“แม่นก” หญิงแกร่ง นอนแค่ 3 ชม.ต่อวัน สู้ขายข้าวแกง 20 บาท-รับจ้างเย็บผ้าเลี้ยงลูก 4 คน พิการ 2 คน!
รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “แม่นก” คุณแม่สู้ชีวิต ที่แต่ละวันมีเวลานอนแค่ 3 ชม. เพราะต้องตื่นตั้งแต่ตี 2 เพื่อทำงานหารายได้เลี้ยงลูก 4 คน ซึ่งลูกพิการถึง 2 คน ไม่ว่าต้องทำงานหนักแค่ไหน เธอไม่หวั่น พร้อมสู้เพื่อลูก
"แม่นก" วาสนา จุมเฉียง คุณแม่ลูกสี่ วัย 40 ที่ลูกเป็นผู้ชายทั้งหมด โดยสองคนแรก "เติ้ล" กับ "ติ๊ก" วัย 19 และ 17 ก็สมบูรณ์แข็งแรงดี แต่ "อุ้ม" และ "โปเต้" ลูกคนที่ 3 และ 4 กลับต้องพบกับความพิการ ทั้งที่ตอนแรกเกิดก็ปกติดี
"คนที่สามคลอดมาเขาก็ปกติ พอ 10 เดือน น้องร้องอยู่ 2 วัน หลังจากนั้นน้องที่เคยชันคอได้ เริ่มอ่อนแรงลง พาไปหาหมอ รพ.เด็ก หมอสันนิษฐานว่าน้องอาจเกิดการเกร็ง และกล้ามเนื้ออ่อนแรง เนื่องจากขาดอากาศหายใจชั่วขณะ แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนไหน"
ขณะที่น้องโปเต้ ลูกชายคนที่สี่ ที่เกิดหลังน้องอุ้ม 3 ปี มีปัญหาซ้ำรอยพี่ชาย หลังคลอดได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น!!
"อาการชักเกร็งของน้องจะคนละแบบ พี่จะชักแบบออกอาการหนักๆ แต่น้องคือเกร็งซะมากกว่า เกร็งและปวดกระดูก ต้องคอยนวด ฉีดสเปรย์พ่น"
ลำพังมีลูกพิการ 1 คน ก็เป็นภาระหนักสำหรับครอบครัวแล้ว แต่เมื่อลูกพิการถึง 2 คน แม่นกและสามีจึงต้องทำทุกทางเพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อการดูแลลูก เคยจะจ้างคนเลี้ยงลูก เพื่อที่เธอและสามีจะได้ช่วยกันทำงานหาเงินอย่างเต็มที่ แต่ก็ทำไม่ได้
"ให้เขาเลี้ยงไม่ได้ เขาจะร้อง ต้องอยู่กับพ่อแม่ ต้องให้พ่อหรือแม่เลี้ยงเท่านั้น แม่เลยหันมารับจ้างเย็บผ้ากลางคืน และพ่อไปทำงานกลางวัน เพื่อสลับกันดูแลลูก แต่หลังๆ เวลามันไม่ได้ เราไม่เต็มที่กับลูก เลยเปลี่ยนมาขายข้าวแกงตอนเช้า"
ทุกวัน แม่นกต้องตื่นตั้งแต่ตี 2 เพื่อทำกับข้าวประมาณ 10 อย่าง ก่อนออกมาขายที่หน้าหมู่บ้านสินสมบูรณ์ พุทธมณฑลสาย 4 ซอย 6 (จ.สมุทรสาคร) ที่แม่นกและครอบครัวเช่าห้องอยู่
"ตี 2 ตื่นมาทำกับข้าว ทำของ แล้วประมาณตี 4 ตี 5 แฟนจะมาหุ้งข้าวให้ และเรียกลูกมาช่วยกันตอนท้ายๆ แล้วก็ออกไปขาย ถ้าอย่างลูกยังอยู่ เขาก็ช่วยล้างของให้เราได้ แต่ถ้าลูกไปโรงเรียน ทุกอย่างตกอยู่ที่เรา เราต้องกลับมาล้างเอง และป้อนข้าวลูก เก็บกวาดบ้านทุกอย่าง"
หลังจากช่วยภรรยาขนอาหารไปตั้งร้านขาย สามีแม่นกถึงจะไปทำงานรับจ้างที่โรงงานตามปกติ ขณะที่ "เติ้ล" ลูกชายคนโต ซึ่งเรียน ปวส. รู้ว่ารายได้ที่พ่อแม่หาได้ไม่สมดุลกับรายจ่าย เขาจึงแบ่งเบาภาระ ด้วยการเลือกเรียนภาคค่ำ เพื่อที่ระหว่างวันจะได้ไปทำงาน หาเงินส่งตัวเองเรียน ส่วนเวลาที่เหลือ ก็ช่วยดูแลน้องๆ ส่วน "ติ๊ก" ลูกคนรอง เรียนอยู่ ปวช. ก็ช่วยดูแลน้องและช่วยแม่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง
นอกจากมีลูกชายคอยเป็นลูกมือช่วยแม่เตรียมอาหาร เพื่อไปขายในแต่ละวันแล้ว แม่นกยังมีคุณยายประยูน แม้ค้าแผงใกล้เคียงที่แสนใจดี มาช่วยเธอตักกับข้าวขายอีกด้วย
ขายข้าวแกงราคาถูก แทบหากำไรไม่ได้!!
ข้าวแกงของแม่นก ไม่เพียงรสชาติอร่อย แต่ยังขายถูกอย่างเหลือเชื่อ ราคากล่องละแค่ 20 บาท ราดกับข้าว 2 อย่าง เรียกว่าสวนกระแสต้นทุนที่วัตถุดิบราคาสูงขึ้นทุกอย่าง โดยแม่นกขายราคานี้มานานถึง 5 ปีแล้ว และยังไม่คิดขึ้นราคา เพราะเป้าหมายของแม่นก ไม่ได้อยู่ที่รายได้หรือกำไร แต่เน้นขายให้หมดไวๆ เพื่อจะได้รีบกลับไปดูแลลูก เพราะห่วงลูก ไม่อยากทิ้งลูกพิการทั้ง 2 คนให้อยู่บ้านตามลำพังเป็นเวลานานเกินไป
"(ถาม-นี่ยุคโควิด ที่น้ำมันแพง ยังขาย 20 อยู่?) ยัง 20 (ถาม-ทำไมไม่ขึ้นราคา?) มันขึ้นยากอยู่ ลูกค้าค่าแรงก็ไม่ได้ขึ้นเนอะ (ถาม-ขาย 20 บาท ได้กำไรหรือ?) ไม่รู้ ก็หมุนๆ อยู่ในนี้แหละ (ถาม-แทบไม่ได้กำไร แล้วทำทำไม?) ก็มีความสุข ลูกก็ได้กิน คนอื่นก็ได้กิน ได้กินทุกคนเลย"
คุณยายประยูนที่ช่วยแม่นกตักข้าวแกงขาย เล่าให้ฟังว่า แม่นกเป็นคนดีมีน้ำใจ เห็นคนยากไร้ ก็ให้ข้าวทานฟรีด้วย
"เขาเป็นคนเมตตาคน เวลาคนเดินผ่านมา คนที่ยากไร้ ก็แจกข้าวให้เขากิน (ถาม-ให้คนอื่นด้วย ทั้งที่ตัวเองก็ลำบากอยู่?) ใช่ เขาก็ลำบาก เวลาคนสติไม่ค่อยดีเดินมา เขาก็เรียก หนุ่มเอาข้าวไปกิน เขาก็ยกมือไหว้ เอาข้าวให้เขากิน"
เมื่อรายได้จากข้าวแกง แทบไม่เหลือกำไรให้ดูแลครอบครัว แม่นกต้องยอมเหนื่อยมากขึ้นด้วยการรับจ้างเย็บผ้าเป็นรายได้เสริม เท่าที่เวลาจะอำนวย
แม่นกทำงานทั้งวัน ตื่นตั้งแต่ตี 2 เตรียมอาหาร ขายอาหาร เก็บล้าง ดูแลลูก ไหนจะต้องตระเวนจ่ายตลาดซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหารขายในวันรุ่งขึ้นอีก ซื้อมาแล้ว ก็ต้องมาเตรียมบางอย่างที่เตรียมไว้ได้ ไหนจะรับจ้างเย็บผ้า กว่าจะได้นอนแต่ละวันก็ 5 ทุ่ม เหลือเวลานอนแค่ 3 ชม. ก่อนจะลุกขึ้นมาทำอาหารตอนตี 2
"(ถาม-ทำงานแทบไม่ได้พักผ่อน สุขภาพเป็นยังไงบ้าง?) ก็มีปวดแขนเหมือนจะยกไม่ขึ้น แขนและขาปวดร้าว เหมือนเราทำงานหนักด้วยมั้ง แต่ก็สู้ถึงที่สุด ไม่เป็นไร เราไปไหว กินยาแล้วไปต่อ ฝืนเอาได้ ช่างมัน (ถาม-เคยคิดไหมว่า การที่มีชีวิตครอบครัว การมีลูก จะต้องเจออะไรที่หนักหนาขนาดนี้?) ไม่ เราไม่รู้ แค่ทุกวันนี้ เราได้เห็นลูกยิ้ม หัวเราะ เราก็มีความสุขแล้ว เพราะปัญหามันเกิดแล้ว ลูกเป็นแบบนี้ (พิการ) แล้ว เราก็ต้องยอมรับ และผ่านไปให้ได้ทุกวันก็พอ"
"ทุกวันนี้ขอแค่ผ่านไปวันๆ แต่บางทีก็อดนึกไม่ได้ ถ้าลูกเจ็บป่วยหนักๆ ขึ้นมา เราจะเอาอะไรมาจ่าย ค่าใช้จ่ายที่ รพ. เราไม่เสียก็จริง แต่จะมีค่าแท็กซี่ ค่าอยู่ ค่ากิน และพ่อเขาต้องหยุดงาน ถ้าอีกคนอยู่ รพ.ปุ๊บ พ่อต้องหยุดงานดูคนนี้ ก็กลายเป็นเราตายทั้งคู่ โดยที่ทำอะไรไม่ได้ เราขายของไม่ได้ เขาทำงานไม่ได้ แล้วจะทำยังไง"
แม้หมอเคยบอกให้แม่ทำใจว่า ลูกทั้งสองจะอายุไม่ยืน แต่ถึงวันนี้ น้องอุ้มและน้องโปเต้ ก็อยู่กับแม่มานาน 15 ปี และ 12 ปีแล้ว แม่นกยอมเหนื่อย ยอมทำงานหนัก ยอมอดตาหลับขับตานอน เพื่อให้มีรายได้มาดูแลลูกๆ ขอเพียงให้ลูกมีชีวิตอยู่กับแม่ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม่ก็พอใจแล้ว
หากท่านใดสนใจอุดหนุนข้าวแกงแม่นก ขายบริเวณหน้าหมู่บ้านสินสมบูรณ์ พุทธมณฑลสาย 4 ซอย 6 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร / หากต้องการช่วยเหลือสิ่งของจำเป็นสำหรับน้องอุ้มและน้องโปเต้ (เช่น แพมเพิส นม) ติดต่อแม่นกได้ที่เบอร์ 065-843-8329 หรือหากต้องการช่วยเหลือเป็นเงิน สามารถโอนไปได้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาพุทธมณฑลสาย 4 ชื่อบัญชี น.ส.วาสนา จุมเฉียง เลขที่บัญชี 983-8-36670-6