หนุ่มพิการสู้ชีวิต ฝืนยกแขนที่อ่อนแรงทำว่าวสร้างรายได้ วอนผู้มีจิตเมตตาช่วยเหลือ
พังงา หนุ่มพิการขาลีบสู้ชีวิต ไม่นิ่งเฉย ฝืนยกแขนที่อ่อนแรง ทำว่าวสร้างรายได้ วอนผู้มีจิตเมตตาช่วยเหลือครอบครัวพร้อมหาฝึกอาชีพที่เหมาะสม
นายวสิทธิ์ ประหยัดทรัพย์ รองประธานสภา อบจ.พังงา ได้นำผู้สื่อข่าวไปพบกับผู้พิการ และครอบครัวที่ต่อสู้ชีวิตท่ามกลางความลำบาก ในพื้นที่ ต.บ่อแสน อ.ทับปุด จ.พังงา ต้องการอาชีพสร้างรายได้จุนเจือครอบครัวที่อาศัยอยู่กับพี่สาวอีก 4 คน ภายในหมู่บ้าน จากนั้นได้เดินทางเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ พร้อมด้วย นายอุเสน หอมหวล อายุ 48 ปี เพื่อนบ้านของชายผู้พิการดังกล่าว พบที่บ้านเลขที่ 64 หมู่ 4 ต.บ่อแสน อ.ทับปุด จ.พังงา มี นายเฉม คาวิจิตร์ อายุ 52 ปี ชายผู้พิการ ขาลีบ แขนอ่อนแรง หูตึง พูดจาไม่ได้ใจความ ท่ามกลางพี่สาวของนายเฉม อีกจำนวน 3 คน โดยทั้งหมดอาศัยอยู่แห่งเดียวกันซึ่งเป็นบ้านของพ่อและแม่ ที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้
เมื่อสอบถามทราบว่า นายเฉม ไม่มีอาชีพและรายได้ นอกจากเงินตอบแทนของผู้พิการจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพังงา ส่วนพี่สาวอีก 3 คน แยกเป็นพี่สาว 2 คน มีอาชีพประมงพื้นบ้าน อาศัยเรือของเพื่อนบ้านออกหากุ้งเคยตามฤดูกาล และสัตว์น้ำพอประทังชีวิตภายในครัวเรือน ส่วนพี่สาวอีกคน หาผักที่ปลูกไว้ข้างบ้าน เพื่อทำกินภายในครัวเรือน บางวันมีเหลือพอที่จะขายให้ชาวบ้านในพื้นที่
โดย นายส่ามาแอ หมันหนุน อายุ 63 ปี พี่เขย ที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียง เห็นความลำบากของครัวเรือนดังกล่าว ได้ระบายความรู้สึกว่า ครอบครัวดังกล่าวมีความลำบากมานานมากแล้ว ทั้งเรื่องเงิน ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน การประกอบอาชีพ ความเป็นอยู่ โดยมีความพิการเรียกว่าทุกส่วน แขนอ่อนแรง ไม่สามารถยกได้ตามปกติ ขาลีบไม่สามารถเดินได้ ลิ้นสั้นพูดจาไม่ได้ใจความ หูตึงอย่างรุนแรง ซึ่งเกิดจากช่วงเด็กของนายเฉม ประสบอุบัติเหตุพลัดตกจากบ้านเพื่อนทำให้หัวเข่าหลุด ต่อมาแขนอ่อนแรงขาลีบ ลิ้นจุกปาก ส่วนหูตึงเกิดจากการกินของเผ็ดซึ่งเป็นนิสัยของคนในบ้าน
การใช้ชีวิตของนายเฉม พบว่าลำบาก ตื่นเช้าไม่สามารถออกจากบ้านไปไหนมาไหนได้ ส่วนพี่สาวทั้ง 3 คน ที่อาศัยอยู่ลำบากเช่นเดียวกัน เนื่องจากรายได้แต่ละวันรวมทั้งหมดไม่เกิน 150 บาทต่อวัน ยิ่งในช่วงมรสุมมีฝนตก ออกเรือหาสัตว์น้ำไม่ได้ ก็ไม่มีรายได้เข้าครัวเรือน เพื่อนบ้านในละแวกต้องช่วยกันแบ่งปันอาหาร ส่วนรายได้ของนายเฉม ผู้พิการจะเกิดขึ้นจากการรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ ในหมู่บ้าน เช่น การทำว่าว ในช่วง 1-2 เดือน ของแต่ละปี จะมีชาวบ้านโดยเฉพาะเด็กๆและวัยรุ่นในหมู่บ้านจ้างให้ทำว่าว แต่ด้วยหัวใจที่ต่อสู้ชีวิตมาตลอด มีความต้องการ จักรยานยนต์สำหรับคนพิการ เพื่อออกหางานที่เหมาะสมเพื่อนำรายได้มาจุนเจือครัวเรือน ต้องการความรู้ที่เหมาะสมเพื่อประกอบอาชีพ เงินทุนสักก้อนเป็นทุนสร้างอาชีพดำรงชีวิตอยู่ในพื้นที่
ด้านนายอุเสน หอมหวล เพื่อนบ้านกล่าวว่า เห็นครอบครัวนี้มาตั้งแต่เล็กกระทั่งโต พบว่าการใช้ชีวิตโดยเฉพาะนายเฉม ผ่านมาด้วยจิตใจที่ต่อสู้กับสภาพร่างกายพิการ ฐานะที่ยากจน ทำให้เพื่อนบ้านในละแวกเดียวกันต่างเข้าช่วยเหลือ แบ่งปันข้าวสาร อาหารให้แก่ครอบครัวของนายเฉม ซึ่งครอบครัวดังกล่าวเป็นผู้หญิงเกือบทั้งหมด โดยมีผู้ชายคนเดียวแต่กลับพิการไม่สามารถช่วยเหลือครอบครัวได้ ส่วนผู้หญิงในครัวเรือนต้องออกเรือหาปลา หาสัตว์น้ำ ได้บ้างไม่ได้บ้าง สำหรับนายเฉม พบว่ามีความอดทน มีความพยายาม และสู้ชีวิต ไม่เคยท้อแท้ ทำให้ครัวเรือนนี้เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ชุมชนและเพื่อนบ้านในละแวกนี้
ด้าน นายวสิทธิ์ ประหยัดทรัพย์ รองประธานสภา อบจ.พังงา กล่าวว่า ตนเองนำสื่อมวลชนเข้ามาเยี่ยมและดูความลำบากของครอบครัว นายเฉม คาวิจิตร์ ซึ่งตนเองเห็นครอบครัวดังกล่าวมาตั้งแต่ตนเองยังเป็นวัยรุ่น พบว่ามีความลำบากมาก และต้องการความช่วยเหลือจากผู้มีจิตเมตตา เพื่อให้สมาชิกของครอบครัวดังกล่าวดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ที่ผ่านมา ตนเองประสานหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้รับการช่วยเหลือซึ่งสามารถช่วยเหลือตามกติกา กฎ ระเบียบของทางภาครัฐได้เท่านั้น ส่วนจะยกระดับความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นต้องอาศัยผู้มีจิตเมตตา เท่าที่ทราบ ทาง นายเฉม ต้องการรถจักรยานยนต์สำหรับผู้พิการ เพื่อออกหางาน หรือประกอบอาชีพ ไม่ให้เป็นภาระของคนในบ้าน อีกทั้งผู้รู้แนะนำอาชีพที่เหมาะสม และเงินทุนไว้ประกอบอาชีพเพื่อดำรงชีวิตอยู่ต่อไป