ชายพิการช้ำ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงิน 2 แสน 4 หมื่น หลังขายที่มรดก
ชายพิการ วัย 50 ปีขายที่นาสมบัติชิ้นสุดท้ายฝากธนาคาร ถูกแก๊งคอลเซ็นตเตอร์หลอกโอนเงินทางแอปธนาคาร ทุกข์หนักสูญเงินไป 2 แสน 4 หมื่นบาท
ที่จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบกับ นายสงคราม ทับทิม อายุ 50 ปี ชายพิการผู้เสียหายจากการถูกหลอกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์จนสูญเงินไป 2 แสน 4 หมื่นบาท ที่ตำบลหนองกระทุ่ม อำเภอทัพทันจังหวัดอุทัยธานี
โดยนายสงครามฯ เปิดเผยว่า ตนเองได้ล้มป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาจนต้องเป็นอัมพฤกษ์ และกลายเป็นคนพิการ ต้องอยู่ตัวคนเดียวแต่ได้สมบัติเป็นที่นาที่พ่อแม่แบ่งให้และเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมาจึงตัดสินใจขายได้เงินมากว่า 4 แสนบาทและได้ฝากเงินบัญชีฝากประจำที่ธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาทัพทัน อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี เพื่อไว้ใช้จ่ายกับตัวเอง และมีอีก 1 บัญชีเป็นบัญชีออมทรัพย์ธนาคารเดียวกัน สำหรับโอนเงินเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาท
และเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา ในช่วงสายๆ ได้รับโทรศัพท์ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกสทช.ว่า นายสงครามฯ จะถูกระงับหมายเลขโทรศัพท์ภายใน 2 ชม. และจะให้การช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ขอให้กดหมายเลข 0 มีผู้รับสายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ว่า ตนเองมีคดีการฟอกเงินและพร้อมจะให้การช่วยเหลือไม่ให้โดนคดี
ต่อจากนั้นก็มีการเปลี่ยนการคุยทางไลน์ ซึ่งคราวนี้คนที่คุยด้วยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศร้อยตำรวจเอกชาติเวช รังสี หรือ หมวดโก้ และได้มีการคุยหว่านล้อมสอบ ถามว่ามีบัญชีธนาคารกี่บัญชี ตนเองก็ตอบไปว่ามี 2 บัญชีเป็นบัญชีฝากประจำและบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารแห่งหนึ่ง และขอดูบัญชีผ่านวีดีโอคอลให้เห็นจำนวนเงินที่อยู่ในบัญชี
ระหว่างการคุยยังมีการสอบถามว่ามีใครอยู่ด้วยหรือไม่ แล้วห้ามไปบอกใคร จากนั้นก็เกลี้ยกล่อมให้ตนเองไปปิดบัญชีบัญชีฝากประจำแล้วโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์แทน โดยเดินทางไปธนาคารในช่วงเวลา 15.00 น. ของวันเดียวกันเพื่อทำธุรกรรมตามที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์บอกมา จากนั้นก็เดินทางกลับบ้านระหว่างเดินทางกลับบ้านก็โทรมาสอบถามตลอดเวลาว่าถึงบ้านหรือยัง ตนเองก็บอกว่ายังไม่ถึงบ้าน พอถึงบ้านแล้วตนก็โทรผ่านทางไลน์คุยประมาณ 15 นาทีแล้ววางสาย
จากนั้นแก๊งคอนเซ็นเตอร์โทรกลับมาอีกและสอนวิธีการโอนผ่านแอป ให้กดอะไรก็ทำตาม มารู้อีกทีตอนดูแอปมีเงินเหลืออยู่ในบัญชีเพียง 5 พันกว่าบาทเท่านั้นโดยไม่รู้เงินถูกโอนออกจากบัญชีไปแล้ว โดยเงินที่โอนเข้าบัญชีนายศักดา มะเดื่อชุมพร บัญชีธนาคาร TMB ธนชาติ บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 1387032228 จากนั้นพยายามติดต่อกับแก๊งดังกล่าวก็ไม่ยอมรับสายจึงเชื่อว่าถูกหลอกแน่นอน ทำให้เกิดความทุกข์ใจอย่างหนักหากถูกหลอกคงหมดเนื้อหมดตัวจะมีเงินเบี้ยพิการเดือนละ 800 บาทไว้ใช้จ่ายเท่านั้น จึงไปแจ้งความในวันรุ่งขึ้น (8ก.ค.) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามดำเนินคดี
และในเช้าวันนี้ (10ก.ค.) นายสงคราม ทับทิม ผู้เสียหายได้ขอความช่วยเหลือไปยังนายธวัชแกว่น เขตรการ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่7 ให้พาไปที่ สภ.ตลุกดู่ท้อง ที่เกิดเหตุเพื่อติดตามถึงความคืบหน้าตามที่แจ้งความเอาไว้เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยได้พบกับพ.ต.ท.ศุภณัฐ โพธิ์พึ่ง พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ซึ่งได้รับคำตอบว่าได้ทำการอายัดบัญชีไปตั้งแต่วันแจ้งความแล้ว แต่บัญชีได้ถูกถ่ายเทออกจากบัญชีไปแล้ว
จากการตรวจสอบตามชื่อในบัญชีตอนนี้รู้แล้วว่าที่อยู่เจ้าของหมายเลขบัญชีที่โอนเงินไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจะได้การออกหมายเรียกเพื่อนำตัวมาสอบสวนว่ามีความเกี่ยวข้องกับแก๊งหลอกลวงหรือหากไม่เกี่ยวข้องก็ขอให้มาแสดงความบริสุทธิ์ และหากยังไม่มาอีกจะมีออกหมายจับในฐานะผู้ต้องหาเพื่อดำเนินการต่อไป
ทางด้านพนักงานสอบสวนยังได้ฝากเป็นอุทาหรณ์และฝากคำเตือนถึงประชาชนถึงการหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะการโทรจากเบอร์แปลกที่ไม่รู้จักหรือเป็นตัวเลขจำนวนเยอะๆ และมีเครื่องหมายบวกให้มั่นใจว่าเป็นแก๊งคอนเซ็นเตอร์หรือหากจะรับขอให้หนักแน่นพอว่าจะไม่ถูกหลอก และไม่เป็นตามที่แก๊งดังกล่าวแจ้งมา เช่นมีการกระทำผิดอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือคดีฟอกเงินเป็นต้น หากว่าเราไม่เป็นตามที่กล่าวอ้างก็ขอให้หยุดคุยและตัดสายไปเพื่อไม่ให้เป็นเหยื่อกับแก๊งคอนเซ็นเตอร์