คลอดลูกพิการ! แม่ร้อง รพ.ดัง ทำคลอดผิดพลาด ไม่ผ่าคลอดตามคำขอ
นางปัทมา อายุ 46 ปี ร้องเรียน รพ.ชื่อดัง ทำคลอดลูกคนที่ 4 พลาด ไม่ผ่าคลอดตามคำขอ ทำเด็กเส้นประสาทแขนขาด ผ่านไป 10 เดือน ไร้การรับชอบใดๆ
วันนี้ 23 มิ.ย. 67 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางปัทมา อายุ 46 ปี แม่ค้าขายข้าวในโรงงานว่าได้เดินทางคลอดบุตรที่โรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยมีการเซ็นต์ให้แพทย์ทำการผ่าคลอดแต่แพทย์กับทำคลอดแบบธรรมชาติ แต่เด็กซึ่งมีน้ำหนักตัวมากตัวใหญ่ ทำให้ติดเชิงกรานเพราะแม่มีลำตัวเล็ก จนทำให้เด็กไม่สามารถออกจากช่องคลอดได้ขาดอากาศ และเส้นประสาทแขนขาด ทำให้เป็นเด็กแขนขวาพิการไม่สามารถใช้การได้ เวลาผ่านไป10เดือน ยังไม่เคยพบผู้บริหารเรียกสินไหมทดแทนไปกลับเงียบ อยากให้ส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือหลังทราบเรื่องจึงเดินทางเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง
นางปัทมา อายุ 46 ปี เปิดเผยว่าตนเองมีบุตรมาแล้ว 3 คน ซึ่งคนที่เป็นเรื่องคือคนที่ 4 โดยวันที่ 17 สิงหาคม 2566 ช่วงเย็น ๆ พอแฟนเลิกงานกลับบ้านมาเวลาประมาณ 20.00 น.ก็พากันไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง และก็ได้แจ้งกับทางโรงพยาบาลตรงห้องฉุกเฉินว่าจะมาคลอดบุตรต้องการที่จะผ่าคลอดฝากที่คลีนิค และพยาบาลก็บอกว่าให้ไปคุยกับหมอด้านบน ซึ่งตนเองก็บอกว่าต้องการผ่าคลอดเพราะอายุเยอะแล้ว จากนั้นเขาก็ให้เซ็นผ่าคลอด เซ็นต์ทำหมัน ซึ่งตนเองอายุ 46 ปีมีบุตรง่ายเพราะกลัวว่าจะพลาดมีบุตรอีกเพราะตอนนี้ก็มี 4 คนแล้ว เพื่อที่จะได้เจ็บครั้งเดียว
เมื่อเข้าไปในห้องคลอดแพทย์ไม่ได้ผ่าคลอดให้ แพทย์ใส่น้ำเกลือเร่งคลอด เค้นให้เราเบ่งคลอดเองจนลูกออกมาก็เป็นแบบนี้ซึ่งใช้เวลานานตั้งแต่ 4 ทุ่มของวันที่ 17 สิงหาคม 2566 จนถึงเวลาตี 1 กว่า ๆ เกือบตี 2 วันที่ 18 สิงหาคม 2566 ซึ่งตนเองก็บอกกับทีมแพทย์ที่ทำคลอดบอกว่าผ่าคลอดให้เราเถอะเพราะเราได้แจ้งกับหมอเจ้าของใข้ไปแล้วว่าเราต้องการผ่าคลอดเราไม่มีแรงเบ่ง
ทางทีมแพทย์ก็บอกว่าทำไมไม่มีแรงเบ่งอายุแค่นี้เอง เราก็บอกว่าอายุ 46 จะ 47 แล้วน่ะ เขาก็บอกว่าแค่นี้เองออกไปง่าย ๆ ลื่นปรื๊ด ลื่นปรื๊ด เขาก็ขึ้นมาขย่มที่ตัวตนเองและเป็นหมอผู้ชายทั้งหมดจนสุดท้ายแล้วเด็กก็ออกมา เด็กออกมาแล้วก็ไม่หายในประมาณ 1 นาทีได้สักพักหนึ่งทีมแพทย์ที่ทำคลอดก็ค่อย ๆ ตบน้อง จนน้องหายใจ และก็นำตัวน้องไปที่ห้องไอซียูเลย ส่วนตัวเองนั้นไปที่ห้องพักฟื้น และก็มีแพทย์มาถามว่าคลอดลูกคนที่เท่าไหร่ค่ะตนเองก็บอกว่าคนที่ 4 และมีตังค์มาเท่าไหร่ค่าคลอด รู้ไหมว่าค่าคลอดต้องเสียเท่าไหร่ซึ่งตนเองก็ถามกลับไปว่าแล้วต้องเสียเท่าไหร่ แพทย์ก็บอกว่าเสีย 15,000 บาท
ในช่วงเช้าตนไปดูลูกเห็นสภาพลูกเป็นแบบนี้ ตนเองก็ถามทีมแพทย์จึงรู้ว่า เส้นปราสาทที่แขนขวาของลูกขาด ตอนแรกวินิจฉัยว่าน่าจะขาด 5 เส้น แต่เมื่อได้ทำการผ่าตัดตอนน้อง 4 เดือน หมอเปิดแผลจึงรู้ว่าขาด 3 เส้น ช้ำ1 เส้น และตนเองก็ถามว่าแขนน้องจะใช้การได้ไหม หมอก็บอกว่าขึ้นอยู่ว่าเส้นปราสาทน้องจะเชื่อมต่อได้ไหมเป็นปี และน้องกลับมาเป็นปกติไม่ได้คือ พิการ
ซึ่งตนเองทำคลอดที่โรงพยาบาลชื่อดังแห่งนี้ ที่เดียวเพราะไม่มีเงิน ซึ่งตอนฝากครรภ์ก็ปกติทุกอย่าง ตนเองก็หมอไปแล้วว่าคลอดคนที่ 3 ก็ลำบากแล้วซึ่งหมอที่คลีนิคถามว่าจะคลอดพิเศษหรือธรรมดา แต่ด้วยเศรษฐกิจแบบนี้ตนเองไปกู้เงินมา 2 หมื่น ตนเองตั้งใจว่าจะผ่าคลอดธรรมดา ซึ่งเขานัดให้เราไปจองเตียง แต่เราไม่ได้ไปจองเพราะตนเองเป็นแม่ค้าในโรงงานทำอะไรต้องวางแผน และมีลูกค้าจากอินเดียมาเราก็ต้องทำอาหารให้กับเขา ซึ่งเราก็โทรศัพท์ไปสอบถามทางคลินิกแล้วว่า ถ้าไม่ใช่หมอคนนี้ที่เราฝากครรภ์เป็นหมอท่านอื่นทำคอดให้เราได้มั้ยคะ ทางคลินิกก็บอกว่าได้ แล้วแต่เราเลยว่าสะดวกกับท่านไหน ขอให้ไปที่โรงพยาบาลแล้วไปแจ้งเขา
พอเราแจ้งแล้วก็ไม่ทำการคลอดให้เราแต่ว่าทางโรงพยาบาลก็ดูแลเราอย่างดี รับผิดชอบ โดยทำการผ่าตัดลูกเรา แต่ว่าเราก็เรียกร้องไปเพราะลูกเราพิการต้องพาลูกเราไปหาหมอพาลูกไปฝังเข็มไปหลายที่แล้วขับรถ แล้วแฟนก็ทำงานเวลาไปไหนเราก็ต้องจ้างคนอุ้มลูกไป ตอนทำคอดแม่มีสติครบถ้วน ซึ่งตอนที่คลอด เค้าก็บอกว่าเด็กติดเชิงกรานให้คุณแม่รีบเบ่งคลอดถ้าไม่รีบนะน้องแย่แน่เราก็รีบ แต่ว่าเราเบ่งได้แค่นี้ แต่ถ้าคุณเขาให้เรามันจบมั้ยคะ ขนาดสามโลสี่ยังติดเลยแต่น้องนี่คลอดมา 3.582 กิโลกรัม จะออกได้ยังไงล่ะคะ
ตอนที่เราบอกคุณทำไมทีมแพทย์ไม่รับฟังเราบ้างคะ โดยทีมแพทย์ใช้วิจารณญาณของทีมแพทย์ และไม่ยอมรับฟัง ซึ่งตอนที่ไม่ดูน้อง ลูกของชาวพม่าตัวเท่ามด แต่ลูกของเราตัวเบ้อเร่อเลย เค้นออกเองซึ่งตนมองว่าการที่เขาไม่ยอมผ่าคลอดให้เรานั้น เพราะว่าเราไม่ได้ฝากพิเศษทั้งของโรงพยาบาลและทั้งของคลินิก เพราะว่าแพทย์ของทางคลินิกเป็นคนรับฝากเรา แต่เราไม่มีตังค์ก็จริงแต่เราก็มีเงินไปฝากท้องคุณตั้งแต่เดือนที่สามจนจนครบเก้าเดือนเกือบ 10 เดือนนั่นก็ถือว่าดีแล้วนะคะเราจ่ายครบทุกบาททุกสตางค์
โดยหมอที่ทำคลอดอีกทีมหนึ่งเป็นลูกน้องของหมอที่คลินิก เพราะว่าถ้าเราผ่าหมอคนที่คลินิกกับคนที่ทำคลอดจะเป็นคนเดียวกัน ส่วนสาเหตุที่ทำให้เอ็นขาดนั้นเราก็ยังไม่ทราบสาเหตุเลย เพราะว่ายังไม่มีใบแพทย์ออกมา แต่เบื้องต้นที่เค้าบอกมาคือลูกหนูตัวใหญ่แล้วก็อ้างเรื่องเบาหวาน มาหลายอย่าง แต่ว่าตอนที่เราท้องทุกคนจะต้องมีประวัติ แต่เบื้องต้นเราเป็นคนทานหวานซึ่งตอนที่ไปตรวจที่คลินิกแล้วก็กินเป๊ปซี่กินทุเรียน เป็นช่วงพอดีเค้าก็อ้างหลายอย่าง
เบื้องต้นเราได้ร้องเรื่องเยียวยาไปทางโรงพยาบาล โดยทางโรงพยาบาลนัดให้เราไปพบทุกวันที่สามของเดือนเพื่อประชุม แต่รอมา 10 เดือนแล้วก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นเลย และใกล้จะหมดอายุความถ้าหลังจากนี้ไปก็ทำอะไรไม่ได้เลยแม่ก็ต้องขอวอนสื่อช่วยเหลือเมตตาแม่ด้วย ทนายคนไหนที่สงสารหนูกับลูกก็เมตตาทำคดีให้หนูด้วยเถอะค่ะ หนูก็หาเช้ากินค่ำต้องออกไปขายของต้องทิ้งลูกไว้กับแฟนลำบากมากเลยค่ะ ถึงจะอยู่บ้านแบบนี้ก็จริงแต่เราก็ต้องผ่อนเขา
เบื้องต้นต้นนั้นได้ไปแจ้งความแล้ว แต่ว่าทางตำรวจไม่รับแจ้งความ ตำรวจบอกว่าพูดดีดีนะคำพูดคำพูดของคุณระวังทางโรงพยาบาลจะฟ้องเอา ซึ่งวันที่เราไปจ่ายค่ายาทางโรงพยาบาลก็แจ้งว่าเป็นความรับผิดชอบ เป็นความผิดพลาดของทางโรงพยาบาล
โรงพยาบาลพูดเองค่ะหนูก็จำคำพูดจากโรงพยาบาลแล้วก็ไปแจ้งความอย่างนี้ ในเบื้องต้นเรื่องค่าเสียหายหนูเรียกทางโรงพยาบาลไป 10 ล้านบาท เพราะว่าหนูอุ้มท้องมาเก้าเดือนหนูต้องเสี่ยงขนาดไหนว่าลูกหนูเอ๋อไม่เอ๋อ หนูต้องบำรุงทุกอย่างเลยแล้วอนาคตเขาโตมาจิตใจจะเป็นยังไง
ที่บ้านมีเด็กผู้หญิงสามคนอีกสองคนแขนปกติ แต่อีกคนนึงแขนห้อยตอนนี้น้อง 10 เดือนแล้วยังตั้งไข่ไม่ได้เลย นั่งได้อย่างเดียว โดยทางโรงพยาบาลก็บอกว่ารอผู้ใหญ่ รอผอ. รออะไรแบบนี้อะค่ะ ซึ่งไปโรงพยาบาลเราก็ยังไม่ได้เจอกับผอ. เคยเจอเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ครั้งหนึ่งที่ไปตกลงคุยกัน พอไปคุยกันกับเขาแบบนี้หนูก็สู้เขาไม่ได้เพราะวิชาการเขาเยอะมาก
หนูเจอแบบไหนหนูก็เล่าความจริง ส่วนสาเหตุทางทีมแพทย์ก็ไม่ได้บอกว่าเกิดจากอะไร ซึ่งเวลาจะเลื่อนนัดหนูก็โทรมาบอกว่าขอเลื่อนนัด ขนาด กระเช้าขอโทษยังไม่มีมาเลยทำลูกพิการ ถึงเขาจะไม่ได้เป็นคนทำ แต่ทีมแพทย์ของเขาเป็นคนทำ ซึ่งเค้าบอกว่าคืนนั้นเค้าก็อยู่ที่นั่นแหละ แต่เขาไม่ผ่าให้เค้าคิดว่าน่าจะออกเองได้
เบื้องต้นได้มีการลงบันทึกประจำวันไว้ ซึ่งตอนนี้ 10 เดือนแล้วทางโรงพยาบาลก็ยังไม่ได้เชิญหนูไปพบ ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ส่วนเรื่องการรักษาน้องตอนนี้ท่าทางโรงพยาบาลเป็นผู้ดูแลอยู่ซึ่งเราไปรอบนี้ก็จะดูเกี่ยวกับเรื่องพัฒนาการของสมองแล้วก็เรื่องของการหายใจด้วย เนื่องจากน้องไม่หายใจช่วงแรกเพราะติดเชิงกลางเพราะน้องตัวใหญ่มาก ซึ่งหนูคิดว่าทางทีมแพทย์ดึงออก เพราะว่าไม่มีเครื่องอะไรไปช่วยเลยตนเองรู้สึกทุกอย่างเพราะว่ามีหมอผู้ชายยืนอยู่ทางด้านบนแล้วก็ผ้าปิดที่หน้าท้องแล้วก็เอามือช่วยดันบอกว่าน้องติดเชิงกลาง แม่เบ่ง เบ่ง เบ่ง