เจ้าหน้าที่ พม. ยักยอกเงินคนพิการ 13 ล้าน เปิดปากสารภาพเจาะเข้ายังไง
รวบตัว เจ้าหน้าที่ พม. ยักยอกเงินกรมคนพิการ โอนเข้าบัญชีตัวเองกว่า 13 ล้านบาท จับได้ขณะเตรียมหนีออกนอกประเทศ เผยกลโกงเจาะเข้าบัญชีกรมต่าง ๆ
วันที่ 19 กันยายน 2564 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า ข้าราชการรายหนึ่ง ทุจริตยักยอกเงินที่ช่วยเหลือกลุ่มคนเปราะบางจากสถานการณ์โควิด 19 โอนเข้าบัญชีธนาคารของตัวเองตั้งแต่เดือนมิถุนายน - กันยายน 2564 รวมไม่ต่ำกว่า 13 ล้านบาท
โดยตำรวจตรวจคนเข้าเมือง นำหมายจับที่ได้รับการประสานจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไปจับกุม นายไพศาล นักพัฒนาสังคมชำนาญการข้าราชการพลเรือน ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในพื้นที่ จ.เชียงราย ขณะเตรียมหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน
สืบเนื่องจากตัวแทนของ พม. ได้เข้าแจ้งความตำรวจ สน.พญาไท เมื่อวันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา หลังพบความผิดปกติการโอนเงินระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน - 12 กันยายน ที่ผ่านมา เข้าบัญชีส่วนตัวของนายไพศาล จำนวนกว่า 13 ล้านบาท และมีการปลอมบัญชีเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ เป็นเหตุให้เจ้าตัวหลบหนีไปทางภาคเหนือ ก่อนถูกจับกุมตัวดังกล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ. บวรภพ สุนทรเรขา ผู้กำกับการ สน.พญาไท เปิดเผยว่า เมื่อรับตัวผู้ต้องหามาแล้ว พนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำ และแจ้งข้อหาฐานยักยอกทรัพย์ และปลอมเอกสารราชการ และจะนำตัวส่งให้ ป.ป.ช. พิจารณาดำเนินการฝากขังต่อศาล
ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายไพศาล เป็นหัวหน้าการเงินและบัญชี จึงมีรหัสเข้าถึงบัญชีธนาคารของหลายกรมในกระทรวง พม. ส่วนที่พบความผิดปกติ เนื่องจากมีเงินประมาณ 3 ล้านบาท ถูกโอนเข้ามาในบัญชีของกรมฯ เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส แต่กลับไม่ได้ จึงมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และพบว่าถูกโอนเข้าบัญชี นายไพศาล อย่างไรก็ตาม การสืบสวนพบข้อมูลที่เชื่อว่าอาจมีการยักยอกเงินไปมากถึง 45 ล้านบาท ไม่ใช่แค่ 13 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งจะเร่งตรวจสอบต่อไป
ต่อมา สำนักข่าวไทย รายงานว่า การแถลงจับกุม นายไพศาล นักพัฒนาสังคม โดยผู้ต้องหา สารภาพว่า กระทำผิดเพียงคนเดียว ส่วนเงินที่ถูกทุจริตนั้นเป็นเงินนอกงบประมาณของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ ไม่ใช่เงินช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางตามกระแสข่าว ซึ่งเงินนอกงบประมาณที่ถูกทุจริตไปเป็นเงินที่มีความเคลื่อนไหวน้อย จึงอาจเล็ดลอดสายตาผู้ตรวจสอบบัญชีไปได้
ขณะที่ นางพัชรี อาระยะกุล ปลัด พม. ย้ำว่าขณะนี้ได้เปลี่ยนรหัสแล้ว และจะปรับปรุงระบบเทคโนโลยีการโอนเงิน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีกในอนาคต ส่วนสาเหตุที่นายไพศาล ทุจริตได้เพราะมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านบัญชี ส่วนรหัสการเข้าถึงบัญชี โอนเงินจากบัญชีของกรมฯ มีพนักงาน 3 คนที่มีรหัส ซึ่งการถอนและโอนเงิน ต้องมีอย่างน้อย 2 ใน 3 คนถึงจะถอนได้ ซึ่งนายไพศาลรับสารภาพอีกว่า รู้รหัสของอีก 2 คน
โดยขณะนี้ได้สั่งระงับบัญชีของนายไพศาลและทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อตรวจความเชื่อมโยงทางบัญชี โดนจะเสร็จภายใน 30 กันยายน ขณะนี้เช็กยอดบัญชีที่ได้รับความเสียหาย เบื้องต้น 13 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อว่าผู้ต้องหาทำคนเดียว
ขอบคุณ... https://hilight.kapook.com/view/216649