เซียนพระตะลุมบอนชกหนุ่มพิการ แฉฉกแหวนพระ คนเจ็บสวนแค่ลองโต้เป็นขโมย
กรณีคลิปเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท ระหว่างเซียนพระกับหนุ่มคนพิการ โดยกล้องวงจรปิดละเเวกนั้นจับภาพไว้ได้ บริเวณจุดรอรถโดยสาร ถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) กม.42 ช่องคู่ขนานขาเข้ากรุงเทพ ในพื้นที่หมู่ 2 ต.บางสมัคร อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นภาพที่เซียนพระทราบชื่อ นายชาตรี (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี เดินขึ้นไปล็อกคอนายพลกร ปั้นปัญญา อายุ 40 ปี พนักงานโรงงานที่เป็นคนพิการ ขณะเดินลงมาจากสะพานลอย จากนั้นก็ทำร้ายร่างกายนายพลกร แล้วมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์เข้าไปช่วยห้าม แต่ก็โดนทำร้ายร่างกายไปด้วย ซึ่งสาเหตุมาจากเซียนพระโวยวายเรื่องที่นายพลกร ไปขโมยพระ แต่นายพลกรก็ยืนยันว่าไม่ได้เอาไป
ล่าสุดวันที่ 18 เม.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ ในพื้นที่หมู่ 2 ต.บางสมัคร อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา โดยนายสมร (นามสมมติ) เพื่อนของคนก่อเหตุ กล่าวว่า จริง ๆ แล้ว นายพลกร ชายคนพิการนั้น เขาค่อนข้างจะมีประวัติและพฤติกรรมเข้าข่ายลักเล็กขโมยน้อยมานานแล้ว แต่คนแถวนี้ไม่เอาเรื่อง เนื่องจากสงสารเขาพิการขา อีกทั้งยังมีนิสัยแกล้งไปดูแผงพระ เจ้าของเผลอก็จะขโมยพระ จนเซียนพระแถวนี้รู้ดีถึงพฤติกรรม
กระทั่งวานนี้ (17 เม.ย.65) ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. นายพลกร เดินมาแกล้งทำทีขอเช่าพระกับนายชาตรี และใช้จังหวะเผลอแอบขโมยแหวน เมื่อนายชาตรี ทราบเรื่องเลยรู้สึกโมโห และบอกกับตนว่าจะไปทวงเเหวนคืน โดยไปดักรอบริเวณสะพานลอย เพราะทราบว่านายพลกร มักจะเดินมาขึ้นรถตรงจุดดังกล่าว
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น มาจากฝั่งคนเจ็บขโมยพระก่อน ชาวบ้านละแวกนี้เขาก็รู้กันดี อีกทั้งนายชาตรี ก็เพิ่งจะโดนขโมยเป็นครั้งแรก เขาเลยรู้สึกไม่แฟร์กับสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งใจจะไปดักรออยากได้แหวนคืน ส่วนนายพลกร ก็มักจะใช้ความพิการมาอ้าง ถึงขั้นเซียนพระหลายคนห้ามไม่ให้เข้าแผง
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับ นายชาตรี (สงวนนามสกุล) เซียนพระคนที่ปรากฎในคลิป เล่าให้ฟังว่า จริง ๆ แล้วช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะไปดักทำร้ายหรือชกต่อยชายพิการคนดังกล่าว เพียงแค่ตั้งใจจะไปทวงแหวนพระที่ตนปล่อยเช่าในแผงคืน โดยแหวนดังกล่าวนั้นเป็นแหวนพระเก่าแก่ในจังหวัดภูเก็ต มูลค่าประมาณ 2,000 -3,000 บาท ซึ่งทางด้านนายพลกร หรือชายพิการได้ขโมยไป
ทั้งนี้ นายพลกร แกล้งทำทีเข้ามาขอดูพระที่แผงของตน ซึ่งตนก็ได้ให้เขาดู ตอนแรกเขาตั้งใจจะดูพระรูปหล่อหลวงพ่อโสธร รุ่นกรมตำรวจ มูลค่าประมาณ 8,000 บาท ตนจึงถามเขาว่า "มีงบเท่าไร" เขาบอกว่าประมาณ 200-300 บาท ตนเลยบอกว่าให้วางเพราะพระองค์นั้นลงเพราะราคาแพง ก่อนจะแนะนำพระองค์อื่น ๆ ที่มูลค่าถูกกว่านั้น ด้วยความที่ตนระเเวงหวงพระที่มูลค่าสูง จึงไม่ได้สังเกตพระองค์อื่น ๆ
หลังจากนั้นเขาก็เดินไปโดยที่ตนไม่ได้เอะใจ เมื่อตนจะปิดร้านรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างหายไป จึงตรวจสอบอีกครั้ง พบว่าแหวนที่ชายคนพิการลองสวมได้หายไป ตนเชื่อว่าเขาน่าจะเป็นคนเอาไป ประกอบกับที่ตนได้แจ้งกับเพื่อน ๆ เซียนพระที่อยู่ในละเเวกนั้น เขาก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ชายพิการคนดังกล่าวมีลักษณะนิสัยชอบขโมย เซียนพระหลายคนโดนมาแล้ว แต่ตนโดนเป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ ตนยอมรับว่าในวันเกิดเหตุ ตนไม่ได้ตั้งใจจะไปชกต่อยเขา แค่ไปนั่งรอเพื่ออยากจะสอบถามโดยตรง ตนออกจากบ้านประมาณ 06.00 น. ก่อนที่จะเจอกับชายพิการในช่วงเวลา 06.20 น. ก็เลยวิ่งไปดักรอเพื่อจะถามหาแหวนคืน ซึ่งพออีกฝ่ายเห็นหน้าตน กลับพยายามจะถอนแหวนออกจากนิ้วนางฝั่งขวา ตนเห็นว่าเขาถอดเเหวนทิ้งเลยโมโห จึงเข้าไปล็อกคอก่อนจะดึงมาทะเลาะกันด้านล่าง ตนยอมรับว่าโมโหจริง ๆ ตอนที่เห็นว่าเขากำลังจะถอดเเหวน
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมเป็นฝ่ายที่โดนขโมยของ แต่พอคลิปออกไปกลับโดนโจมตี หาว่าไปทำร้ายชายพิการ ทั้งที่ความจริงเขาเป็นคนขโมย ตำรวจก็ได้เรียตัวผมไปเพื่อไกล่เกลี่ยกับอีกฝ่าย ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าเขาเอาพระไป แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับอ้างว่าไม่ได้ขโมย ตำรวจจึงได้เทียบปรับผมไป 1,600 บาท ในข้อหาทะเลาะวิวาท ส่วนการเเจ้งความเรื่องลักขโมยนั้น ตำรวจบอกว่าอาจจะต้องเอาหลักฐานมายืนยัน ผมก็หาแหวนไม่เจอ" นายชาตรี กล่าว
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวได้ตรวจสอบเฟซบุ๊กของนายชาตรี พบว่าช่วงประมาณสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ ได้มีการโพสต์ภาพนายพลกร ชายพิการคนดังกล่าว ในช่วงที่เขาเข้ามาดูแหวน และมีการสวมเเหวนวงที่หายไว้ด้วย
นายพลกร ปั้นปัญญา อายุ 40 ปี พนักงานโรงงานที่เป็นคนพิการ เปิดเผยว่า ตนได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.บางปะกง เพราะยังมีร่องรอยของการถูกทำร้ายที่ใบหน้า ลำคอ และแขน ตนเป็นคนพิการขาลีบข้างหนึ่ง ซึ่งเป็นมาตั้งแต่กำเนิด แต่ก็ยังใช้ชีวิตและทำงานได้ตามปกติ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนกำลังจะเดินไปทำงานเพื่อขึ้นรถของโรงงานที่จะมาจอดรับในจุดที่เกิดเหตุ จู่ ๆ ชายคนดังกล่าวก็เข้ามาทำร้ายตนโดยที่ไม่ได้มีการพูดคุยอะไร
อีกฝ่ายกลับเข้ามาล็อกคอแล้วต่อย ตนยืนยันว่าไม่ได้สวมเเหวนของนายชาตรี ตามที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง ตนใส่แค่เเหวนวงเดียวเป็นแหวนของตน แต่ในภาพที่อีกฝ่ายถ่ายแล้วเอาไปลงในเฟซบุ๊กนั้น เป็นช่วงที่ตนเข้าไปดูแผงพระของเขา แค่เอามาลองใส่นิ้วแล้วถอดส่งคืน ไม่ได้ขโมยตามที่อีกฝ่ายกล่าวหา ตนยืนยันว่าไม่ได้หยิบติดตัวมา เพราะตนอยากได้ในราคาที่ไม่แพง
อย่างไรก็ดี หากตนขโมยแหวนไปจริง ๆ คงไม่กล้าแจ้งความ ตนยังยืนยันคำเดิมไม่ได้ทำ ตนไม่ได้พูดแก้ตัวหรือแก้ต่าง ส่วนที่ชาวบ้านพูดกันยอมรับว่าในอดีตตนก็อาจจะมีพฤติกรรมที่ทำให้ชาวบ้านมองไม่ดีบ้าง แต่รายละเอียดตนไม่ขอลงลึก ตนมองอีกฝ่ายทำเกินเหตุ ทำไมถึงไม่สอบถามหรือพูดคุยกันก่อน จู่ ๆ เข้ามาทำร้ายตน ซ้ำตนกับเขาก็ไม่เคยมีปากเสียงกันมาก่อน เพิ่งเจอหน้าเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (17 เม.ย.65)
"ส่วนตัวอยากจะขอโทษอีกฝ่าย เพราะกลัวจะโดนทำร้ายร่างกายซ้ำอีก ผมมองหากจะให้เรื่องนี้จบ ถ้าอีกฝ่ายมีหลักฐานว่าผมเป็นขโมยจริง ก็ให้นำหลักฐานนั้นมาแจ้งความ ผมพร้อมโดนดำเนินคดีครับ" นายพลกร กล่าวยืนยัน