อดีตสาวโรงงานผวา! เงินปริศนาเด้งเข้าบัญชีก่อนถูกโทร.ทวงขู่ฆ่า คุกคามญาติคนรู้จัก วอน ตร.เร่งจับ
บุรีรัมย์ - อดีตสาวโรงงานวัย 51 ชาวบุรีรัมย์ผวาหลังมีเงินปริศนาเด้งเข้าบัญชีธนาคาร 5,400 บาททั้งที่ไม่ได้สมัครหรือยื่นกู้ โร่แจ้ง ตร.ทันที ผ่านไป 1 สัปดาห์มีคนโทร.เข้ามือถืออ้างเป็นเจ้าของเงินหาว่ากู้ออนไลน์ต้องจ่ายคืนทั้งต้นและดอกเบี้ยรวมกว่าหมื่นบาท แถมขู่ไม่จ่ายจะฆ่าให้ตาย ทั้งโทร.ไปคุกคามญาติและคนรู้จักที่มีเบอร์ในมือถือ พี่สาวพิการถึงกับร้องไห้กลัวถูกบุกทำร้าย วอน ตร.เร่งตามจับ
วันนี้ (4 ส.ค.) นางการะเกต กับแก้ว อายุ 51 ปี อดีตพนักงานโรงงานซึ่งปัจจุบันออกมารับจ้างเย็บผ้าที่บ้านเพื่อดูแลพี่สาวพิการ และแม่ที่แก่ชรา ที่บ้านใน ต.สนวน อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังมีแก๊งมิจฉาชีพโทรศัพท์มาทวงเงินกล่าวหาว่าไปกู้เงินออนไลน์ บังคับให้จ่ายคืนทั้งต้นและดอกเบี้ยรวมกว่า 1 หมื่นบาท ทั้งที่ไม่ได้สมัครหรือยื่นกู้ใด แต่มียอดเงินปริศนาเด้งเข้ามาในบัญชีธนาคารครั้งละ 1,800 บาท จำนวน 3 ครั้งภายในวันเดียว รวมเป็นยอดเงิน 5,400 บาท
ปัจจุบันยอดเงินดังกล่าวก็ยังอยู่ในบัญชีครบทุกบาทไม่เคยถอนไปใช้แม้แต่บาทเดียว เพราะไม่รู้ว่าเป็นเงินอะไรโอนมาจากที่ไหน พอบอกให้มาเอาคืน แก๊งมิจฉาชีพกลับข่มขู่ว่าจะมาฆ่าให้ตายทั้งครอบครัว ทั้งยังโทร.ไปข่มขู่คุกคามญาติและคนรู้จักที่เมมเบอร์ไว้ในมือถือ จนญาติและคนรู้จักเข้าใจผิดหาว่าไปกู้เงินแล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อนต้องถูกทวงถาม ทำให้เครียดและเดือดร้อนมาก
นางการะเกตเล่าว่า วันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะนั่งเย็บผ้าอยู่ที่บ้านมีข้อความแจ้งเตือนในมือถือ พอเปิดดูพบว่าเป็นแอปฯ ธนาคารแจ้งว่ามียอดเงินโอนเข้าบัญชี ธ.ก.ส.ไล่เลี่ยกันจำนวน 3 ยอด คือเวลา 10.26 น. จำนวน 2 ยอดครั้งละ 1,800 บาท และเวลา 10.39 น. อีก 1 ยอด 1,800 บาท รวมเป็นเงิน 5,400 บาท ก็แปลกใจว่าเป็นเงินอะไรโอนมาจากไหน จึงได้ไปปรึกษาเพื่อนบ้าน เขาแนะนำให้ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งตนไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ห้วยราช ในวันที่ 26 ก.ค.ทันที เพื่อยืนยันว่าไม่รู้ที่ไปที่มาของเงินและไม่ได้ยื่นกู้อะไร
ทั้งไปสอบถามธนาคารให้ช่วยตรวจสอบว่าเงินที่โอนมามาจากที่ไหน จากการตรวจสอบพบเงินที่โอนมา 3 ยอด ยอดละ 1,800 บาท ต้นทางเป็นชื่อผู้ชาย 2 บัญชี อีก 1 บัญชีเป็นชื่อผู้หญิง ซึ่งตนก็ไม่ได้ยุ่งกับยอดเงินปริศนาที่โอนมาเลยยังอยู่ในบัญชีครบทุกบาท แต่แก๊งมิจฉาชีพก็ยังโทร.มาทวงและข่มขู่ทั้งตัวเองและคนรู้จักทุกวัน จนรู้สึกเครียดและกลัว เพราะไม่รู้ว่าแก๊งมิจฉาชีพรู้ข้อมูลส่วนตัวและเบอร์โทร.ทั้งของตนเองและคนที่รู้จักได้อย่างไร
ตอนนี้กลัวมากเพราะที่บ้านมีทั้งแม่ที่แก่ชรา พี่สาวพิการ อยู่บ้าน ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามแก๊งมิจฉาชีพดังกล่าวมาดำเนินคดี
น.ส.ประกอบ การรัมย์ อายุ 59 ปี พี่สาวซึ่งพิการแขนขาลีบ พูดทั้งน้ำตาว่า สงสารน้องสาวที่ถูกแก๊งมิจฉาชีพทวงเงินทั้งที่ไม่ได้ไปกู้ยืมอะไร ส่วนตัวเองซึ่งพิการเคลื่อนไหวไปมาลำบากก็กลัวจะถูกแก๊งมิจฉาชีพบุกเข้ามาทำร้ายถึงในบ้านตามที่เขาข่มขู่เอาไว้ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับกุมตัวมาดำเนินคดีด้วย
ขณะที่ น.ส.ดุษฎี โกติรัมย์ อายุ 39 ปี หนึ่งในเพื่อนบ้านที่ถูกแก๊งมิจฉาชีพโทร.คุกคาม บอกว่า ตนเองก็ถูกมิจฉาชีพโทร.มาคุกคามทวงถามเงิน โดยอ้างว่านางการะเกตไปกู้เงินออนไลน์แล้วไม่จ่าย แต่พอตนไปสอบถามนางการะเกตก็ยืนยันว่าไม่เคยไปกู้ยืมเงินออนไลน์หรือสมัครอะไรในมือถือเลย แต่เจ้าตัวบอกว่ามีเงินโอนเข้ามาในบัญชีจริงแต่ไม่รู้ที่ไปที่มาของเงินและไม่ได้นำเงินไปใช้ ตนจึงแนะนำให้ไปแจ้งความ
จากกรณีดังกล่าวตนแปลกใจว่าคนร้ายรู้ข้อมูลส่วนตัว เบอร์มือถือของนางการะเกต และคนที่รู้จักกับนางการะเกตได้อย่างไร หากคนร้ายมีวิธีการที่สามารถแฮกข้อมูลในมือถือได้ถือเป็นสิ่งที่อันตรายและเป็นภัยต่อประชาชนมาก อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้ช่วยติดตามจับกุมแก๊งดังกล่าวมาดำเนินคดีด้วยเพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุกับคนอื่นอีก