"แม่จิ๊บ" ไม่ท้อแม้สามีพิการ สู้ขายขนมไทยแพ็คละ 5 บาท กำไรแค่ 50 สตางค์ หาเลี้ยง 4 ชีวิต!

"แม่จิ๊บ" ไม่ท้อแม้สามีพิการ สู้ขายขนมไทยแพ็คละ 5 บาท กำไรแค่ 50 สตางค์ หาเลี้ยง 4 ชีวิต!

รายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา พาคุณผู้ชมไปรู้จัก “แม่จิ๊บ” แม่ค้าขนมไทยสู้ชีวิต ต้องเป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัว 4 ชีวิต หลังสามีประสบอุบัติเหตุจนพิการติดเตียงมานานนับสิบปีแล้ว

"แม่จิ๊บ" อุไรวรรณ แมนไธสง คุณแม่ลูกสอง วัย 41 ต้องเป็นเสาหลักเพียงลำพังในการทำงานหารายได้เลี้ยงครอบครัว 4 ชีวิตมานาน 10 ปีแล้ว หลังสามีประสบอุบัติเหตุถูกรถชนจนพิการ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

"เขาพิการครึ่งซีก ซีกซ้ายใช้งานไม่ได้เลย แกนสมองมันตาย...กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง เหมือนเด็ก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ สื่อสารไม่ได้"

การช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ของสามี ทำให้เงินเก็บที่แม่จิ๊บเคยพอมีจากการทำงานสองคน หมดไปกับการตระเวนรักษาสามีอยู่ 2 ปี

แม่จิ๊บเป็นแม่ค้าขายขนมไทยที่ตลาดสดวันเดอร์ ย่านบางแค มาหลายปีแล้ว เธอไม่ได้ขายของกลางวันเหมือนแม่ค้าส่วนใหญ่ แต่มาตั้งร้านขายของตั้งแต่ 5 ทุ่มถึง 8 โมงเช้า ขนมไทยที่เธอรับมาขายมีมากมายหลายอย่าง เช่น ขนมชั้น ลอดช่อง สาคูไส้หมู ซ่าหริ่ม ขนมใส่ไส้ วุ้น ฯลฯ ที่สำคัญ เธอขายราคาถูกมาก แพ็คละแค่ 5 บาท วันไหนวันพระจะขายดีเป็นพิเศษ เพราะลูกค้าที่มาซื้อ ส่วนใหญ่ซื้อไปจัดชุดใส่บาตร หรือซื้อไปขายต่ออีกทอด

ขายขนมได้กำไรแค่ 50 สตางค์ต่อแพ็ก!!

"กำไรแค่แพ็คละ 50 สตางค์ (ถาม-ถ้าขายหมดนี่ก็ได้ไม่กี่ตังค์ มันคุ้มกับการทำงานของเราหรือ?) เคยปรับเหมือนกัน แต่ไม่ได้จริงๆ ลูกค้าไม่เอาเลย เพราะลูกค้าแต่ละคน ก็เอาไปปรับราคาขึ้นไมได้เหมือนกัน"

เมื่อขายขนมแทบไม่ได้กำไร แม่จิ๊บพยายามหาของมาขายเพิ่ม เช่น ขนมจีน-น้ำยาปลา ซึ่งก็ทำให้เธอต้องทำงานมากขึ้น เพราะต้องใช้เวลากลางวันช่วงบ่ายเตรียมของทำน้ำยาขนมจีนเพื่อไปขายช่วงดึกของทุกวัน การขายของตั้งแต่ดึกถึงเช้า แถมกลางวันก็ต้องทำงานและดูแลสามีอีก ทำให้เวลาที่เธอควรจะได้พักผ่อนหลับนอนค่อนข้างอัตคัดไม่น้อย

"ขายของเสร็จ 8 โมงเก็บร้าน ถึงบ้าน 9 โมง ก็ป้อนข้าวแฟน ป้อนเสร็จ ก็จัดการตัวเองเสร็จ 10 โมง เริ่มนอนช่วงแรก ตื่นประมาณเที่ยง เพราะต้องป้อนข้าวสามี พอบ่ายสองก็เตรียมของน้ำยาขนมจีน จะได้นอนอีกทีประมาณ 2 ทุ่ม ตื่น 4 ทุ่ม 50 (22.50 น.) เตรียมออกไปขายของ"

ลำพังกำไรในการขายของก็น้อยอยู่แล้ว แต่บางครั้งยังมีปัญหาที่คาดไม่ถึง ทำให้แม่จิ๊บต้องเสี่ยงต่อการขาดทุนเข้าไปอีก

"ตอนนี้ของขายเหมือนดูเยอะนะ แต่กำไรชิ้นหนึ่ง 50 สตางค์เท่านั้น ถ้าวันไหนคิดตังค์ผิด ทอนตังค์ผิด ก็เข้าเนื้อ มีนะ มีลูกค้าบางรายให้แบงก์ร้อย บอกแบงก์ 500 มันดึกมันมืด เจอแบงก์ปลอมก็มี ... เรื่องเหนื่อย หนูไม่ท้อเลย แต่ถ้าได้เงินปลอม ทำเงินหายนี่ หนูร้องไห้เลยนะ เพราะนั่นหมายถึงว่า ลูกเราจะไม่มีตังค์ไปโรงเรียนในวันนั้น"

แม้ต้องทำงานค่อนข้างหนัก แต่โชคดีที่ลูกสองคน ซึ่งอยู่ในวัยเรียน พยายามช่วยแม่ ทั้งงานบ้านและการดูแลพ่อ โดย “น้องกาน" ปราโมทย์ ปรางนวล ลูกชายคนโต วัย 21 แม้ดวงตาจะมองไม่เห็น 1 ข้างตั้งแต่เด็ก แต่น้องก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงช่วยแม่ทำงานได้มาก

"ตอนกลางคืน ผมจะไปตั้งร้านให้แม่ และช่วยแม่ขายของสักแป๊บหนึ่ง ตี 1-2 ก็กลับมานอน และตอนเช้า ถ้าวันไหนคิดว่ารถจะติด ก็ตื่นประมาณตี 5-6 โมง ไปโรงเรียน กลับมาตอนเย็น ถ้าทัน จะช่วยแม่ทำน้ำยา แต่ถ้าเป็นวันหยุดหรือปิดเทอม กลางวันผมจะอยู่บ้านทำงานแทนแม่ ล้างจาน ทำงานบ้าน ทำน้ำยาขนมจีน กลางคืนก็ไปตั้งร้านเหมือนเดิม"

ปัจจุบัน น้องกานเรียนอยู่คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา น้องไม่เพียงมีผลการเรียนดี แต่ยังใกล้จบการศึกษาแล้ว

ขณะที่ "น้องจีจ้า" สายสุข ปาจันทร์ ลูกสาวคนเล็กของแม่จิ๊บวัย 12 เรียนอยู่ชั้น ม.1 น้องสนใจเรื่องดนตรีและภาษา แต่รู้ว่าแม่ไม่ค่อยมีตังค์ จึงพยายามหาโครงการอบรมฟรี เพื่อรบกวนแม่ให้น้อยที่สุด

"เขาชอบเต้น ชอบร้องเพลง ขอไปเรียนกับโครงการทูบีนัมเบอร์วัน เดินไปเจอ เห็นเขาเต้นๆ อยู่ ขอแม่ แม่พาไปสมัคร สมัครปุ๊บ ชอบ ชอบปุ๊บ ทีแรกเรียนเต้นอย่างเดียว แม่ มีเกาหลีนะแม่ มีจีนนะแม่ มีร้องเพลงนะแม่..."

แม้ต้องทำงานหนักหรือเหนื่อยแค่ไหน แต่ลูกๆ ทั้งสองคือความสุขและความภูมิใจ ที่ช่วยให้แม่จิ๊บไม่เคยท้อ ส่วนความรู้สึกต่อสามี ที่อยู่ในสภาพช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มานานนับสิบปี แม่จิ๊บยืนยันว่า ถ้าไม่รัก คงไม่อยู่ดูแลมาจนถึงวันนี้

"ถ้าไม่รักก็คงไม่อยู่อย่างนี้ (ถาม-สภาพเขาไม่เหมือนเดิม ความรู้สึกเรายังเหมือนเดิมไหม?) ความรู้สึกก็เหมือนเดิม เพียงแต่มีหน้าที่บวกเข้ามา มีความรับผิดชอบเยอะขึ้นบวกเข้ามา เราท้อไม่ได้ ถ้าเราท้อปุ๊บ ลูก 2 คนกับแฟนอีก 1 ก็อยู่ไม่ได้"

แม้รายได้จากการขายขนมไทยและขนมจีนจะไม่ค่อยเพียงพอต่อการดูแลครอบครัว 4 ชีวิต แม้เวลานอนของแม่จิ๊บแทบไม่เคยนอนอิ่ม แต่เธอ ซึ่งเป็นเสาหลักหนึ่งเดียวของครอบครัว พร้อมสู้เพื่อลูกและสามีต่อไปด้วยหัวใจที่ไม่ท้อ

ขณะที่น้องกาน ลูกชายคนโต แม้ดวงตาจะมองเห็นแค่ข้างเดียว อยากบอกแม่ว่า"อยากให้แม่สุขภาพแข็งแรง ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากหาเงินมาช่วยแม่ได้เยอะๆ แม่จะได้เบาภาระงานลงบ้าง จะได้มีเวลาพักผ่อนเยอะๆ รักแม่มากๆ ครับ"

ด้านพระครูสุธีธรรมโสภิต รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดนิมมานรดี ย่านบางแค กทม. ซึ่งให้ความช่วยเหลืออนุเคราะห์ข้าวสารอาหารแห้งแก่ผู้ป่วยติดเตียงหลายรายในชุมชน รวมทั้งสามีแม่จิ๊บด้วย ได้กล่าวชื่นชมแม่จิ๊บว่า เป็นคนที่มีความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ มีลูกและสามีเป็นเป้าหมายในการสู้ชีวิต เป็นคนที่มีคุณธรรมและความกตัญญู แม้สามีที่เคยเป็นเสาหลักของครอบครัว จะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว แต่แม่จิ๊บก็ไม่ทอดทิ้ง ยังคงรัก เมตตา สงสารสามี และยังทำหน้าที่ของภรรยาต่อไปอย่างดีที่สุด

“ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับโยมจิ๊บและครอบครัว ให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงทั้งครอบครัว ฟันฝ่าวิกฤตต่างๆ ที่จะมากระทบไปได้ด้วยดี”

หากท่านใดต้องการช่วยเหลือสิ่งของจำเป็นสำหรับผู้ป่วยติดเตียง (สามีแม่จิ๊บ) ติดต่อแม่จิ๊บได้ที่เบอร์ 098-259-0289 หรือหากต้องการช่วยเหลือเป็นเงิน สามารถโอนไปได้ที่ ธนาคารออมสิน ชื่อบัญชี นางสาว อุไรวรรณ แมนไธสง เลขที่บัญชี 020 090 879 436

ขอบคุณ... https://mgronline.com/news1/detail/9650000074305

ที่มา: mgronline.com/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 5 ส.ค.65
วันที่โพสต์: 5/08/2565 เวลา 11:06:10 ดูภาพสไลด์โชว์ "แม่จิ๊บ" ไม่ท้อแม้สามีพิการ สู้ขายขนมไทยแพ็คละ 5 บาท กำไรแค่ 50 สตางค์ หาเลี้ยง 4 ชีวิต!