เตือน 6 โรคพบบ่อยในหน้าหนาว รู้ไว้จะได้เตรียมความพร้อม
เข้าสู่เดือนพฤศจิกายน และเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศไว้ว่า ฤดูหนาวของไทยในปีนี้จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. เป็นต้นไปต่อเนื่องไปจนถึงปลายเดือน ก.พ. 2565 รวมระยะเวลาประมาณ 4 เดือน โดยสภาพอากาศของประเทศไทยตอนบน อุณหภูมิต่ำสุดจะเฉลี่ยอยู่ที่ 20-21 องศาเซลเซียส และจะมีอากาศหนาวเย็นใกล้เคียงกับปีที่ผ่าน
เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว อีกสิ่งที่เพื่อนๆ ทุกคนต้องดูแลตัวเองคือ สุขภาพ ที่ต้องดูแลให้แข็งแรงไว้เสมอ เพราะอากาศจะมีการเปลี่ยนแปลงและเย็นมากขึ้น ดังนั้น เพื่อให้เพื่อนๆ ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงในฤดูหนาวนี้ สามย่านมิตรทาวน์ จึงข้อมูลโรคที่จะมาในฤดูหนาวนี้มาแนะนำ เพื่อให้เพื่อนๆ ป้องกันระมัดระวังและดูแลตัวเองกันมากขึ้น
1.โรคไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่
สำหรับอาการจะเริ่มด้วยการมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ไอ โดยเมื่อเริ่มมีอาการควรนอนพักผ่อนให้มากๆ ดื่มน้ำบ่อย ๆ ถ้าตัวร้อนมากควรใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัว หรือกินยาลดไข้ อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 2-7 วัน แต่หากมีอาการไอมากขึ้น หรือมีไข้สูงนานเกิน 2 วัน ควรไปพบแพทย์ เพื่อรักษาต่อไป
2.โรคปอดบวม
โดยอาการโดยทั่วไปได้แก่ ไอ เจ็บหน้าอก มีไข้สูง และหายใจหอบ ดังนั้นควรต้องไปพบแพทย์ โดยจะการวินิจฉัยจะกระทำโดยการฉายรังสีเอกซ์และการตรวจเสมหะ ซึ่งหากมีความรุนแรง ต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เนื่องจากเป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากที่สุดในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี รวมทั้งเด็กที่มีน้ำหนักตัวน้อย เด็กขาดสารอาหาร เด็กที่มีความพิการแต่กำเนิด เช่น โรคหัวใจ เป็นต้น
3.โรคหัด
โรคนี้มักเกิดในเด็กโตและกลุ่มวัยรุ่น อาการจะเริ่มจากมีไข้ น้ำมูกไหล ไอ ตาแดง และจะมีผื่นขึ้นภายหลังมีไข้ประมาณ 4 วัน จากนั้น ผื่นจะกระจายทั่วตัว โดยผื่นจะจางหายไปภายใน 2 สัปดาห์ เด็กที่ป่วยเป็นหัด ให้แยกออกจากเด็กอื่นๆ ประมาณ 1 สัปดาห์
4.โรคหัดเยอรมัน
โรคนี้เป็นได้ทั้งผู้ใหญ่ และเด็กเล็ก มีอาการไข้ ออกผื่นคล้ายโรคหัด บางรายอาจไม่มีผื่นขึ้น หากเป็นหัดเยอรมันระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรก อาจทำให้ทารกในครรภ์พิการได้ ดังนั้น ควรพบแพทย์ และหยุดงาน หรือหยุดเรียนประมาณ 1 สัปดาห์
5.โรคอีสุกอีใส
มักจะเกิดในเด็ก เมื่อเป็นโรคนี้แล้ว จะมีภูมิต้านทานโรคตลอดชีวิต อาการจะเริ่มด้วยไข้ต่ำๆ ต่อมา จะมีผื่นขึ้นที่หนังศีรษะ หน้า ตามตัว ซึ่งเริ่มเป็นผื่นแดง ตุ่มนูน แล้วเปลี่ยนเป็นตุ่มพองใสหลังมีไข้ 2-3 วัน จากนั้น ตุ่มจะเป็นหนอง และแห้งตกสะเก็ดหลุดออกเองประมาณ 5-20 วัน เด็กนักเรียนที่ป่วยควรหยุดเรียนประมาณ 1 สัปดาห์ เด็กเล็กที่ป่วยควรตัดเล็บให้สั้น เพื่อป้องกันการอักเสบจากการเกาที่ผื่น
6.โรคอุจจาระร่วง
ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า โรต้าไวรัส มักจะเกิดขึ้นกับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ติดต่อโดยการดื่มน้ำ หรือกินอาหารที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อนเข้าไป โดยเด็กจะมีอาการถ่ายอุจจาระเป็นน้ำ หรือถ่ายเหลวบ่อยครั้ง ซึ่งอาการจะไม่รุนแรง แต่เด็กบางคนอาจขาดน้ำรุนแรง หากมีเด็กในบ้านถ่ายเหลว ควรให้กินอาหารเหลวบ่อย ๆ เช่น น้ำข้าวต้ม น้ำแกงจืด ให้ดื่มนมแม่ ส่วนเด็กที่ดื่มนมผสม ควรผสมนมให้เจือจางลงครึ่งหนึ่งจนกว่าอาการจะดีขึ้น หากยังถ่ายบ่อยให้ผสมสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ให้ดื่มบ่อย ๆ อาการจะกลับเป็นปกติได้ภายใน 8-12 ชั่วโมง หากอาการไม่ดีขึ้นต้องรีบพาไปพบแพทย์ทันที
เป็น 6 โรคที่จะมาในช่วงหน้าหนาวนี้เป็นประจำทุกปี และอีกข้อสำคัญในช่วงหน้าหนาวคนในเมืองก็ควรเช็คสภาพอากาศด้วยว่าเป็นอย่างไร เนื่องจากในช่วงหน้าหนาวมักจะมีปริมาณฝุ่นมากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันตัวเองไว้โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ และแพ้ฝุ่นอาจจะไม่สบายได้
รู้แบบนี้แล้วเพื่อนๆ ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพและป้องกันตัวเอง ทำร่างกายให้แข็งแรงออกกำลังกายบ่อยๆ และเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อีกทั้งเมื่อออกจากหน้าก็อย่าสวมใส่หน้ากากอนามัยกันไว้ เพื่อป้องกันเชื้อโรคอีกทาง สามย่านมิตรทาวน์ อยากให้เพื่อนๆ สุขภาพแข็งแรงๆ เพราะไม่ป่วยจะดีที่สุด
ขอบคุณ... https://bit.ly/3H1yb4b (ขนาดไฟล์: 163)