"ผัวเมีย"พิสูจน์รักแท้ยังมีอยู่จริง ถึงแม้พิการจะดูแลกันตลอดไป
“ประหยัด-สุปราณี” ครองคู่กว่า 20 ปี รักไม่เคยจืดจาง ใช้ความเข้าใจ-ให้อภัยนำทางชีวิต ภายหลังฝ่ายชายต้องเผชิญเคราะห์กรรมป่วยพิการขาสองข้าง มีเมียเคียงข้างดูแลไม่ห่าง พิสูจน์ "รักแม้มีอยู่จริง”
“นิยายชีวิต” เล่าเรื่องราวชีวิตรันทด บางคนสุขสมหวัง ระคนปนเศร้าแร้นแค้น ที่สุดแล้วไม่ว่าชีวิตแต่ละคนจะเป็นอย่างไร กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญให้สู้ต่อ สัปดาห์นี้ขอเสนอเรื่องราวความรัก รักที่บริสุทธิ์ รักที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทน รักที่ดูแลกันตลอดไป.. บางคนตามหาทั้งชีวิตกลับผิดหวังจนแทบไม่เชื่อว่า “รักแท้” ยังมีอยู่จริง..
นายประหยัด ดำศรี อายุ 46 ปี หนุ่มใหญ่ขาสองข้างพิการเดินไม่ได้เพราะโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง กับ นางสุปราณี ดำศรี อายุ 43 ปี สองสามีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก ใช้ชีวิตร่วมกันมานานกว่า 20 ปี มีร้านเล็กๆ รับทำกุญแจ กรอบพระ และซ่อมรองเท้า อยู่หลังวัดท่ายาง หมู่ 2 ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช มีลูกชายและลูกสาว 3 คน ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่อย่างพอเพียง ทุกเย็นหลังปิดร้านสุปราณีจะพาประหยัดนั่งวีลแชร์ออกไปตามถนนกินลมชมวิวพบปะทักทายผู้คนบ้านใกล้เรือนเคียงคลายความเครียดหลังจากทำงานทั้งวันจนเป็นภาพชินตาของชาวบ้านที่ต่างชื่นชมความรักของสามีภรรยาคู่นี้ . “ประหยัด” เล่าความเป็นมาของชีวิตก่อนหน้านี้ก็เหมือนคนปกติที่มีร่างกายแข็งแรง วัยหนุ่มตั้งใจทำมาหากินด้วยการรับทำกุญแจ ทำกรอบพระ และซ่อมรองเท้า จนได้พบรักกับ “สุปราณี” หญิงสาวชาวสวนเมื่อประมาณปี 2542 ฝ่ายชายประทับใจที่ฝ่ายหญิงเป็นคนขยันทำมาหากินเหมือนกับตัวเอง หลังใช้เวลาคบหาดูใจสักระยะจึงตกลงใจแต่งงานกัน พร้อมกับ คำมั่นสัญญา “ไม่ว่าจะลำบากอย่างไรก็ขอสู้ชีวิต และจะรักกันดูแลกันตลอดไปชั่วชีวิต เพราะรักกันแล้วจึงต้องรักกันตลอดไป ไม่ว่าคนหนึ่งคนใดจะเป็นอย่างไรจะไม่ทอดทิ้งกันตลอดกาล”
ชีวิตคู่ของประหยัดและสุปราณีเป็นไปอย่างราบรื่นมีความสุข เพราะยึดหลักความเข้าใจ เชื่อใจและให้อภัย บางครั้งอาจมีทะเลาะกันบ้างตามประสาผัวเมียก็เหมือนลิ้นกับฟันที่ต้องมีกระทบกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยโกรธกันนานปรับความเข้าใจก็ดีกัน ทั้งคู่ต่างมุ่งมั่นทำมาหากินเพื่อเก็บเงินเก็บทองสร้างเนื้อสร้างตัวจนสามารถเปิดร้านเล็กๆ พร้อมกับเลี้ยงดูและส่งลูกเรียนได้
แต่แล้วเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!! 10 ปีก่อน จู่ๆ ประหยัด ก็ล้มป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงจนทำให้เดินไม่ได้ต้องรักษาตัวอยู่นานแต่ก็ไม่ดีขึ้น ครอบครัวอยู่ในภาวะลำบาก.. สุปราณี ต้องรับภาระหนักดูแลสามีและลูกๆ ที่ยังเล็ก ทำหน้าที่เป็นเสาหลักแทนสามี กิจการยังคงดำเนินต่อไปเพราะสุปราณีได้รับการฝึกสอนจากประหยัดในการทำกุญแจ ส่วนประหยัดมีกำลังใจดีพยายามอดทนสู้ทำกายภาพบำบัดเป็นประจำ แขนและสองมือยังคงทำงานได้ตามปกติ เมื่อเห็นภรรยาเหนื่อยหนักจะท้อแท้อยู่ได้อย่างไร ต้องรีบลุกขึ้นมาช่วยแบ่งเบาภาระ!!
สำหรับเรื่องการดูแลลูกทั้ง 3 คน ประหยัดกับสุปราณีจะคอยสอนสั่งให้เป็นคนดี ขยันขันแข็ง พี่น้องต้องรักกัน สามัคคีกัน ทุกวันนี้ลูกทั้ง 3 คนก็เป็นไปตามวัยมีดื้อบ้างซนบ้าง ซึ่งคนโตจะเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยเพราะไม่อยากให้เป็นภาระพ่อแม่ ส่วนคนกลางกับคนเล็กก็จะช่วยงานบ้านและช่วยดูแลพ่อแม่ ทุกคนจะอยู่ในสายตาเมื่อมีปัญหาอะไรก็จะมาปรึกษาพ่อแม่ก่อน
“ผมมีกำลังใจในการใช้ชีวิต ไม่เคยท้อแม้จะเดินไม่ได้ จะมองคนอื่นที่เขาลำบากกว่าเราที่ยังมีอีกมากมาย กำลังใจจากภรรยาและลูกเป็นเรื่องสำคัญมาก ความหวังสูงสุดของผมตอนนี้ก็คืออยากกลับมาเดินได้เหมือนเดิม ซึ่งผมพยายามจะทำให้ได้ เพราะภรรยาดูแลอย่างดีเขาทำหน้าที่ไม่เคยขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย ทำกายภาพบำบัดให้เสมอ คิดสักวันคงโชคดี..” ประหยัด กล่าว
“ประหยัด” และ “สุปราณี” ทิ้งท้าย ที่ออกมาเปิดเผยชีวิตวันนี้ เพราะอยากจะเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังท้อแท้ชีวิตให้หันมาลุกขึ้นสู้ ขออย่ายอมแพ้กับโชคชะตาหรืออุปสรรคใดๆ ทุกอย่างเป็นแค่บททดสอบที่เข้ามาในชีวิต ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพื่อตัวเองและครอบครัวของเรากันดีกว่า”.