เปิดใจ นักสืบกระดูกเหล็ก ถูกยิงขาพิการ 13 ปี ไร้สวัสดิการ
ตำรวจสายสืบนักบู๊ ฉายา “นักสืบกระดูกเหล็ก” ถูกยิงขณะปฏิบัติหน้าที่จับกุมและวิสามัญฯ คนร้าย จนขาพิการ เกือบถอดใจ แต่ก็สู้ ออกกำลัง ทำกายภาพจนกลับมาได้ ทำงานกว่า 13 ปี หวังจะได้สวัสดิการขั้นพิเศษจากการปฏิบัติหน้าที่แบบเดียวกับเพื่อนตำรวจคนอื่น แต่คดียังไม่ถึงที่สุด อัยการยังไม่ “สั่งไม่ฟ้อง” เหตุ พงส.สอบสวนไม่ส่งสำนวนกลับให้อัยการที่สั่งสอบเพิ่มเติม ขณะที่ ผกก.คนปัจจุบันก็ไม่กล้าเซ็นสำนวน
ที่ จ.ชลบุรี ย้อนไปเมื่อ 13 ปีก่อน ช่วงประมาณเวลา 1 ทุ่ม ของวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2554 เกิดเหตุการณ์ยิงปะทะกันระหว่างตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางละมุง กับคนร้าย ภายในบังกะโลแห่งหนึ่ง ย่านซอยพัทยายางยนต์ หมู่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เหตุการณ์ในครั้งนั้น ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางละมุง ได้ทำการติดต่อล่อซื้ออาวุธปืนเถื่อนจากกลุ่มเด็กแว้นที่มีประวัติคดีอุกฉกรรจ์หลายคดี เคยก่อเหตุยิงตำรวจสายตรวจประจำตู้ยามขณะออกปฏิบัติการกวดขันกลุ่มเด็กแว้นที่รวมตัวประลองความเร็วบนท้องถนนมาแล้ว
ในระหว่างที่มีการส่งมอบอาวุธปืนกัน คนร้ายเกิดไหวตัวทัน ชักอาวุธปืนยิงใส่ตำรวจชุดจับกุมจนเกิดการยิงปะทะกันเกือบ 5 นาที หลังสิ้นสุดเสียงปืน พบว่าคนร้ายถูกวิสามัญฆาตกรรม 2 คน คือ นายสุรชาติ แก้วชิงดวง ฉายา "ตั้ม นักรบ" อายุ 22 ปี และ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ขณะเดียวกันมีตำรวจชุดสืบสวนถูกคนร้ายยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 นาย คือ จ.ส.ต.พีระมงคล การะเกษ ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.บางละมุง (ยศในขณะนั้น) คมกระสุนเจาะหน้าแข้งขวาบดกระดูแตกละเอียด ต้องรับการผ่าตัดดามเหล็ก เนื่องจากกระดูกต่อไม่ได้ และกลายเป็นคนพิการ เดินปกติเหมือนคนทั่วไปไม่ได้
ปัจจุบัน (5 ก.ค. 67) ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ ร.ต.ต.พีระมงคล การะเกษ อายุ 53 ปี รอง สว.สส.สภ.หนองปรือ หรือ จ.ส.ต.พีระมงคล การะเกษ ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.บางละมุง (ยศในขณะนั้น) ชาวบ้านรู้จักกันในนามว่า “ดาบแป๊ะ” ซึ่งถูกคนร้ายยิงที่ขาขวาจนกระดูกท่อนล่างแตกละเอียด กลายเป็นผู้พิการ ต้องใช้ไม้ค้ำยันเกือบ 2 ปี แถมไม่ได้รับการเยียวยาจากผู้บังคับบัญชา และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เคยนั่งท้อใจคิดว่าคงจบชีวิตตำรวจไว้แค่นี้ แต่สุดท้ายคิดได้ จึงโยนทิ้งไม้ค้ำยัน แล้วพยายามดูแลตัวเอง เล่นฟิตเนส เพาะกล้าม นานกว่า 5 ปี จนปัจจุบันร่างกายแข็งแรง กล้ามเป็นมัดๆ แต่ยังเดินกะโผลกกะเผลกตามประสาคนใส่เหล็กดามกระดูก และยังโลดแล่นอยู่ในนักสืบสวน จนได้รับฉายา “นักสืบกระดูกเหล็ก”
ร.ต.ต.พีระมงคล การะเกษ เล่านาทีเหตุการณ์วิสามัญฯ คนร้ายในวันนั้นให้ฟังว่า ตนพร้อมกับหัวหน้าชุดคือ สารวัตรสืบสวน สภ.บางละมุง ในสมัยนั้น พร้อมกำลังกว่า 10 นาย เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในบังกะโล เพื่อเตรียมเข้าชาร์จจับกุมคนร้าย หลังได้ส่งสายลับติดต่อนำอาวุธปืนขนาด 11 มม. แลกกับยาเสพติด ทั้งยาบ้า ยาไอซ์ กับ นายสุรชาติ แก้วชิงดวง หรือฉายา "ตั้ม นักรบ" หัวโจกเด็กแว้นที่ตำรวจต้องการตัว เคยก่อเหตุยิงตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน แถมยังท้าทายตำรวจว่า “หากตำรวจจะมาจับตัว ให้ตำรวจขนกำลังมา 200 นาย ถึงจะยอมให้จับโดยดี”
ระหว่างที่กำลังซุ่มอยู่ในห้องฝั่งตรงข้าม โดยมองผ่านช่องส่งของในห้องของบังกะโล เห็นว่ามีการส่งมอบของกลางให้สายลับเสร็จ ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุมทันที แต่ปรากฏว่า นายสุรชาติ แก้วชิงดวง หรือ "ตั้ม นักรบ" และ นายเอ อายุ 17 ปี หันมามอง และพร้อมใจชักปืนออกมาจากเอวทั้งคู่ ก่อนจะเปิดฉากยิงใส่ตำรวจทันที กระสุนเข้าที่หน้าแข้งของตนจนหน้าคว่ำลงไปนอนกองกับพื้น จึงตะโกนบอกในทีมว่าโดนยิงแล้ว จากนั้นก็เกิดการยิงปะทะกัน ส่วนตนเองพยายามเขยิบตัวไปนั่งพิงกำแพง แล้วใช้ปืนคู่กายยิงสวนเข้าไปในห้อง ก่อนที่เสียงปืนจะสิ้นสุดลง เมื่อเข้าเคลียร์พื้นที่ก็พบว่าคนร้ายทั้ง 2 คนถูกวิสามัญฯ พร้อมยึดของกลางเป็นยาบ้า ยาไอซ์ และอาวุธปืนสั้น ที่ยังอยู่ในสภาพขึ้นลำพร้อมยิง ส่วนตนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา จากนั้นมีผู้บังคับบัญชามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และสรุปเหตุการณ์ทั้งหมด
ร.ต.ต.พีระมงคล เล่าต่ออีกว่า หลังถูกพาตัวมาโรงพยาบาล ผลการเอกซเรย์ปรากฏคมกระสุนเจาะหน้าแข้งขวาจนกระดูกแตกละเอียด แทบจะต่อไม่ได้ ต้องผ่าตัดดามเหล็ก ส่วนค่ารักษาพยาบาล ท่าน พ.ต.อ.สมนึก จันทร์เกตุ ผกก.สภ.บางละมุง ในสมัยนั้นได้ระดมทุนจากคณะ กกต.ตร.มาช่วยจ่ายรักษาประมาณ 3 แสนบาท และนั่นคือเงินก้อนเดียวที่มาช่วยรักษาตัว พอออกจากโรงพยาบาลก็ต้องคอยเวียนเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อล้างแผลอยู่นาน แต่ต้องใช้ไม้ค้ำยันในการเดินนานเกือบ 2 ปี ต้องอยู่ในสภาพคนพิการ อีกทั้งไม่เคยได้รับเงินสนับสนุนเยียวยาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตอนแรกยอมรับว่าเป็นทุกข์ เพราะต้องกลายเป็นคนพิการ ใช้ชีวิตไม่เหมือนคนปกติทั่วไป สุดท้ายจึงตัดสินใจลุกขึ้นมาต่อสู้ ดูแลตัวเอง ด้วยการเข้าโรงยิม ปั่นจักรยาน ทำร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น ต่อมาในปี 2555 ตนได้ย้ายมาประจำ สภ.หนองปรือ ซึ่งผู้บังคับบัญชาก็ยังคงให้อยู่ในสายงานสืบสวนเช่นเดิม
ส่วนในเรื่องคดีวิสามัญฯ คนร้าย เวลาผ่านมาแล้ว 13 ปี “ตอนที่เกิดเหตุตอนนั้นผมได้รับเงินช่วยเหลือจากสมาคมแม่บ้านตำรวจ 1 แสนบาท แต่ขั้นตอนที่จะได้สวัสดิการขั้นพิเศษจากการปฏิบัติหน้าที่แล้วบาดเจ็บสาหัสนั้นยังไม่ได้ เพราะติดที่อัยการสูงสุดยังไม่ได้สั่งไม่ฟ้องโดยเด็ดขาดในคดีนี้ให้ผม เนื่องจากคดีในพนักงานสอบสวนในคดีต้องทำสำนวน 3 สำนวน คือ สำนวนชันสูตรศาล ไต่สวนแล้วว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ แต่อีก 2 สำนวน พนักงานอัยการได้ส่งกลับสำนวนให้พนักงานสอบสวนแก้ไขรายละเอียดบางอย่าง ปัญหาอยู่ที่ว่าพนักงานสอบสวนไม่ได้แก้ไขและส่งสำนวน 2 สำนวนนี้กลับไปให้อัยการ เวลาก็ล่วงเลยมากว่า 10 ปี จะหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังไง เพราะท่านผู้กำกับบางละมุงคนปัจุบันนี้ไม่ยอมเซ็นสำนวนให้เพราะว่ามันไม่ได้อยู่ในยุคของท่าน ท่านก็เลยไม่กล้าที่จะเซ็นสำนวนให้ อันนี้ผมก็เลยไม่รู้ว่าเรื่องของผมมันจะไปยังไงต่อไป ซึ่งก็คาดหวังว่าจะได้รับความเห็นใจจากผู้บังคับบัญชาระดับ ช่วยลองพิจารณาเรื่องนี้ เพราะเหลือเวลาชีวิตราชการอีกไม่ถึง 7 ปี ก็จะเกษียณแล้ว”
สำหรับ ร.ต.ต.พีระมงคล การะเกษ เข้ารับการตำรวจครั้งแรกเมื่อปี 2540 หน่วยอรินทราช ต่อต้านก่อการร้าย จากนั้นก็ย้ายมาประจำฝ่ายสืบสวน 191 ตั้งแต่ปี 2541-2548 ก่อนจะย้ายมาประจำอยู่ ฝ่าย ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.บางละมุง ต่อมาในปี 2555 ก็ย้ายมาประจำฝ่าย ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.หนองปรือ และเพิ่งจบจากอบรมนายร้อย 53 เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โลดแล่นอยู่บนสายงานสืบสวนมาเกือบตลอดชีวิต 27 ปี โดยผลงานล่าสุดสามารถติดตามจับกุมคนร้ายในคดีสำคัญได้ บุกเดี่ยวเข้าชาร์จคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ รวมถึงสกัดกั้นชายร่างยักษ์ที่พยายามเข้าไปประชาทัณฑ์ผู้ต้องหาในขณะทำแผน คดีสาวถูกยิงตาย แทงเพื่อนพ่อตา ทั้งที่ตัวเองขาไม่สมประกอบ.
ขอบคุณ... https://www.thairath.co.th/news/local/east/2798726