"ยายจ้อย" สุดยอดคุณแม่วัย 93 เลี้ยงลูกสาวฝาแฝดพิการติดเตียง ใช้เบี้ยคนแก่-คนพิการยังชีพ
เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 12 ส.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หมู่ 7 ต.ดงพระราม อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี มีเรื่องราวความรักของแม่ต่อลูก ที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย ที่แม่เฒ่า วัย 93 ปี ชื่อนางจ้อย จิตรพินิจ ที่มีต่อลูกสาวฝาแฝดพิการ จ.ปราจีนบุรี กับลูกสาวฝาแฝด คือ น.ส.ธิดารัตน์ หรือเล็ก และน.ส.ธัญญา หรือใหญ่ อายุ 51 ปี โดยลูกสาวฝาแฝดของนางจ้อยนั้น เป็นโรคกระดูกงอกมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ส่งผลให้ลูกฝาแฝดทั้งคู่ของนางจ้อยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จนถึงปัจจุบันแม่ต้องดูแลลูกสาวฝาแฝดทั้งคู่มากว่า 80 ปีแล้ว
โดยแต่ละวันจะคอยดูแลลูกสาวฝาแฝดพิการทั้งคู่ นับจากการให้น้ำ ป้อนข้าว ทำความสะอาด ไม่ให้เกิดแผลกดทับ เพราะลูกสาวทั้ง 2 ที่พิการ คนแรกธิดารัตน์จะนอนกับที่อย่างเดียวลุกไม่ได้ ส่วนกัลยา ลุกยืนได้ แต่ก็ต้องช่วยประคับประคอง และนั่งไม่ได้แต่ต่อมาในช่วงหลังนี้ทั้งคู่ต้องนอนติดเตียงตลอด
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่มาที่หมู่บ้านหนองกระจับ เป็นบ้านปูนชั้นเดียวของป้าจ้อย พบป้าจ้อยกำลังป้อนข้าวเหนียวให้ลูกรักทั้งคู่อย่างเมตตา เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคมนี้ ป้าจ้อย กล่าวถึงความรู้สึกว่า “ความรู้สึกของป้าจ้อย ที่มีต่อลูกสาวฝาแฝดนั้น นางจ้อย กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า“รักและทะนุถนอมดูแลลูกตลอด และสงสารมาก ที่ลูกสาวฝาแฝดพิการของเธอ กำพร้าพ่อมาตั้งแต่เล็ก แม่รักลูกอย่างไรก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะลูกสาวฝาแฝดทั้ 2 เกิดมาไม่เหมือคนคนอื่น พ่อมาเสียชีวิตตั้งแต่ทั้งคู่อยู่ในท้องประมาณ 3 เดือน ไม่เคยเห็นหน้าพ่อ พอ อายุได้ 6 ขวบก็มาพิการแล้ว เกรงว่า ในปั้นปลายนี้ ที่ตนเองสังขารทรุดโทรมมากเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ยิ่งตอนนี้แก่มาก หูตึงฟังไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว เดินเหินลำบากมาด่วนตายจากไปลูกพิการจะเป็นอย่างไร?
จนล่าสุดลูกชายที่บวชเป็นพระนานกว่า 22 พรรษา ได้ลาสิกขาออกมาดูแลแม่ และน้องฝาแฝดทั้ง 2 คอยหาปลา หาผัก มาหุงหาเลี้ยงน้องและแม่ที่แก่ชรามากแล้ว และไม่มีรายได้อื่นใด นอกจากเบี้ยคนแก่ เบี้ยคนพิการของฝาแฝดทั้ง 2 และความเมตตาข้าวก้นบาตรจากหลวงพ่อเงินวัดสะเดาโด่(วัดแก้วสามัคคี)
ทั้งนี้ ก่อนหน้า นั้นปี พ.ศ.2551 ป้าจ้อยกล่าวต่อไปว่า ตนเอง เคยได้รับรางวัล “แม่ดีเด่น” จากนางพรรณี แก่นสุวรรณ ผวจ.ปราจีนบุรี เนื่องในวันแม่แห่งชาติเป็นขวัญและกำลังใจมาก่อนหน้านี้ และยังได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อเงินเจ้าอาวาสวัดสะเดาโด่(วัดแก้วสามัคคี) คอยเมตตาให้ข้าวก้นบาตรมาโดยตลอด
และ จากอดีตที่เมื่อก่อนนี้นั้น คุณยาย จะเดินไปทำกิจกรรมช่วยเหลืองานพระสงฆ์ ที่วัดแก้วสามัคคีธรรม (วัดสระเด่าโด่) ปัดกวาด ถู ล้างจาน จัดเสนาสนะ ขากลับก็จะนำอาหารจากวัดหรือข้าวก้นบาตรพระมาให้ลูกสาวทั้ง 2 คนได้รับประทาน ตอนนี้เดินเหินลำบากจึงเฝ้าคอยดูแลลูกฝาแฝดเท่านั้น”ป้าจ้อยกล่าว
และหากประชาชน ได้รับทราบเรื่องราวความรักของยอดคุณแม่วัย 93 ปี ต่อลูกสาวฝาแฝดพิการทั้งคู่นี้แล้ว หากมีผู้มีจิตเมตตาอยากช่วยเหลือ อดีตแม่ดีเด่น กับ ลูกสาวฝาแฝด สามารถดูแลช่วยเหลือได้ที่ ชื่อบัญชี นางจ้อย จิตรพินิจ ประเภทออมทรัพย์ 010102246140 ธกส. หรือ ชื่อบัญชีนางเล็นศรี โอวาทสุวรรณ เพื่อ น.ส.ธัญญา จิตรพินิจ เลขบัญชี 010102231-943 ฝากออมทรัพย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษต (ธกส.)
พระครูบวร สังฆการ หรือ หลวงพ่อเงิน อายุ 82 ปี เจ้าอาวาส วัดแก้วสามัคคี (วัดสะเดาโด่) กล่าวว่า โยมจ้อยเป็นคนที่มีใจใฝ่ช่วยเหลือในศาสนา มีจิตเมตตากับลูก ๆ ที่พิการเลี้ยงดูแลอย่างดีมาตลอดทั้งชีวิต เมื่อก่อนนี้หลังจากดูแลลูกฝาแฝดแล้ว จะมาช่วยปัดกวาดวัดวาอาราม เสนาสนะ เก็บล้างถ้วย จานชาม ดูแลข้าวปลาอาหารช่วยเหลือพระภิกษุสงฆ์ ทางวัดเองก็ช่วยสงเคราะห์ อาหาร ช่วยกันดูแล แต่ระยะหลังนี้ ที่อายุมากไม่สามารถมาช่วยเหลือวัดได้ ทางวัดก็ยังคงช่วยสงเคราะห์ข้างสารอาหารแห้ง ขนมช่วยเหลือกันอยู่
ด้านนายบรรจง จิตรพินิจ อายุ 60ปี ลูกชายป้าจ้อย กล่าวว่า ตนเองเคยบวชมานานกว่า 22 พรรษา เนื่องจากร่างกายสู้ไม่ไหวโรคหลายโรคทั้งเบาหวาน หัวใจ เส้นเลือดตีบ แม่ตนเองก็แก่ไปไหนไม่ไหว ก็สึกออกมาดูแลแม่ไป โดยหากินแบบพึ่งพาธรรมชาติ ทำการประมงพื้นบ้านหาปลา วันละ 1 -2 กก.ก็พอนำมาเลี้ยง
ลูกสาวทั้ง 2 ที่พิการ น.ส.ธิดารัตน์ หรือเล็ก และ น.ส.ธัญญา หรือ ใหญ่ อายุ 51 ปี กล่าวถึงความรู้สึกต่อแม่สั้น ๆเพียงว่า รักแม่ รักแม่มากที่สุด