทำให้วันเดียวกันนี้ไม่ได้ติดต่อกันในที่สุด
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นพบว่าห้องดังกล่าวมี 2 ประตูแต่เด็กได้ออกไปทางประตูหนึ่งโดยที่ครูพี่เลี้ยงไม่ทันสังเกตุและปิดประตูเพราะตามปกติการเข้าออกจะใช้อีกประตูหนึ่ง หลังเกิดเหตุได้ย้ายครูคนดังกล่าวไปทำหน้าที่อื่นโดยไม่ได้มาดูแลในห้องเด็กแล้ว รวมทั้งพร้อมจะพูดคุยเพื่อหาทางออกกับผู้ปกครองต่อไป