‘ไร้ 2 ขา’ชีวิตดีๆ ก็ก้าวเดินได้ ‘แกส-แกเร็ธ เพย์น’ฝรั่งหัวใจไทย
“ตอนถูกตัดขา ถ้าคิดว่าชีวิตจบแล้ว ผมคงทำอะไรต่อไม่ได้ แต่ผมไม่คิดมาก เพราะเรายังไม่ตาย ความพิการที่เกิดขึ้น เราต้องยอมรับและอยู่กับมันให้ได้“
ชายชาวอังกฤษ อดีตนักมวยอาชีพดีกรีแชมป์ระดับประเทศ ที่ชื่อ “แกเร็ธ เพย์น (Gareth Payne)” บอกกับเราถึงชีวิตของเขาที่ต้องเปลี่ยนไปจาก “อุบัติเหตุรถไฟทับขา” ซึ่งด้วยความที่มี “เลือดนักสู้” เต็มเปี่ยม ชาวต่างชาติคนนี้ไม่คิดยอมจำนนกับโชคชะตา หากแต่เลือกที่จะ “สู้ชีวิต” จนสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลาย ๆ คนได้เป็นอย่างดี ทำให้ “ทีมวิถีชีวิต” อยากนำเรื่องราวของเขามานำเสนอ… วันนี้มาดูชีวิต “ฝรั่งหัวใจไทยยอดนักสู้” คนนี้กัน
ภาพชายต่างชาติใส่ขาเทียม 2 ข้าง แต่ขี่รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างไปบนท้องถนนอย่างคล่องแคล่ว เป็นภาพที่คุ้นตาผู้คนบริเวณหมู่บ้านมัณฑนา วงแหวนรามอินทรา ซึ่งพิกัดดังกล่าวเป็นบริเวณที่ตั้ง “ร้านเบอร์เกอร์” ของชายชาวต่างชาติคนนี้ ที่จะมาประจำการทุกวันพุธถึงวันศุกร์ ช่วงเวลา 09.30-15.00 น. โดยเจ้าของเรื่องราวชีวิตที่ชื่อ แกเร็ธ เพย์น บอกกับ “ทีมวิถีชีวิต” ในช่วงเริ่มต้นการสนทนาว่า “ผมยึดอาชีพขายเบอร์เกอร์ดูแลครอบครัวมากว่า 8 ปีแล้วครับ” พร้อมกับเล่าถึงประวัติชีวิตตัวเองให้เราฟังว่า เขามีชื่อเล่นว่า “แกส” โดยเขาถือสัญชาติอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันนี้อายุ 43 ปี
แกส หรือ แกเร็ธ เล่าว่า เขาเคยเป็นนักมวยอาชีพ และยังเคยเป็นนักบินด้วย ส่วนสาเหตุที่ทำให้ “ขาขาดทั้ง 2 ข้าง” ต้องใส่ขาเทียม เกิดขึ้นตอนที่ไปวิ่งออกกำลังกายเตรียมตัวขึ้นชกนัดสำคัญ แต่ด้วยความที่กินอาหารไม่เพียงพอ ส่งผลให้ขณะที่วิ่งออกกำลังกายอยู่เขาเกิดเป็นลมหน้ามืดหมดสติบริเวณรางรถไฟ และมีรถไฟวิ่งมาทับขา ทำให้หมอต้องตัดขาทั้ง 2 ข้าง เพื่อรักษาชีวิตเขาไว้ ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ทุกสิ่งรอบตัวเปลี่ยนแปลงไปหมด ทั้งรายได้ ทั้งเพื่อนฝูง
“ตอนถูกตัดขา ทางโรงพยาบาลบอกให้รักษาตัว 1 เดือน แต่ผมขออยู่แค่ 2 สัปดาห์ จำได้ว่า ตอนที่ได้ลองใส่ขาเทียมครั้งแรกกลับบ้าน ผมเจ็บมาก แต่ยังวิ่งได้ พอวันต่อมาผมเข้าฟิตเนสเลย เพื่อไปออกกำลังกาย ทำให้ค้นพบว่า ผมแค่พิการ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไร้ความสามารถ ผมจึงตัดสินใจว่าจะไม่ให้ความพิการนี้มาจำกัดชีวิตตัวเอง ดังนั้นถ้าผมอยากทำอะไร ผมจะทำเลย” แกเร็ธบอกเรื่องนี้ เพื่อย้ำว่า “ความพิการไม่ใช่ข้ออ้างที่จะมาจำกัดชีวิต”
เขาคนนี้เลือกที่จะปักหลักใช้ชีวิตที่ไทย และสร้างครอบครัวที่นี่ โดยแกเร็ธเล่าว่า เขาได้เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยเมื่อ 18 ปีก่อน ซึ่งรู้สึกประทับใจหลาย ๆ สิ่งในเมืองไทยมาก โดยเฉพาะสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกประทับใจมากที่สุดคือ คนไทยเป็นคนที่จิตใจดี เขาจึงเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่กับภรรยาของเขาซึ่งเป็นคนไทย นั่นคือ “ปุ๊ก-ไอรินทร์ เพย์น” จนมีโซ่ทองคล้องใจร่วมกัน
ย้อนกลับมาดูชีวิตหลังเกิดอุบัติเหตุ จนทำให้ต้องตัดขา ทำให้ไม่สามารถชกมวยได้ต่อไป กับชีวิตช่วงนั้น แกเร็ธ บอกว่า ด้วยความที่มีภรรยาและลูกที่ต้องดูแล เขาจึงตัดสินใจเปิดร้านขายเบอร์เกอร์ชื่อ “Captain Corner Burgers n Kebabs” โดยทำเลของร้านนั้นเขาจะขายประจำอยู่แถวละแวกหมู่บ้านมัณฑนา กาญจนาภิเษกโดยจะขี่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างคู่ใจตระเวนขายตามตลาดนัด และริมฟุตปาธ “มีลูกค้าเรียกผมตรงไหน ผมก็จะจอดรถขายตรงนั้นครับ” …แกเร็ธบอกเรา
สำหรับ “จุดเริ่มต้น” ของ “อาชีพขายเบอร์เกอร์” นี้ แกเร็ธเล่าว่า เริ่มต้นมาจากการที่เขาทำให้ครอบครัวกินก่อน แล้วภรรยาชมว่าอร่อย และบอกกับเขาว่า “ลองทำขายดูไหม?” เขาก็คิดว่าน่าจะดีเหมือนกัน จึงเริ่มลองเปิดร้านขายละแวกบ้านที่อาศัยอยู่ แถวหมู่บ้านสัมมากร ปรากฏว่ามีลูกค้าตอบรับดีมาก ทำให้รู้สึกสนุก ซึ่งเขาเป็นคนไม่ชอบอยู่เฉย ๆ เป็นคนชอบทำงาน และก็ชอบทำอาหาร โดยซอสบาร์บีคิวที่ทำขึ้นเป็นสูตรเฉพาะของเขาเอง ซึ่งซอสนี้ลูกค้าชอบมาก เขาจึงตัดสินใจเปิดร้านขายช่วงตอนเย็นที่ตลาดนัดเลียบทางด่วนรามอินทราด้วย แล้วต่อมาก็สั่งทำร้านพ่วงข้างรถมอเตอร์ไซค์ เพราะอยากตระเวนขายมากกว่า
“เวลาลูกค้ากินเบอร์เกอร์แล้วยิ้ม ผมจะดีใจมาก แต่เวลาเขาไม่ยิ้ม ผมก็เสียใจนะ ซึ่งเมื่อก่อนผมเป็นคนทำงานแบบซีเรียสมาก ๆ อย่างตอนเป็นนักบิน ชีวิตซีเรียสมาก ซึ่งผมเป็นคนไม่ชอบชีวิตซีเรียสแบบนั้น ถ้าถามว่าเคยเป็นทั้งนักมวย เป็นทั้งนักบิน แล้วต้องมาขายของ ต้องมาเป็นพ่อค้า ไม่อายเหรอ ผมตอบได้เลยว่าไม่อาย เพราะทางใดที่จะช่วยครอบครัวได้ ผมทำทุกอย่าง และผมก็ชอบใส่กางเกงขาสั้น เพราะผมอยากโชว์ให้คนอื่น ๆ เห็นว่าผมพิการนะ เพื่อจะบอกกับทุกคนว่า คนพิการก็สามารถทำได้ทุกอย่างไม่แพ้คนทั่วไปเช่นกัน” แกเร็ธกล่าว
ด้วยบุคลิกร่าเริง ขี้เล่น เป็นกันเองกับลูกค้า ทำให้เป็นจุดเด่น ทำให้ลูกค้าจดจำร้านของแกเร็ธได้ เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ของที่ร้าน ไม่แพ้รสชาติอาหารที่เขาได้ลงมือทำ โดยแกเร็ธบอกว่า ทุกครั้งที่ทำอาหาร เขาจะใส่หัวใจลงไปด้วย เพราะคิดว่าการทำอาหารไม่ได้มีแค่เรื่องรสชาติ แต่คือทุกอย่าง ซึ่งมีลูกค้าขาประจำทั้งคนไทยและต่างชาติที่ติดใจในรสชาติอาหารของเขา
ฟังเจ้าของเรื่องราวชีวิตแล้ว ลองมาฟัง “เสียงจากคู่ชีวิต” ของ แกเร็ธ กันดูบ้าง โดย ไอรินทร์ เพย์น หรือ “ปุ๊ก” วัย 41 ปี ภรรยาของแกเร็ธ เล่าว่า แต่งงานกับแกเร็ธ และมีลูกด้วยกัน 3 คน แต่คนแรกซึ่งเป็นผู้หญิงเสียชีวิตตอนที่คลอด ส่วนคนที่ 2 ตอนนี้อายุ 8 ขวบ และคนสุดท้องเพิ่งอายุได้ 9 เดือน ซึ่งสำหรับ “เส้นทางความรัก” ของทั้งคู่นั้น ปุ๊กเล่าว่า แกเร็ธอยู่เมืองไทยนานแล้ว และเขาเคยมีครอบครัวอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด แต่ได้เลิกกันไปนานแล้ว ก่อนที่แกเร็ธจะมาเจอกับเธอ และได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
“รู้จักกับเขาจากการแนะนำของเพื่อนของเพื่อน ซึ่งตอนนั้นแกเร็ธเป็นนักบิน ส่วนเรามีร้านวัสดุก่อสร้าง ตอนเจอกันแรก ๆ ในสายตาของเรา เรามองว่าเขาเป็นคนคุยสนุก รูปหล่อ น่ารัก นิสัยขี้เล่น ซึ่งพอได้คุยแล้วก็ถูกคอ และยิ่งได้ทำความรู้จัก เรียนรู้กัน ก็รู้สึกรักเขานะ จึงตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเขา” ปุ๊กเล่าย้อน พร้อมกับบอกเราอีกว่า ถึงแม้ต่อมาสามีของเธอจะพิการ แต่ในสายตาของเธอแล้ว สามีเธอไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างจากคนปกติ เพราะแกเร็ธไม่มีปัญหาอะไรเลยในการดำเนินชีวิต ชนิดเรียกว่า “ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้” ทั้งขับรถมีเกียร์ ขี่มอเตอร์ไซค์ แกเร็ธทำได้ทุกอย่าง ไม่มีอุปสรรคเลย
“เราภูมิใจในตัวเขามากนะ โดยเฉพาะความเป็นนักสู้ของเขา เพราะเขาเป็นคนที่ไม่ยอมถอยอะไรง่าย ๆ เขาเป็นคนสู้ชีวิตมาก ซึ่งเวลาที่เขาพูดว่า วันนี้เขาอยากจะทำอะไร เขาก็จะทำในสิ่งที่เขาอยากทำแบบทุ่มสุดตัว เราก็เคยถามว่าทำไมต้องทุ่มเทแบบนั้น เขาก็บอกเรากลับมาว่า ที่เขาทุ่มสุดตัวในทุกอย่างที่เขาอยากทำ เพราะวันหนึ่งเขาอาจจะไม่มีแรง และอาจไม่สามารถทำอะไรได้ ซึ่งเมื่อวันนั้นมาถึงเขาอาจจะต้องนั่งรถวีลแชร์ไปตลอดชีวิต ดังนั้น วันนี้ถ้ายังทำอะไรได้ เขาก็อยากจะทำให้เต็มที่” เป็นเรื่องราวที่ ปุ๊ก ภรรยาคู่ชีวิตของแกเร็ธ ได้ถ่ายทอดให้เราได้รับรู้
“ทีมวิถีชีวิต” ถามปุ๊กว่า จากชีวิตเจ้าของร้านขายวัสดุก่อสร้าง มาเป็นเจ้าของร้านขายเบอร์เกอร์ตามตลาดนัดแบบนี้ แตกต่างกันไหม ปุ๊กนิ่งคิด ก่อนจะตอบเราว่า ร้านขายวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจนี้ส่วนมากจะเป็นเงินหมุน พอเป็นเงินหมุน ถ้าขายดีก็ยิ้มออก แต่ถ้าขายไม่ดีก็ต้องเครียดว่าเช็คที่ลูกค้าเขียนมาให้นั้นจะเป็นเช็คเด้งหรือเปล่า ซึ่งเทียบกับตอนนี้ ที่เปิดร้านขายเบอร์เกอร์กับสามี ชีวิตตอนนี้รู้สึกมีความสุขกว่ามาก เพราะขายเบอร์เกอร์ได้จับเงินสดทุกวัน ไม่ต้องมาลุ้นเหมือนตอนทำร้านวัสดุก่อสร้าง
“วันนี้เราพอใจแค่นี้ ก็ขายแค่นี้ อยู่กันแค่นี้ ก็สบายใจดี ไม่ต้องคิดมากว่าจะมีเงินเยอะไหม จะมีเงินน้อยไหม เพราะเราไม่ใช่คนมีหน้ามีตา ที่สำคัญคือต้องรู้จักเก็บ ไม่ใช้ชีวิตประมาท ถามว่าอนาคตจะขยายร้านอีกไหม ก็เคยคิดนะ แต่พอมานั่งคิดดู ขายแค่นี้ก็โอเคแล้ว เพราะเราขาย 2 ที่ ส่วนถ้าถามว่า ระหว่างเรากับสามีใครอายมากกว่ากัน ที่ต้องมาเป็นแม่ค้าพ่อค้าขายของ แกเร็ธเขาไม่อายนะ มีแต่เรานี่สิที่เคยอายในตอนแรก ๆ (หัวเราะ) แม้เราจะเป็นคนชวนเขาเองก็เถอะ เพราะเราเคยเป็นเจ๊ เป็นเถ้าแก่มาก่อน เพราะบางทีไปยืนขายอยู่ แมสเซนเจอร์ที่เคยเจอตอนที่เขามาเก็บเช็ค มาส่งเช็คให้เรา สมัยที่ทำร้านวัสดุก่อสร้าง ก็เข้ามาทักว่า เจ๊มาทำอะไรตรงนี้ เราก็จะเขิน ๆ ก็มีอายบ้าง แต่เดี๋ยวนี้ไม่เป็นแล้ว เพราะทำแล้วเราได้เงิน ขอแค่ทำทุกวันให้มีความสุขก็พอ” เธอบอกเรื่องนี้พร้อมรอยยิ้มสดใส
ปุ๊ก ยังได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับ “ขาเทียมของแกเร็ธ” ด้วยว่า ขาเทียมคู่นี้แกเร็ธสั่งทำที่อังกฤษ เพื่อให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเขา ถือเป็นนวัตกรรมเพื่อผู้พิการเลยก็ว่าได้ ซึ่งทุก ๆ ปีเวลาเขากลับไปเยี่ยมบ้านที่อังกฤษ แกเร็ธก็จะนำขาเทียมคู่นี้ไปตรวจเช็กสภาพด้วย แต่ตอนหลังพอมามีโควิด-19 ระบาด ทำให้เดินทางไม่ได้ เขาจึงเลือกใช้บริการที่เมืองไทย โดยในไทยก็มี ศูนย์ความเป็นเลิศด้านกายอุปกรณ์ หรือ CEPO ที่มีการให้บริการนี้อยู่
ทั้งนี้ สลับกลับมาคุยต่อกับ แกเร็ธ อีกครั้ง โดย “ทีมวิถีชีวิต” ได้ถามกับเขาว่า “มีมุมมองเช่นไรที่ทำให้สามารถใช้ชีวิตปกติได้ไม่แพ้คนทั่วไปเช่นนี้?” แกเร็ธได้ฟังคำถามนี้แล้วก็ยิ้ม พร้อมกับให้คำตอบกับเราว่า แม้จะพิการ แต่เขาไม่คิดว่าทุกสิ่งในชีวิตจะต้องจบลงไปด้วย “จุดสำคัญคือ ขอแค่ยอมรับและอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้น” ก็สามารถที่จะดำเนินชีวิตต่อไปได้
“ผมเป็นคนชอบชีวิตโลดโผน ทุกวันนี้ผมก็ยังเล่นพารามอเตอร์อยู่ ซึ่งทุกครั้งที่ขึ้นบินผมจะพกกล้องติดไปด้วยเพื่อถ่ายภาพมาลงโซเชียล ซึ่งไม่ใช่ว่าผมจะอยากโชว์อยากอวดว่าผมเก่งผมสุดยอดอะไรแบบนั้นนะ แต่ผมอยากให้ชีวิตของตัวเองช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้พิการคนอื่น ๆ ที่เขาอาจจะกำลังท้อแท้อยู่ ให้ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง”
“ฝรั่งหัวใจไทยยอดนักสู้” คนนี้ยังบอกไว้ด้วยว่า… เขาอยากให้กำลังใจคนที่อาจจะเป็นเหมือนกับเขา ว่า… “หัวใจนั้นสำคัญกว่าสมอง” ดังนั้น “อย่าสร้างกรอบว่าทำไม่ได้” เพราะทุกอย่างอยู่ที่ตัวเราว่าขีดจำกัดเราอยู่ที่ตรงไหน ซึ่งทุก ๆ คน ไม่ว่าใคร ก็มีปัญหาชีวิตด้วยกันทั้งนั้น แต่ข้อจำกัดทางร่างกายจะเอามาเป็นปัญหาไม่ได้
ด้วยความที่ แกเร็ธ เคยเป็นนักบินมาก่อน ทำให้ภรรยา และคนรู้จัก รวมไปถึงลูกค้า ก็มักจะเรียกเขาว่า “กัปตันแกเร็ธ” ซึ่งนอกจากเขาจะมุ่งมั่นทำให้กิจการ “ร้านเบอร์เกอร์” ของตนเองและครอบครัวค้าขายได้ด้วยดีไปตลอดแล้ว อดีตกัปตันคนนี้เขายังมี “ความฝันสำคัญ” ที่ฝันไว้ นั่นก็คือ “ฝันจะได้เป็นคนไทยเต็มตัว” โดยเขาเผยถึงความฝันนี้ว่า… “สำหรับผม ชีวิตตอนนี้โอเคแล้ว เพราะผมกับภรรยาได้ทำงานด้วยกัน ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน ได้อยู่ด้วยกัน และสู้ด้วยกัน ซึ่งชีวิตแบบนี้แหละที่เป็นครอบครัวที่แท้จริงในความหมายของผม ส่วนความฝันอีกเรื่องที่ผมอยากให้เป็นจริงก็คือ ผมอยากเป็นคนไทย อยากเป็นชายไทย อยากตอบแทนเมืองไทยมากที่สุด เพราะตั้งแต่พิการ ผมก็ได้รับโอกาสดี ๆ จากคนไทยมากมาย จนผมคิดว่า ผมเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง เหมือนได้รับโอกาสที่จะมีชีวิตใหม่อีกครั้ง ก็เพราะคนไทย เพราะเมืองไทย”